วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ชาวเขา ชาวเล ชาวป่า ชาวแอฟริกา กับเชื้อสายไกอาที่เข้มข้น

มีเรื่องเม้าท์นิดหนึ่งละตัวเอง คือว่า เขาอาจจะไม่ได้โพสกระทู้ทุกวันเหมือนก่อนแล้วนะ เพราะเขาเปลี่ยนพลังงานนิดหน่อย แต่ว่าก็จะทำหน้าที่อยู่เรื่อยๆ น่ะแหละ ดังนั้น วันไหนที่ไม่มีกระทู้ใหม่ไม่ต้องตกใจ ยังไงก็จะมีกระทู้ใหม่ๆ มาเรื่อยๆ แม้จะไม่ทุกวันนะจ๊ะ อ้อ มีเรื่องเม้าท์อีกเรื่องหนึ่ง มีคนในกูเกิลเขาอยากคุยกะพี่ชาย ก็เลยเขียนมาว่าแชทกันหน่อยไหม (ภาษาอังกฤษนะ) อะไรแบบนั้น พี่ชายก็เลยเขียนไปว่า "อ้าว แล้วแชทอย่างไรละ ฉันแชทไม่เป็น" เขาก็เงียบไปเลย โธ่ .. แค่คำถามง่ายๆ ตอบไม่ได้ซะละ แล้วยังจะมาแชทกะพี่ชายอีก โฮ่ๆๆ เอาละ เข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้ ขอเน้นเรื่องของพลังไกอาต่อนะ ก็ปีนี้เป็นปีของไกอา คนที่ไม่เข้าใจจะซวยและแย่เอาได้ คิดว่า โลกจะแตก หรือภัยพิบัติจะมาเยือนอะไรแบบนั้น แต่ว่า มันไม่ใช่อย่างนี้เลย มันเป็นแค่ "การทดสอบของไกอา" เท่านั้น อย่างที่พี่ชายบอกอย่างไรละ ว่าเราจะต้องสอบให้ผ่านด้วยการปรับตัวเข้ากับสิ่งที่แปรปรวนให้ได้ ก็แค่นั้นเอง อย่างพี่ชายนะ ก็อยู่กะอุณหภูมิกลางวันใกล้่ ๔๐ C. เข้าไปแล้ว ไม่มีแอร์หรอกนะ แต่ก็อยู่ได้ละ ดังนั้น บทความวันนี้ เราจึงมาคุยเรื่องนี้ต่อกัน เพราะสำคัญมาก เป็นเรื่องวิธีการที่เทพีไกอาใช้เพื่อพัฒนาลูกๆ ของตน เพื่อให้พวกเขาเติบโตมากขึ้น ดังต่อไปนี้ 



อย่างแรก พี่ชายขอปูพื้นนิดหนึ่งว่าพลังงานต่างดาว จะมาจากนอกโลก และเราจะต้องผ่านการเปิดจักระที่เจ็ด เืพื่อเปิดรับนะครับ ที่เขาเรียกว่่า "พลังจักรวาล" น่ะแหละ แต่สำหรับพลังไกอาแล้ว จะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอะไร? ก็เพราะไม่ใช่พลังต่างดาวน่ะสิ โฮ่ๆๆ อ้าว แล้วมันอยู่ไหนละ? จะไปขุดเจาะหรือดูดขึ้นมาใช้ได้อย่างไร? โอ้ย อีหร่า บ่แม่นหยั๋งดอก ง่ายๆ จั๊งซี่ เดี๋ยวข่อยสิบอกไห่แน่ 555 ก็คือ มันไม่ต้องทำอะไรอย่างนั้นเลยสักนิดเดียว มันง่ายมั๊กๆๆ อ้าว ไหงง่ายซะขนาดละฮา คิงบ่ฮู้จั๊กแน่ อ้อ ที่ง่ายก็เพราะว่า ร่างกายของเราได้รับการผลิตมาจากโลกอยู่แล้ว นั่นเอง และในทุกอณูและ DNA ของเรา มันก็ถูกประจุไปด้วยพลังของไกอาอยู่แล้ว มันมีอยู่แล้วอ่ะ เพียงแต่รอให้เราปลุกมันขึ้นมาใช้ เท่านั้นเอง ทีนี้ คำถามคือ "แล้วจะปลุกพลังยังไงละ" โอ้ย อีหร่า ถามเง่าๆ เน้่อ มันบ่แม่นต้องทำจั๊งได๋เล้ย คือ มันไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะโลกหรือเทพีไกอาทำอยู่แล้ว ด้วยการที่มีความแปรปรวนของโลกนี่แหละ มันคือ การปลุกพลังของเราอยู่แล้ว เช่น เวลาที่อากาศร้อนมากๆ มันก็กำลังจะปลุกพลังชนิดหนึ่ง แต่เวลาที่มันหนาวมากๆ มันก็กำลังปลุกพลังอีกชนิดหนึ่ง ทีนี้ พอเราร้อนมาก เราก็หนีหลบเข้า่ห้องแอร์ แหม มันก็จบเห่สิเออ ไม่ทันได้รับการปลุกพลังกันเลย ทำตัวเป็นมนุษย์ต่างดาวไปได้ ที่อ่อนแอปรับตัวเข้ากับโลกได้ยาก พอร้อนหน่อยก็หนีเข้าห้องแล้ปไปซะนั่น พอหนาวหน่อยก็มุดเข้าไปหน้าเตาผิง เอาละ เมื่อใดที่เราลดการพึ่งพาเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ เมื่อนั้นละ เราก็จะเข้าสู่ "โปรแกรมฟิตเนส" ที่ออกแบบโดยเทพีไกอาทันที โลกทั้งใบก็จะกลายเป็นฟิตเนสสุดหรู ที่หะรูหะรามั๊ก ทุกอย่างกลายเป็นอุปกรณ์ฟิตเนสที่ทันสมัยที่สุดในโลก ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ลองนึกถึงการดำรงชีพตามธรรมชาติของชาวป่า, ชาวเขา, ชาวเล, ชาวแอฟริกา ฯลฯ ก็แล้วกัน นั่นแหละ วิถีที่จะทำให้ได้รับพลังจากไกอา (ซึ่งมีอยู่แล้ว แค่ปลุกมันขึ้นมาใช้ ก็เท่านั้นเอง) 



อย่างที่สอง พี่ชายอยากจะเ่ม้าท์ลึกๆ เนื้อๆ เน้นๆ ไปอีกหน่อยหนึ่งว่า ดั้งเดิมแล้ว สิ่งมีชีวิตบนโลกก็ล้วนเป็นผู้ที่มีเชื้อสายไกอาเข้มข้นทั้งนั้นแหละ แต่หลังๆ จะมี "เชื้อสายต่างดาว" เข้ามาปะปนและผสมอยู่ด้วย ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ และพันธุกรรมใหม่ๆ ขึ้น พวกที่ได้รับการผสมพันธุ์จากต่างดาว คือ มีเชื้อสายลูกผสมต่างดาว พวกแรกๆ ก็มีสัตว์เดรัจฉานก่อน เป็นการทดลองก่อนที่จะทำกับมนุษย์น่ะ ผลที่ได้คือ บางส่วนปรับตัวไม่ได้ แล้วสูญพันธุ์ไปเลย ส่วนพวกที่รอดก็จะเ็ป็นสัตว์ที่มีเชื้อสายไกอาเข้มข้น หรือเป็นเชื้อสายตรง เป็นพันธุ์พื้นบ้านน่ะแหละ เช่น ชาวเขา, ชาวเล, ชาวป่า, ชาวแอฟริกา ฯลฯ เป็นต้น ทีนี้ อย่าเพิ่งไปดูถูกพวกเขาเชียวละ เพราะพวกเขาคือ "อันดับหนึ่งในการปรับตัวเพื่ออยู่รอดบนโลกนี้" และถ้าเรามีเชื้อสายไกอาไม่เข้มข้นเท่าพวกเขา ไม่แน่ เราอาจจะไม่รอดก็ได้นะเอ้า สิบอกไห่ ดังนั้น พี่ชาย ก็เลยต้องปรับพลังงานนิดหน่อย หลังจากที่รับพลังต่างดาวไปมาก ทีนี้ ก็ปรับมารับพลังงานจากโลกแทน หุๆๆ เพื่อความอยู่รอดน่ะตัวเอ้ง ถึงไม่ค่อยได้เขียนบทความต่างดาวมากอย่างไรละ (และผู้อ่่านก็ควรรับพลังไกอาด้วยนะ เพื่อความอยู่รอดน่ะ) ทีนี้ เทพีไกอามีหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้เชื้อสายของเธอ ได้อยู่รอดบนโลกใบนี้ร่วมกันโดยไม่ทำร้ายเธอ ไม่ทำร้ายโลก โอเค เช่น การที่เทพีไกอาให้วิธีการดำรงชีพแบบต่างๆ ของคนถ้ำ, คนป่า, คนเขา ฯลฯ หรือแม้แต่ประเพณีที่มีการลุยไฟของคนโบราณเพื่อพิสูจน์ความเป็นชาย อะไรแบบนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสอนของเธอนะ เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งไปดูถูกสิ่งที่เขาทำกันละ เช่น เห็นชนเผ่าตองเหลือง ไม่นุ่งเสื้อผ้า ย้ายที่อยู่ไปมา เมื่อใบตองเหลือง อะไรแบบนี้ นั่นแหละ คือ วิถีแห่งการปลุกพลังไกอา และดำรงอยู่ในโลกนี้ได้โดยไม่ทำลายโลก ที่พวกเขาหลายคน ก็ไม่อาจจะทำได้อย่างเขานะ จะบอกให้ (แต่ปัจจุบัน ไม่มีเหลือแล้ว)


เอาละ เม้าท์ยาวอีกละ เพราะมีคนถามพี่ชายมาว่า "จะัปลุกพลังเหล่านี้ได้อย่างไร?" ก็เลยตอบให้ ง่ายๆ สรุปสั้นๆ นะ "พึ่งพาเครื่องอำนวยความสะดวกให้น้อยที่สุด แล้วพลังดั้งเดิม พลังไกอาในตัวของเจ้า ก็จะตื่นขึ้นมาทำงาน ทำงานแทนเครื่องอำนวยความสะดวกเหล่านั้น" โอเค? ง่ายดีมะ แต่เวลาอธิบายนี่ อาจจะต้องยาวหน่อย เพราะคนยุคนี้ เข้าใจอะไรสั้นๆ ได้ยาก เลยต้องลากเท้าความกันมาแต่ปางก่อน รอคอยเะอมาหาแสนนานนน ทรมานวิญญาณ ฮื้อหือ หนักหนาาา อ๊ะ มะช่ายละ นั่นมันเพลง "แต่ปางก่อน" ตะหากเล่า เอาละ เห็นทีว่าต้องหาท่อนจบซะที เดี๋ยวจะจบไม่ลง โฮ่ๆๆ เม้าท์มันเกินไป ราตรีสวัสดิ์จ้า...



วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ลูกครึ่งต่างดาว คือ คุณหรือเปล่า?

ช่วงนี้ กำลังเข้าสู่ความร้อนตับแตก ตับๆๆๆๆ ในขณะที่บางประเทศกลับหนาวเข้ากระดูกดำ โอ้วว อย่าเพิ่งตกใจไป นั่นคือ การทดสอบจากโลกของเรานั่นเอง ว่าเราจะปรับตัวเข้ากับธรรมชาติของโลกนี้ได้มากเพียงใด เหล่ามนุษย์ต่างดาวทั้งหลายอย่าได้แตกตื่นไปนะ โลกยังไม่แตกดอก ยังไม่ต้องรีบหาจานบินกลับดาวแม่ ยังต้องอยู่สู้กันต่อไปครับ เอาละ มาเข้าเรื่องของเราเลย วันนี้ เรื่องของลูกครึ่งต่างดาว หรือภาษาฝรั่งเรียกว่า "อินดิโก้" เป็นอย่างไร เราลองมาดูกันนะครับ


อย่างแรกพี่ชายขอปูพื้นหน่อยหนึ่งว่าตอนนี้พลังต่างดาวมาสู่โลกมาก  และมาพร้อมกับ "มนุษย์ต่างดาว" ด้วย โดยเฉพาะมนุษย์ต่างดาวร่างโปร่งแสง แทนที่จะมาทั้งร่างเนื้อๆ เพราะอะไร? เพราัะมันไม่เวิร์กอ่ะ มนุษย์ต่างดาวกลุ่มแรกๆ ที่มาด้วยร่างเนื้อๆ ปรับตัวเข้ากับโลกได้ยากมาก และอ่อนแอจนตายไปเยอะแยะเชียว ดังนั้น การแพร่พันธุกรรมที่ใช้ "มนุษย์ต่างดาวร่างโปร่งแสง" จึงเป็นทางเลือกใหม่ โดยมนุษย์ต่างดาวร่างโปร่งแสงนี้ จะมาเกิดในท้องมนุษย์โลกเพื่อรับพลังจากดีเอ็นเอของมนุษย์โลกบางส่วน ก็จะสามารถปรับตัวเข้ากับโลกได้ดี หรือไม่ก็ประสานมาในร่างของมนุษย์โลกที่โตเต็มวัยแล้วก็ได้ แต่ไม่มาก เพราะวิธีนี้ยากกว่าวิธีแรกมาก ดังนั้น มนุษย์ต่างดาวร่างโปร่ง แสงจึงแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ ๑. กลุ่มที่เกิดผ่านท้องมนุษย์ พวกนี้จะอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก อายุพวกเขาในปัจจุบัน ก็ไม่เกิน ๓๐ ปี คือ เริ่มมาได้ไม่เกิน ๓๐ ปี มากน้อยกว่านี้หน่อยได้บ้าง ๒. กลุ่มที่เกิดโดยการประสานร่างมนุษย์ ที่เรียกว่า "การกำเนิดใหม่" ซึ่งจะยากกว่าแบบแรก แต่เกิดได้ในคนทุกช่วงอายุ ผลคือ ทำให้ได้พันธุกรรมใหม่ที่มีทั้งพลังของมนุษย์ต่างดาวและพลังของดาวโลก ทำให้มนุษย์ต่างดาวไม่ต้องอยู่ในสภาพอ่อนแอเิกินไป จริงๆ เขาไม่ใช่พวกอ่อนแอนะ เพียงแต่ว่าเขาปรับตัวเข้ากับโลกไม่ค่อยได้ มันต่างกันมาก มันเลยทำให้เขาดูมีความอ่อนแอ อะไรแบบนั้น และหลังจากนี้ไป มันก็จะดีขึ้น เพราะการผสมพันธุ์ข้ามดวงดาว จะทำให้ได้พันธุกรรมใหม่ที่ดีกว่า ทั้งความทนต่อสภาพของโลก (พันธุกรรมจากโลก) และความสามารถพิเศษ (มาจากพันธุกรรมต่างดาว) ซึ่งพี่ชายของเรียกสิ่งนี้ว่า "ลูกครึ่งต่างดาว" หรือที่ภาษาฝรั่งเรียกว่า "อินดิโก้" (Indigo) ส่วนพวกมนุษย์ต่างดาวเต็มตัว ๑๐๐% จะไม่ค่อยมีละ จะค่อยๆ ตายไปในปีนี้ เพราะทนไม่ไหวต่อสภาพของโลก ร้อนบ้าง หนาวบ้าง ฯลฯ แปรปรวนสุดๆ (ใช่ม๊ะ)


อย่างที่สอง เรามาสำรวจกันดีกว่าว่าเรา "ใช่ม๊ะ" เป็นพันธุกรรมผสม จากมนุษย์โลกกี่เปอร์เซ็นต์ และจากมนุษย์ต่างดาวกี่เปอร์เซ็นต์ เราลองมาดูง่ายๆ นะ โดยเราจะลองเทียบกับข้อมูลพื้นฐาน ดังต่อไปนี้

๑. ลักษณะมนุษย์โลก จะมีลักษณะ บ้านๆ พื้นๆ เหมือนคนป่าเถื่อน ล้าหลัง คนป่า คนอาฟริกา ฯลฯ แต่จะอดทนมาก ปรับตัวเข้ากับสภาพในโลกนี้ได้ดีมาก อึดทนทายาท ยากตายชะมัด ปรับตัวเข้ากับโลกได้แม้ ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ไม่มีพลังพิเศษอะไรนอกจากนี้ และชอบการเปิดกว้างรู้จักกันไปทั้งโลกไม่ชอบแบ่งแยกเป็น "โลกส่วนตัว" คือ ไม่มีโลกส่วนตัว ไม่มีวงการอะไรซ้อนอยู่ในโลกของเรา เปิดกว้างครับ  

๒. ลักษณะมนุษย์ต่างดาว จะมีลักษณะ หรูหรา มีระดับ สูงส่ง ไม่ว่าจะสูงส่งทางโลกหรือสูงส่งทางธรรม ก็ตาม เป็นได้ทั้งนั้น แต่จะอ่อนแอ ปรับตัวเข้ากับสภาพความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ยาก ร้อนหน่อย ก็แย่ หนาวหน่อยก็แย่ อะไรแบบนั้น ต้องอยู่ในห้องปรับสภาพอากาศที่ทำให้เย็นหรืออุ่นได้ตามต้องการ มีโลกส่วนตัวและยังมีสังคมที่อยู่ในวงการเดียวกัน มีความสามารถพิเศษที่แตกต่างจากคนบ้านๆ ทั่วไป

๓. ลักษณะมนุษย์ต่างดาวมืด จะมีลักษณะคล้ายมนุษย์ต่างดาวสว่าง แต่จะไม่คิดกลับดาวแม่ แต่จะหาทางอยู่กินในโลกนี้ให้ได้ จะแก่งแย่งแข่งขันกันมาก จนเครียด จนมืดดำ เพราะกลับดาวแม่ไม่ได้แล้ว ต้อง หาทางอยู่ในโลกนี้ให้ได้อย่างเดียว ซึ่งพวกมนุษย์ต่างดาวภาคสว่าง ชอบคิดถึงดาวแม่และหาทางกลับดาวแม่ประจำ (เพราะปรับตัวไม่ได้ และยังมีทางกลับดาวแม่ได้ นั่นเอง) และมักหาทางใช้มนุษย์โลกเป็นบริวาร เหมือนกันมนุษย์โลกที่เลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งานอย่างนั้น ไม่ต่างกัน

เอาละ ค่อนข้างแตกต่างกันชัดเจนนะครับระหว่างพลังของมนุษย์โลกกับพลังของมนุษย์ต่างดาว คิดว่าท่านน่าจะพอแยกแยะได้ชัดเจนละ ทีนี้ ก็ลองสำรวจตัวเองดูนะว่า คุณมีพลังโลกและต่างดาว ในสัดส่วนเท่าไร อ้อแล้วยังมีอีกพวกหนึ่งคือ "มนุษย์โลกฝันค้าง" คือพวกมนุษย์โลกที่ได้รับข้อมูลเรื่องมนุษย์ต่างดาว แล้วอยากเป็นมนุษย์ต่างดาวบ้าง ก็พยายามศึกษาหาความรู้ ว่าที่นั่นมีมนุษย์ต่างดาว เขาตรงนี้ก็ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ ฯลฯ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบสักที เพราะว่าไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว เลยเป็นพวกฝันค้าง ไม่มีพลังพิเศษอะไรจริงๆ มีบางพวกก็ถูกมนุษย์ต่างดาวมืดครอบงำ หลอกใช้งานเสียเลยก็มี 


เอาละ เม้าท์พอหอมปากหอมคอ อย่างหนึ่งอยากจะบอกว่า ปีนี้ พลังของไกอาจะมากเป็นพิเศษ และมีการทดสอบจากไกอามากยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้น โลกดูจะแปรปรวนมากสักหน่อย แต่ไม่ใช่ภัยพิบัติ มนุษย์โลกที่แท้จริงจะปรับตัวอยู่รอดได้ แต่มนุษย์่ต่างดาวที่ไม่มีพันธุกรรมของมนุษย์โลกเลย จะถูกเก็บ แล้วเราก็จะหา "มนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆ" ที่มีร่างเนื้อแทบไม่ได้อีกแล้ว สรุป ก็คือ เป็นลูกครึ่งอ่ะ ดีแล้ว จะทำให้มีความสามารถปรับตัวเข้ากับโลกนี้ได้ดีด้วย แล้วก็พลังของต่างดาวจะอยู่ชั้นนอกนะ แบบนั้น จะเป็นเหมือน "ชุดคลอธหมู่ดาว" นั่นเอง ต่างกันไปในแต่ละดาว คล้ายๆ เรื่องเซนต์เซย่าน่ะแหละ แต่ว่าเซ้นต์ีนี่ก็ต้องมีระดับนะ เหมือนนักบุญหรือผู้ที่ผ่านการทดสอบแล้วระดับหนึ่ง เอาละ เม้าท์มากพอควรละ จะได้ไปนอนฝันดีกันทุกคน ราตรีสวัสดิ์



วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

อิทธิฤทธิ์สาธารณะ ที่คุณอาจจะกลายเป็นเหยื่อ!

อ๊ะ พี่ชายไม่ชอบเลยอ่ะ คนชอบมาตัดสินพี่ชายที่หน้าตา ทำไมอ่ะ ถึงไม่ดูที่จิตใจพี่ชายละ ว่าพี่ชายมีจิตใจอย่างไร ทำไมดูแต่หน้าตา คิดดูนะ มาหาว่าพี่ชาย "เป็นคนน่ารัก คนดี" โธ่ มันไม่ช่ายอ่ะ พี่ชายออกจะร้าย และแรงส์ ออกจะตายไป มาว่าเค้าอย่างนี้ได้อย่างไร บอกแล้วไงว่า "อย่ามาตัดสินคนที่หน้าตา" เอาละ บ่นให้ฟังพอทำเนา เรามาเข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้เป็นเรื่องของ "อิทธิฤทธิ์" โอ้วว ท่าทางน่าจะสนุก อย่างน้อยๆ ก็หนังไซไฟเรื่องหนึ่ง เอาเลย ติดตามชมกันเลย 


อย่างแรก พี่ชายอยากจะปูพื้นก่อนเหมือนเดิมนะ คือเรื่องมันมีมาอย่างนี้ ก่อนหน้านี้ พลังในโลกเขาจะเก็บไว้อย่างดี นึกออกเนอะ ไม่ใช่พลังไร้ระบบ ไปมาได้หมดเสรีนะ อย่างนั้น โลกป่วนอยู่ไม่ไหวละ พลังงานในโลกมีมากมายเยอะแยะ มันจะถูกพลังควบคุมเก็บไว้ กักไว้ ในส่วนต่างๆ ของโลก และจะถูกปลดปล่อยออกมา "ตามวาระอันควร" เช่น ถ้ามีพลังมังกรดุร้ายบนโลก แล้วถูกกักไว้ที่หนึ่ง พอถึงวาระจะมีผู้มีบุญบารมีมาโปรด เขาก็จะได้รับการปลดปล่อย พลังงานนั้นก็จะออกมาได้ ครับ โอเค? เข้าใจไม่ยากนะ ขอไม่อธิบายอะไรมากเกินไป แต่ถ้าใครเคยอ่านเรื่องการปลดปล่อยพลังงานในโลก มาบ้าง ไม่ยากแน่นอนละครับ เอาละ ทีนี้ พอมาถึงกึ่งกลางพุทธกาลเนี่ย มันจะมี "คนมีบารมี" มาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีกันเพี้ยบๆๆๆ เลย ทีนี้ ท่านที่ดูแลโลกอยู่ เขาก็เห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะ ปลดปล่อยพลังที่โปรดได้ยาก ชำระได้ยาก ออกมาก็แล้วกัน เป็นโจทย์ให้ผู้บำเพ็ญบารมี ฝึกจิต ฝึกฤทธิ์ ฝึกตน ก็ว่ากันไป ได้ทำหน้าที่ของตนและพลังงานเหล่านั้นจะได้รับการเคลียร์ซะที ผลก็คือ "พลังงานพิเศษถูกปลดปล่อยออกมามาก" บนโลก จนกลายเป็นสภาวะที่พี่ชายขอใช้คำเรียกว่า "อิทธิฤทธิ์สาธารณะ" ไม่ใช่ "อภิญญาสาธารณะ" นะ ยังไม่นับเป็นอภิญญา เพราะจะเป็นอภิญญาได้ต้องได้ความรู้ทางพุทธระดับหนึ่งแล้ว ที่เขาเรียกว่า่ "ความรู้ยิ่ง" นี่แหละ ถึงจะเรียกว่าอภิญญา ดังนั้น อิทธิฤทธิ์เหล่านี้ จึงเป็นได้ทั้งสิ่งที่เรียกว่า "อวิชชา" ก็ได้, "อภิญญา" ก็ได้ ในท้ายที่สุด ของผลการบำเพ็ญบารมีหรือฝึกฝนตนนั้นๆ ทีนี้ พอเห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้วเนอะ และถ้าใครบางคนมีประสบการณ์บ้างแล้ว เช่น สงสัยว่าทำไมนะ มันจึงมีพลังอะไรมากมาย วนเวียน ปั่นป่วนในโลกนี้ และเราก็รับมันได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องไปบุกป่าฝ่าดง เข้าหา เข้าถ้ำอะไร อ้าว มันก็เข้ามาถึงตัวเราเองได้เลย ก็นี่แหละ ที่พี่ชายบอกว่า "ธรรมชาติของโลกเขาปลดปล่อยพลังงานเหล่านี้มา" ซึ่งมันเคยถูกกักเก็บไว้มาก่อนละครับ มันเป็นของที่จะปล่อยเสรีมากไม่ได้ ของมันแรงอ่ะ 555 ว่าไปนั่น 


อย่างที่สอง พี่ชายอยากจะลงลึกไปว่า แล้วพอพลังงานเหล่านี้ ได้รับการปลดปล่อยออกมาแล้ว เย้ๆ พวกเราก็จะได้รับพลังงาน แล้วกลายเป็นมนุษย์ที่มีพลังพิเศษหรือเปล่า? ป่าว ยังไม่ใช่อย่างนั้นทันทีหรอก คือ เรายังไม่แน่เลยว่าเราจะใช้พลังนั้นได้ไหม? สอบผ่านไหม? ฝึกตนได้ดีคุมพลังมันได้หรือเปล่า? ยังน่ะ ต้องผ่านการทดสอบให้ได้ก่อน ทีนี้ ถ้าสอบตกละ มันจะเกิดอะไรขึ้น เอาละ ไม่ยาก มันก็จะควบคุมเราไง แทนที่เราจะควบคุมมัน ใช้่พลังเหล่านั้นได้ แต่พลังงานเหล่านี้มันกลับมาควบคุมเราเองซะอย่างนั้น ซวยละสิ ทีนี้ก็ตัวใครตัวมันละ ถ้าได้คนช่วยเหลือ ก็ดีไป ถ้าไม่มีใครช่วยได้เลย บางคนถูกพลังงานนั้นครอบงำจนต้องมีจุดจบที่น่าอนาถมากทีเดียวเชียวละ ดังนั้น พี่ชายก็เลยบอกว่า "มันเป็นอิทธิฤทธิ์สาธารณะก็จริง" แต่ๆๆๆ ระวังนะ เีราจะเป็น "เหยื่อ" ของมันด้วยละ เอาละ มาย้อนดูคำว่า "สาธารณะ" นิดนะ คือ พลังงานเหล่านี้ มันจะไม่อยู่ในระบบอัตตานะ แต่มันจะเป็นระบบ "สาธารณะ" อันนี้เป็น "ข้อตกลงใหม่" ที่เบื้องบนท่านให้เป็นกฏกติกากันไว้ก่อนที่จะทำการปลดปล่อยพลังงานเหล่านั้นออกมา ท่านว่า ถ้าใครทำดี ได้ดี ได้พลังงานดีไป แต่ยึดไม่ได้ ได้แล้วเสียไปก็ได้ มันไม่เหมือนอภิญญาที่เราปฏิบัติได้แล้ว มันเป็นของเราจริงๆ ใครก็เอาไปไม่ได้ โน่ๆๆๆ ยูฟังไอให้ดีละ มันเป็นพลังงานสาธารณะนะ จะบอกให้ Yes! No! Ok! Thank you .... 555 เข้าใจนะ ดังนั้น พลังงานที่อยู่ในตัวพี่ชายนี้ มันพร้อมที่จะออกไปสู่คนอื่นได้ทุกเมื่อ พี่ชายอาจจะเสียมันไปได้ทุกเมื่อ เช่นกัน พี่ชายก็สามารถรับพลังงานใหม่ๆ ได้ทุกเมื่อ อ่า พอเข้าใจภาพนะครับ พวกเราที่เข้ามาอ่านบทความของพี่ชายนี้ ถ้าใครโชคดีและทำดีมาเหมาะควรแล้ว ก็จะได้รับพลังพิเศษได้เลย พี่ชายเป็นเหมือนดาวเทียมเชื่อมสัญญาณพลังงานต่างๆ เป็นโอเปอร์เรเตอร์สุดหล่อ ฮ่าๆๆ คอยดูแลชุมสายพลังงานต่างๆ เหมือนกันครับ ซึ่งก็มีใครอีกหลายคนนะ ที่ทำหน้าที่แบบพี่ชายอย่างนี้ ไม่ต้องแปลกใจ แต่พี่ชายจะมีลักษณะพิเศษอีกข้อคือ พี่ชายจะอธิบายให้คนเข้าใจได้ง่ายและมาก เพราะเป็นการอธิบายแบบพื้นๆ ไม่ต้องแปลกใจ พี่ชายก็เคยโง่โคตรๆ มาก่อน ฮ่าๆๆ เข้าใจดีว่ามันเป็นอย่างไร จึงทำได้ครับ


เอาละ เม้าท์ยาวเดี๋ยวจบไม่ลง เอาง่ายๆ สรุปนะว่า พลังงานพิเศษนี่ ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน เดินทางขึ้นเขา เข้าถ้ำให้ลำบากอะไร เราอยู่ตรงไหนในโลกก็ช่าง "เท่าเทียมกันหมดทุกคนนะเด็กๆ" ดีไหมจ๊ะ ที่เบื้องบนกำหนดกติกาในเกมให้เราอย่างนี้ โฮ่ๆๆ ยิ้มหน่อยจ๊ะ เด็กๆ ที่น่ารักและมีพลังพร้อมจะเรียนรู้ทั้งหลาย เพราะเธอจะได้รับการดูแลที่เท่ากันแน่นอน ไม่มีลำเอียงจ๊ะ พลังงานทุกอย่างเป็นสาธารณะ ใครที่ทำได้ดี ก็จะได้ไป ใครที่ทำแย่ ก็จะเสียมันไปได้ ไม่ยากเลยครับ เอ้า ง่วงซะแล้ว นิทานอาหรับราตรีจบ ก็นอนซะนะ ราตรีสวัสดิ์ครับ ...