วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

พลังแห่งความเป็นกลางและพลังสายฟ้าแห่งเทพซูส

ช่วงนี้ บางคนอาจจะกำลังลุ้นใจตุ้มๆ ต่อมๆ กับสงครามที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่? ระหว่างเกาหลีเหนือและอื่น ทำเอาเว็บหลายเว็บที่พี่ชายเข้าไป ดูเงียบเหงาชอบกล เหมือนเงียบรอฟังสถานการณ์ ไม่กล้าพูดอะไรกันมากนัก แต่ที่แน่ๆ ทำเอาทองขึ้นราคามาอีก หลังจากที่เพิ่งราคาตกไปไม่นาน (แหม ช่างเหมาะเจาะจริงๆ ตกก่อนแล้วช้อนซื้อก็จะได้ขายราคาแพงต่อไป) ไม่ว่ากันหรอกนะ ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเอง และตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างกัน จึงต้องมีบทบาทที่จะเล่นต่างกันไป ก็เท่านั้นเอง ส่วนเราเป็นตัวเล็กตัวน้อย ก็มีบทบาทต่างไปอีกแบบ เอาละ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้เป็นเรื่องของเทพซูส ดังนี้


อย่างแรก พี่ชายขอปูพื้นก่อนนิดหนึ่งคือ ที่้ต้องมาพูดถึงพลังของเทพซูสเพราะอย่างที่บอกแล้วว่าปีนี้ เป็นปีของไกอา ซึ่งจะมีอำนาจและมีบทบาททางโลกมาก แล้วยังมีเทพองค์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เ้ข้ามามีส่วนในการดำเนินการด้วย ที่สำคัญก็ำได้แก่ เทพซูส, เทพฮาเดส ดังที่เคยได้เม้าท์ไว้บ้างแล้ว ทีนี้ ก็เลยจะมาดูเรื่องของเทพซูสกันบ้าง แต่หากจะเม้าท์คงเม้าท์ไม่หมด เลยเจาะเอาแต่เรื่อง "พลังของเทพซูส" ละกัน เพราะอะไร? เพราะพลังงานเป็นเอกลักษณะเฉพาะตัวของเทพแต่ ละองค์ ที่ถ้าเราฝึกจิตสัมผัส มีพื้นฐานมาทาง "อรูปฌาน" ดีแล้ว เราก็จะสัมผัสรับรู้ถึงพลังของเทพต่างๆ และการทำงานของเทพต่างๆ ได้ ดังนั้น เราจึงมาศึกษาพลังงานของเทพซูสกัน นั่นเอง และเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ให้เราลองนึกถึง "ท้องฟ้าและสายฟ้า" เป็นหลัก ก็จะสัมผัสพลังของเทพซูสได้ไม่ยากครับ กล่าวคือ พลังงานของเทพซูสจะมีลักษณะคล้ายท้องฟ้าและสายฟ้า ที่คล้ายท้องฟ้าคือ มีความเป็น กลางต่อทุกสิ่ง ไม่แบ่งแยกพรรคพวก ฝั่งฝ่าย มีความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เรียกว่า "ยุติธรรม" นั่นเอง (ตรงนี้เหมือนน้องชายคือเทพฮาเดส ก็รักความยุติธรรม เหมือนกัน แต่เทพฮาเดสจะติดชอบพิพากษาและลงโทษคนครับ ส่วนเทพซูสไม่ได้ใช้วิธีแบบนั้น) และมีความใจกว้างเหมือนท้องฟ้า โอบอุ้มทุกสรรพสิ่งได้หมด ทว่า ท่านจะไม่ค่อยติดดินเท่าไรนัก เพราะเป็นท้องฟ้าอยู่สูง จนคนต้องเอื้อม แต่ถ้าคนไหนเคยเกิดเป็นนกมาก่อนในอดีตชาติ ก็จะมีบุญสัมพันธ์กับเทพซูศได้ง่ายๆ ก็เพราะ "นกคู่กับฟ้า" ไงละครับ ต่อไปคือ พลังสายฟ้า ซึ่งเป็นพลังของไฟฟ้าขั้วบวกและลบ มีสองขั้ว หากปะทะกันเมื่อไรก็จะเกิดประกายไฟ กลายเป็นฟ้าผ่า นั่นเอง อนึ่ง ไฟฟ้าขั้วบวกและลบนี้ ไม่ไ่ด้มาจากท้อง ฟ้าโดยตรง แต่มาจากสิ่งอื่นๆ เพียงแต่ท้องฟ้าเป็นทางผ่านเท่านั้น จึงอุปมาเหมือนสายทองแดงนำไฟฟ้า คือ นอกจากจะเป็นกลางแล้ว ยังไม่เฉื่อยชาหรือมีสภาพเหมือนยางที่ไม่นำไฟฟ้า (ยางจะเป็นกลางแต่ไม่นำไฟฟ้า) เพราะมีทั้งความเป็นกลาง, และความนำไฟฟ้า หรือนำทั้งขั้วบวกและลบ ให้ผ่านไป มีทั้งมาและไปอย่างสมดุล เมื่อใดที่เกิดการลัดเส้นทางก็จะช็อตเท่านั้นเอง ถ้าไม่เกิดการลัดวงจรพลังขั้วบวกและลบไม่ปะทะกัน ก็ไม่เกิดไฟฟ้าช็อตหรือฟ้าผ่าขึ้น พอนึกออกนะ


อย่างที่สอง พี่ชายจะเม้าท์ถึงการบำเพ็ญบารมีอย่างไร? ฝึกจิตยังไงจึงได้ผลแบบเทพซูสนี้ ก็ง่ายๆ ครับ ถ้าใครเคยบำเพ็ญบารมีมาทางพระสุริยเทพแล้ว ก็จะคล้ายกันเลย ต่างกันนิดเดียวเท่านั้น กล่าวคือ ถ้าเราบำเพ็ญแบบพระสุริยเทพ เราก็จะต้องเริ่มต้นจาก "ความรัก" มี ดวงใจทิพย์เก็บพลังรักไว้ แล้วแทนที่เราจะรักเหมือนปุถุชน หวังครองคู่กับคนที่เรารัก เราก็สละไปแล้วแผ่พลังแห่งรักจากดวงใจทิพย์ไปทั่ว ก็จะกลายเป็นดวงอาทิตย์ นั่นเอง ทีนี้ แบบของเทพซูสก็จะยากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง กล่าวคือ เริ่มจากความรักที่รักได้ยาก เช่น ความรักที่ผิดประเพณีหรือไม่มีความเป็นไปได้ จนกระทั่งข้ามเส้นนั้นไปให้ได้ ก็จะรักได้หมดทุกอย่างอะไรแบบนั้น ใจจะกว้าง เปิดกว้างไปเลย แล้วให้เท่าๆ กัน อย่างยุติธรรมเป็นธรรมต่อทุกสิ่ง ส่วนพลังนั้นจะไม่ใช่พลังธาตุไฟแบบพระสุริยเทพ แต่จะเป็นพลังที่เป็นกลาง, ใส, บริสุทธิ์ คือ "รักด้วยใจใสบริสุทธิ์" นั่นเอง ไม่หวังอะไรตอบแทน และไม่คิดไขว่คว้ามาครองคู่ แต่ทำไปด้วยจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์ กว้างและเป็นกลาง ก็จะสำเร็จ "ดวงใจแห่งเทพซูส" ซึ่งมีลักษณะธรรมเป็นดั่งท้องฟ้า นั่นเอง ดังนั้น การบำเพ็ญแบบเทพซูส จึงต้องมีทั้งพลังสายร้อนและเย็น ดำเนินไปจนถึงภาวะเป็นกลางให้ได้ (จุดนี้ จึงยากและซับซ้อนกว่าการบำเพ็ญแบบสุริยเทพ) ความใสและความเป็นกลางก็ทำได้ยากกว่่า "ธาตุไฟ" (ธาตุไฟจะร้อนและสว่าง) เมื่อสำเร็จแล้วจะต่างจากพระสุริยเทพ เช่น ไม่รีบร้อนแสดงธรรม, ไม่จำเป็นต้องสว่างทุกวัน (ไม่ต้องแสดงธรรมทุกวัน ไม่ต้องเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน) แต่จะรู้วาระโอกาสที่เหมาะสม รอเวลานั้นแล้วสามารถแสดงธรรมได้ฉับพลันดุจสายฟ้าฟาด ผู้ที่ได้รับธรรมก็จะได้ธรรมอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าธรรมจากพระสุริยเทพ บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ไม่ต้องขยายความ ไม่ต้องทำให้กระจ่าง ไม่้ต้องทำให้แจ้ง ก็ได้ ปล่อยไว้จนกว่าจะถึงวาระอันควร เมื่อถึงวาระนั้นแล้ว ก็ใช้สายฟ้า (วัชระ) ให้ธรรมทันที


เอาละ เม้าท์ให้ฟังเล่นๆ เพลินๆ เพราะมีคนทักท้วงพี่ชายมา ให้เม้าท์เรื่องของเทพซูสบ้าง จะฝึกแบบเทพซูสทำอย่างไร? ก็เลยเม้าท์ไปตามคำเรียกร้อง เอาแต่พอหอมปากหอมคอ หอมมากกว่านี้ไม่ได้อ่ะ เพราะมันเสียว ... อ๊ะ มะช่าย ล้อเล่นนะตัวเอง อ้อ บางคนอาจสงสัยว่าพลังสายฟ้าของเทพซูสมาได้ยังไง? ก็คือ ไม่ต้องสร้างเองนะครับ มันมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ประจุบวกลบ และความมีขั้วมีข้างน่ะ เพียงแต่เราทำตัวเป็น "ผู้นำ-ตัวนำไฟฟ้า" เท่านั้น พลังงานขั้วบวกและลบนั้นก็จะไหลผ่านมาเอง ดังนั้น แม้เราจะเป็นกลาง ต่อต้องไม่เหนื่อยหน่ายหรือเฉื่อยชาต่อการมีขั้วมีข้างของผู้คนนะ (ไม่งั้นจะกลายเป็นยางหรือพลาสติกที่ไม่นำไฟฟ้า) อยู่ท่ามกลางพวกเขา ยอมให้พลังของพวกเขาไหลเข้ามาแล้วไหลออกไป เช่น รับฟังเขาทั้งสองข้าง และไม่เก็บมายึด ไม่ปฏิเสธ ไม่เบื่อหน่าย แต่ถ่ายเทไปต่อไป มันก็จะกลายเป็นพลังไฟฟ้าเองแหละ ไม่เชื่อต้องลองทำดูเองละ เวลามีเพื่อนทะเลาะแบ่งเป็นสองพวก เราไม่เืบื่อเข้าไปเป็นตัวกลาง ตัวนำ ความทางหนึ่งไปสู่ทางหนึ่ง ใจเป็นกลางๆ ใสๆ ซื่อๆ ไม่เข้าข้างใคร แค่นั้นละ เดี๋ยวไฟฟ้าก็จะไหลไปเอง ถ้าไม่ช็อตซะก่อน ก็จะกลายเป็นประโยชน์ Ok ถึงเวลาพักละ วันนี้ มาบ่ายไปเร็ว ไม่กวนเวลาใครๆ ละ สวัสดีครับ