วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เข้าสู่วิถีแห่ง "พระผู้ไถ่" อย่างเรียบง่ายได้ด้วยตัวคุณเอง

ฮาโหลฮ่า วันนี้มีคำถามอีกแล้วที่หลายคนชอบสงสัยและอยากรู้อยากเห็น อะไรๆ ในตัวพี่ชายกันบ่อยมาก คำถามมีอยู่ว่า "ว่างๆ พี่ชายชอบทำอะไรคะ?" พี่ชายขอตอบว่า "พี่ชายไม่ว่างเลย เพราะต้องทำกิจของเทพอย่างขยันขันแข็งตลอดเวลา" แล้วถ้าถามพี่ชายต่อว่า "แล้วพี่ชายทำกิจอะไรคะ?" พี่ชายก็ต้องตอบว่า "บรรทมศิลป์อ่า" มันเป็นกิจเทพๆ มากเรย เอาละรู้จักกับกิจกรรมยามว่างของเทวทูตสุดลั้ลลากันไปแล้ว ทีนี้มาเข้าเรื่องของเราดีกว่านะ วันนี้ เป็นเรื่องของการไถ่ ไถ่อะไร ยังไง? เหมือนในเพลง "ไถ่เธอคืนมา" อ่ะป่าว อ้าว อย่าสงสัยให้มากเลย พี่ชายเตรียมคำตอบไว้ให้แล้ว เชิญอ่านได้เลย


อย่างแรกที่จะทำให้เราเข้าใจการไถ่ได้ จะเริ่มต้นจาก "ตัวตนหลากมิติ" ของเราเอง ที่ไม่ถูกจำกัดเพียงแต่ "ตัวตนเชิงสังขาร" นี้เท่านั้น เพราะถ้าเรายังติดอยู่กับตัวตนเชิงสังขาร เราจะไม่มีวันเข้าใจถึงตัวตนอื่นที่อยู่ในมิติอื่นๆ ของเราได้เลยและเราก็จะไม่เข้าใจการไถ่ เอาละ เพื่อให้ง่ายที่สุด พี่ชายยกตัวอย่างก็แล้วกัน พระถังซัมจั๋งไปเจอซุนหงอคง แล้วได้ช่วยปล่อยเขาออกมาจากที่ถูกกักขังไว้ ณ ภูเขาแห่งหนึ่ง น่านละ มันก็คือ "การไถ่" อย่างหนึ่ง แต่ทีนี้ พี่ชายจะกล่าวถึงการไถ่ "ตัวตนต่างมิติ" มาจาก "ภาคมืด" จะได้ชัดเจนกันไปเลย คือ ภาคมืดจะจับเอาจิตวิญญาณของปวงสัตว์ไปพันธนาการไว้ ทำให้ไม่มีอิสระ สมมุติคนๆ หนึ่งมีจิตวิญญาณ ๒ ตัวตนแรกๆ ก็อยู่อย่างเป็นตัวเอง มีธรรมชาติดีอยู่ ต่อมาอยากได้เงินเดือน เลยไปขอเป็นลูกน้องใครบางคน ในที่สุด สูญเสียธรรมชาติแห่งจิตที่อิสระเสรี และกลายเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงให้เชื่องจนเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านไป ต่อมาก็สูญเสียความสามารถในการ "หากินได้ด้วยตนเอง" ไปในที่สุด ซึ่งพี่ชายเคยเจอนะครับ ญาติพี่ชายเองเมื่อก่อนเป็นหญิงบ้านนอกหากินก็เก่ง จับปลา, หาผัก อยู่อย่างอิสระเสรี แต่ตอนนี้ เธอภูมิใจกับการเป็นแม่บ้านมาก เพราะได้เงินเดือน ทว่า ธรรมชาติเดิมของเธอก็ค่อยหายไปละ อย่างนี้ บางทีจิตวิญญาณของคนเราอาจไม่ได้เสียไปหมดทั้งตัวนะ ถ้ามี ๒ จิตวิญญาณ อาจเสียไปสัก ๑ จิตวิญญาณ แล้วก็รับ "ตัวตนแห่งความเป็นทาสชั้นดี" เข้ามาแทน เลยเปลี่ยนไปเป็นคน ละคนเลย พอนึกภาพออกเนอะ ทีนี้ พอเสียไปแล้ว มันก็ต้องมีการไถ่เอาิจิตวิญญาณเหล่านั้นคืนมาไง ซึ่งมันมีหลายวิธีครับ เช่น ไปแย่งชิงมาเลยด้วยฤทธิ์, การมีกามแล้วคนที่พันธนาการตัวตนต่างมิติของเราไว้ เขาปล่อยให้เราขณะมีกามกัน, การทำงานรับใช้จนไถ่หนี้ได้หมดก็จะได้ตัวตนต่างมิติคืนมา, การแลกเปลี่ยนเอาตัวตนต่างมิติของเราคืนโดยแลกกับสิ่งอื่น, การเรียกคืนโดยขานนามดั้งเดิมของเขา ฯลฯ


ดังนั้น เพื่อให้เกิดการไถ่ อันเป็นกิจของพระเจ้า หรือกิจที่เราทำให้แก่พระเจ้า ไม่ได้ทำให้แก่เจ้านายคนไหนในโลกนี้ เราจึงต้องยอมเป็นลูกน้องคนอื่นบ้างในบางครั้งครับ แต่อย่ายอมเขาเพราะอยากได้สิ่งที่เขาหลอกล่อให้แก่เรา เช่น ลาภสักการะ, เงินทอง, ตำแหน่ง, อำนาจ ฯลฯ นะครับ เราต้องระลึกชัดเจนว่าเราทำกิจการไถ่เพื่อพระเจ้า เรามีพระเจ้าเป็นเจ้านายของเรา แต่เราต้องทำงานเป็นลูกน้องของเขาเืพื่อจะได้ "ไถ่เอาตัวตนต่างมิติ" ของเราคืนมา นั่นเอง ดังนั้น พี่ชายจึงไม่ได้แนะนำให้ต่อต้านระบบการจ้างงานใดๆ ไม่ต้องไปล้มล้างระบบเขานะครับ และเราก็ไม่ได้บอกให้หลงใหลได้ปลื้มอะไรกับระบบเหล่านี้ แต่ให้เรา "ทำกิจการไถ่ อันเป็นกิจเพื่อพระเจ้า" ของเราไป โดยเราจะต้องปรับตัวเข้ากับระบบพวกนี้ หรือบางครั้งก็อาจต้องอยู่ในระบบพวกนี้บ้างบางครั้งครับ ซึ่งมันจะไม่ใช่ตลอดไป เช่น พี่ชายก็ต้องทำงานเป็นลูกน้องหรือพนักงานบริษัท ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พี่ชายชอบนักหรอกที่จะต้องมีเจ้านายที่ไม่ใช่พระเจ้าน่ะ พี่ชายทำงานอยู่ ๒ ปี กว่าๆ ก็หมดละ คือ หมดวาระไถ่เอาตัวตนต่างมิติกลับคืนมา ทำให้พี่ชายได้โอกาสบวช มีตัวตนตัวใหม่เกิดขึ้น จากพนักงานบริษัทก็กลายเป็นพระไป นี่ไง พี่ชายไถ่เอาตัวตนตัวนั้นมาเลยได้เป็นพระเลย แล้วพี่ชายก็ทำกิจต่อไป จนในที่สุดก็คลี่คลายได้ ต่อมาพี่ชายก็เลยสึก แล้วมาทำหน้าที่แบบฆราวาสต่อไป พอเห็นภาพของ "การไถ่" นะครับ ว่าเราจะต้องทำอย่างไร การไถ่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนไถ่ตัวตนต่างมิติได้โดยไม่ต้องทำงานรับใช้ใครก็มี เช่น คนที่มีพลังจิตดึงดูดเอาตัวตนต่างมิติมาได้มากๆ เขาก็จะไม่ต้องทำงานรับใช้ใคร แค่ "นั่งนึก นั่งคิดฝันไปวันๆ" พลังจิตก็จะดึงดูดเอาตัวตนต่างมิติมาสู่เขา ทำให้เขาเกิดความคิดสับสนเยอะแยะทันที เหมือนมีคนเป็นสิบๆ คนมารุมๆๆ บอกให้ทำอย่างนั้น ไปทางนี้ ฯลฯ อะไรเยอะไปหมด นั่นแหละ เขาใช้พลังจิตดึงเอาตัวตนต่างมิติของเขากลับคืนมา มันก็คือ "การไถ่" แต่ไม่ต้องใช้วิธีการทำงานรับใช้ นั่นเอง เขาเลยสบายตัว ไม่ต้องทำงานทางโลก แต่ทำกิจเพื่อพระเจ้าคือ "การไถ่" แบบนี้ไปเรื่อยๆ ไงครับ


เอาละ เม้า่ท์ให้ฟังง่ายๆ สบายๆ นะ อย่าคิดมาก สรุปคือ การทำงานในระบบที่ต้องอยู่ใต้เจ้านายใดๆ ก็คือ "กิจการไถ่" อย่างหนึ่ง ที่เราจะทำให้แก่พระเจ้า โดยไม่ต้องทำลายหรือต่อต้านระบบทางโลกอะไร และจะไม่หลงระบบทางโลกหรือสิ่งหลอกล่อใดๆ ของเจ้านายคนนั้น เพราะเราจะมี "พระเจ้าเป็นนายของเรา" เพียงหนึ่งเดียวไงครับ เช่นนี้ เราก็จะไม่ทำลายหรือต่อต้านระบบทางโลกให้วุ่นวาย แต่จะทำหน้าที่ของเรา ทำกิจของเรา ทำงานของเรา ด้วยใจที่ผ่องใส เพื่อพระเจ้าแต่ไม่หลงโลก ไม่หลงสิ่งหลอกล่อใดๆ สำหรับบทความวันนี้ ขอจบเท่านี้ก่อน พบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ