วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

พลังจิตเรียกเงินทอง

หลายคนคงเคยได้อ่านหนังสือดังที่ชื่อว่า "พ่อรวยสอนลูก" มาเยอะละ วันนี้ พี่ชายอยากแนะนำ "เืพื่อนรักของเงินทอง" ในแบบฉบับของพี่ชายแนะนำเพื่อนๆ กันบ้าง ดูสิว่าจะแตกต่างจากฉบับพ่อรวยสอนลูกยังไง รับรองว่า "แตกต่างกันแน่" เพราะมันจะเปิดประตูสู่มิติใหม่ ให้เราทุกคน เกี่ยวกับเงินทอง อย่าช้าเลย เข้าเรื่อง อ่านกันเลยดีกว่า


อย่างแีรก พี่ชายขอบอกเป็นการเบื้องต้นก่อนว่า พลังจิตเรียกเงินทองนี้ ไม่ใช่การได้เงินทองมาจากการทำงานแลกเงินนะครับ และเราจะไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น ในที่นี้ เราแนะนำให้ "ท่านทำกิจต่างๆ โดยไม่ได้หวังผลตอบแทน" กิจที่เกื้อกูลแก่มวลชน ทำเลยครับ อย่ามัวรอให้คนมาให้ผลตอบแทนหรือจ้างเราก่อน "เราต้องเป็นเจ้าของกิจการ" นั้นๆ ด้วยตัวเราเอง มิใช่ รอให้ "เจ้านายมาสั่งใช้ มาจ้างเราทำ" นะครับ จึงต้องมี "พลังจิตเรียกเงินทอง" ด้วยไงครับ เพราะถ้าเราทำกิจโดยไม่มีเงินทองเลย ในยุคปัจจุบัน "มันไม่เข้ากับสมมุติทางโลก" และอาจก่อปัญหาต่อระบบสมมุติทางโลกตามมาได้ พี่ชายไม่แนะนำให้ก่อเรื่องเช่นนั้น ดังนั้น เมื่อเราทำกิจโดยไม่หวังผลตอบแทนแล้ว เราจึงต้องมีพลังจิตเรียกเงินทองด้วย ไม่ว่าเงินทองนั้นจะมาทางไหนก็ตาม ขอให้มาโดยชอบก็พอ เช่น มาด้วยการให้ เป็นต้น ก็เป็นไปได้ครับ อันนี้ พี่ชายได้ไปอ่านบทความแปลจากต่างประเทศที่มีผู้สื่อสารต่างมิติ เขาได้แนะนำให้ไว้ เขาบอกประมาณว่า ให้เรามีทัศนคติเชิงบวกกับเงินแล้วใช้วิธีอะไรอย่างหนึ่งง่ายๆ เงินก็จะเข้ามาได้ครับ ใช่ครับ เรื่องการมีทัศนคติเชิงบวกกับเงิน เป็นสิ่งที่ดี และเขายังแนะนำอีกว่าให้นึกว่าเงินเหมือนคนมีชีวิตจิตใจ แต่เราต้องไม่อยากได้อะไีรจากเงินก่อน นี่ก็ตรงกันเลยครับ ทว่า สิ่งที่พี่ชายจะบอกต่อไปก็จะต่อเืนื่องจากเขานี่ละ  ต่างกันนิดหน่อย พี่ชายจะเขียนเสริมเขาอีกนิดเท่านั้น และพี่ชายก็ได้รับข้อมูลมาไม่นานนี้เอง จึงยังไม่ได้ทดลองฝึกด้วยตนเองมาก แต่ว่ามีบางครั้งที่เงินเข้ามาโดยไม่ได้อยู่ในรูปของการจ้างหรือแลกเปลี่ยน ปัจจุบัน พี่ชายก็ไ้ด้เงินมาด้วยวิธีอย่างนั้น สุจริตโดยชอบ แต่ไม่ได้มาจากการจ้างหรือแลกเปลี่ยนครับ เอาละ เราควรปลดปล่อยตัวเองออกจากวังวนของการจ้างงานและการแลกเปลี่ยน มาเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งไม่หวังผลประโยชน์แอบแฝงเข้าตัวเอง แต่หวังผลประโยชน์ที่เป็น "สากลแก่ทุกสรรพสิ่ง" และเราจะมาฝึกใช้พลังจิตเรียกเงินทองกันละ


อย่างที่สอง พี่ชายขออธิบายวิธีกาีรใช้พลังจิตดึุงเงินทองเข้ามาให้นะ อย่างแรก เราจะไม่สร้างกำแพงทัศนคติเชิงลบกั้นไม่ให้เงินทองนั้นมาสู่ตัวเรา ซึ่งบางคนอาจจะมีครับ เช่น กลัวว่าเงินทองจะนำไปสู่ปัญหา ซึ่งเงินทองไม่ใช่ตัวปัญหา "ปัญหาอยู่ที่ตัวคนใช้เงินทอง" ต่างหาก ทีนี้ พอเราปลดกำแพงทัศนคติเชิงลบออกไปแล้ว เราจะใช้่ทัศนคติเชิงบวกแทน เพื่อเปิดทางให้เงินเข้ามาได้ แต่นี่คือ "การเปิดประตูรับเงินทอง" เท่านั้นเองครับ ยังไม่ใช่ "พลังดึงดูดเงินทอง" ซึ่งเดี๋ยวพี่ชายจะแนะนำให้ฟังต่อไป แต่จะขออธิบาย "เทคนิกในการเปิดประตูทัศนคติเชิงบวกที่มีต่อเงินทอง" ให้ ง่ายๆ ครับ ได้ทุกอย่าง อะไรก็ได้ ที่ทำให้เรามีทัศนคติที่ดีต่อเงินทอง ใช้ได้หมดครับ เช่น ไปเอาต้นไม้ที่มีชื่อว่า "ต้นเงิน ต้นทอง" มาปลูก ก็ได้, เอาสิ่งมงคลที่เรียกเงินทอง มาเก็บไว้ก็ได้ ทุกอย่างนะครับ ได้หมด ไม่ต้องไปแสวงหาหรือใช้เงินซื้อมาก็ได้ครับ ของขลังเรียกทรัพย์ที่ต้องใช้เงินบูชาแพงๆ ไม่จำเ็ป็นสำหรับ "นักพลังจิต" อย่างพวกเรานะครับ เพราะเราจะใช้พลังจิตของเราโดยตรง ส่วนของต่างๆ ที่ประกอบเข้ามานั้น "เป็นองค์ประกอบเล็กน้อยก็เท่านั้น" ใช้ได้หมดครับ ทุกอย่างนะครับ ทีนี้ พอมีอะไรมาสะิกิดให้เรามีทัศนคติเชิงบวกกับเงินทองแล้ว เหมือนประกายไฟถูกจุดมาแล้วเราก็จะเริ่มใช้พลังดึงดูดเงินทองให้เข้ามาละแต่พี่ชายขอให้ระวังนิดหนึ่งว่า "เราจะไม่เห็นเงินเป็นพระเจ้า" นะครับ วิธีการง่ายๆ คือ เราจะมองเขาเหมือน "เืพื่อนรัก" นะครับ เราคือตัวแทนของแสงสว่างที่จะนำทางเพื่อนรักของเราคนนี้ ไปสู่กิจกรรมเพื่อปวงชนอย่างที่เราได้ทำมามากแล้ว เราอยากแนะนำและนำทางให้ "เงินทอง" เพื่อนรักของเราสองคนนี้ ได้มีความสุขแบบ "ไร้จำกัด" เมื่อทำกิจกรรมเืพื่อ "มหาชน" อย่างเราครับ ดังนั้น เราจะต้องเป็น "ผู้นำให้เงินทอง" คือ เราจะต้องคิดและทำสิ่งดีๆ ก่อน "โดยไม่มีเงินทองมาร่วมก่อน" ครับ เราทำก่อนเพราะเราคือ "ผู้นำ" ไงละ ทำๆๆ ไปอย่างนั้นละ โดยไม่มีเงินทอง แล้วทำให้มีความสุขนะ แบบว่าลั้ลลา แฮปปี้มากๆ เลยอ่ะ ก็เพราะว่า "เพื่อนที่ชื่อว่าเงิน" เขาชอบอะไรที่มีความสุข แฮปปี้มากๆ น่ะครับ ไม่ชอบอะไรที่ทุกข์หม่นหมอง ส่วน "เพื่อนที่ชื่อว่าทอง" เขาก็ชอบอะไรที่มีคุณประโยชน์ เป็นคุณ เป็นประโยชน์ ดังนั้น ถ้าเราทำสิ่งที่มีคุณประโยชน์และมีความสุขด้วย "เพื่อนสองคนที่ชื่อเงินและทอง" ก็จะอยากมาอยู่กับเราครับ "โดยไม่ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนหรือการจ้าง" เลย โอเคนะ สำคัญมากๆ คือ เราต้องไม่ขออะไรจากเงินทอง ถ้าเราทำเช่นนั้น เงินทองจะไม่ใช่เพื่อนของเราอีกต่อไป เขาจะแปลงร่างเป็น "พระเจ้าของเรา" ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีครับ เพราะเราจะกลายเป็น "ทาสของเงินทอง" และเข้าสู่ความมืดมิดไป อย่าืลืมว่า "เราคือผู้นำ เราคือเจ้าของกิจการ ที่ทำเพื่อสากลประโยชน์" เราทำกิจต่างๆ โดยไม่มีเงินทองมาร่วมก่อน แต่ทำให้เกิดประโยชน์และมีความสุขกับเราเอง นั่นแหละ จะเป็นพลังดึงดูดให้เพื่อนที่ชื่อว่า "เงินและทอง" มาสู่เรา และเราจะนำทางเพื่อนรักสองคนนี้ ไปยังทางสว่าง เพราะเราคือ "ตัวแทนของแสงสว่าง" นะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากได้บ้าน เราก็มักคิดว่าบ้านราคาเท่าไร จะต้องเอาเงินมาเท่าไร? แบบนี้ เราจะกลายเป็นทาสของเงิน เราจะไม่ทำ เราจะเปลี่ยนเป็น "สร้างบ้าน" ที่ไม่ใช้เงินเลย เอาแบบง่ายๆ ที่เราทำได้ เช่น บ้านดินก็ได้ครับ ง่ายๆ แล้วทำให้เกิืดประโยชน์แก่มวลชน ทำอย่างมีความสุข แล้วเงินทองเขาก็จะมาหาเราเอง เหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่อยากเข้าใกล้เรา เพราะเขาชอบ "คนที่มีความสุขและมีคุณประโยชน์" นะครับ โอเคนะครับ


เอาละ บทความง่ายๆ ทำง่ายๆ สรุปคือ "เราต้องทำสิ่งดีๆ ก่อนโดยที่ไม่มีเงิน" และ "ทำด้วยความสุขลั้ลลา" แล้วเงินทองต่างๆ ก็จะตามมาหาเราเอง เราไม่ต้องไปหาเงินทอง เราคือ ผู้นำ ที่เงินทองจะตามเรามา เราจะไม่เป็นผู้ตามหาเงินทอง เราจะไม่เป็นทาสของเงินทอง นะครับ เงินทองจะเข้ามาหาเราโดยที่ไม่่ผ่านการแลกเปลี่ยนและการจ้างงาน เพราะ "เงินทองไม่ใช่พระเจ้า" แต่เป็น "เพื่อนรักของเรา" ที่เราจะนำทางเขาสู่แสงสว่าง นั่นเองครับ เอาละ หลักการง่ายๆ ลองไปใช้กันดูละ เพราะพี่ชายยังใช้ได้ไม่เต็มที่แต่ก็เห็นผลแล้ว คือ เงินทองค่อยๆ เข้ามาเองโดยไม่ผ่านการจ้างงานและการแลกเปลี่ยนครับ ถ้าพี่ชายฝึกเก่งๆ กว่านี้ อาจจะเข้ามาได้มากกว่านี้ครับ แล้วจะเอามาเม้าท์ให้ัฟังกันใหม่ สำหรับบทความฉบับนี้ ต้องขอลาไปก่อนครับ สวัสดี