วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

2556 ปีแห่งการสิ้นโลกเก่า เ้ข้าสู่ "ยุคโลกใหม่"

โอ้ ห่างหายกันไปนานเลยทีเดียว หลังจากที่พี่ชายปรับเปลี่ยนพลังจากพลังของพระสุริยเทพ ไปสู่พลังของเทพซูส การทำงานที่เดิมจะต้องทำงานทุกวันเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน ก็เปลี่ยนเป็น "ตามแต่วาระ" ไป พี่ชายจำเป็นต้องปรับพลังอย่างนี้ครับ เพราะเวลาทำงานจะมีพลังธาตุไฟแผ่ออกมามาก และทำให้เกิดความร้อนมากๆ จนตอนนี้ ร้อนสุดๆ จนหมาที่บ้านตายไปตัวหนึ่ง และหมาของคุณป้าข้างบ้านก็ตายไปอีกตัวหนึ่งครับ ทว่า พี่ชายก็ยังคุมพลังธาตุไฟได้ไม่ดี ๑๐๐% หรอกนะ จึงต้องใช้พลังจิตอย่างระวังมากขึ้น และห่างหายไปจากการโพสกระทู้นานทีเดียว อย่างที่เห็นกันนี่แหละครับ เอาละ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้ มีเรื่องสำคัญมาเม้า้ท์กันเล่นๆ (ต้องเม้าท์อ่ะครับ ถ้าพูดจริงจัง หรือมาแจ้งข่าวอะไรแบบนั้นไม่ได้ มันจะร้อนขึ้นมาทันที เลยอ่ะครับ) ก็อ่านกันเล่นๆ นะ อย่าคิดมา "เดี๋ยวจะร้อนไปใหญ่" 555 เอาละ ว่าไปนั่น ไม่มีอะไรหรอก คิดว่าเ็ป็นนิทานสนุกก็แล้วกัน ดังนี้ฯ


เทพีไกอา จะึคลอดโลกใหม่แล้ว

หลังจากที่ตั้งครรภ์มานาน เป็นเหตุให้โลกแปรปรวน จนใครหลายคนคิดว่าโลกจะแตกหรือเปล่า? โอ้ย ไม่หรอกครับ เหมือนคนท้องโย้อ่ะ ไม่เห็นจะท้องแตกอะไรเลย โลกแค่ท้อง ถึงเวลาก็คลอดได้เอง ไม่แตกอะไรซะหน่อย และปีนี้แหละ ที่เทพีไกอาได้คลอด "โลกใบใหม่" ให้แก่มวลมนุษย์แล้ว มันจะเป็นโลกที่เปลี่ยนไปจากยุคเก่าก่อน หรือโลกใบเก่าก่อนอย่างสิ้่นเชิง ซึ่งโลกใหม่นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น

๑. ไร้พรรคพวกขั้วข้าง มีแต่คำว่า "เพื่อนมนุษย์" ไม่แบ่งแยก แม้แต่ประเทศ, เชื้อชาติ, ศาสนา, สีผิว ฯลฯ เพราะต่างเป็นบุตรของพระเจ้าและเชื้อสายของไกอากันทั้งนั้น ดังนั้น โลกจึงมีสันติภาพ ด้วยเหตุนี้

๒. ปรับตัวเข้าหาโลก ไม่ใช่ปรับโลกไปตามใจตน คือ การที่เราหยุดที่จะปรับเปลี่ยนโลกตามใจเรา แต่เราหันกลับมาปรับตัวเราเองไปตามที่โลกเป็น ลดการทำลายธรรมชาติ หันหน้ามาช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ

๓. เห็นคุณค่าของความแตกต่างหลากหลาย ว่าเป็นประโยชน์เกื้อกูลกัน ไม่ใช่สิ่งที่ใช้ในการหักล้างทำลายกัน ความแตกต่างของอะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่เพื่อทำลายกัน แต่เพื่อเสริมเติมเต็มส่วนขาดให้แก่กัน

อันนี้ เป็นหลักการง่ายๆ พื้นฐานสามประการ ที่จะนำทางเราให้เข้าสู่ "โลกใบใหม่" นะครับ ส่วนรายละเอียดจะยังไม่กล่าวถึงให้มากไปกว่านี้ (เดี๋ยวจะยาวเกินไป) ไว้ใครได้พบธรรมของเทพีไกอา ก็จะทราบเอง 

เทพซูส จะจัดระบบบุญให้ใหม่

เนื่องจากก่อนหน้านี้เป็นช่วงเวลาแห่งการ "เปิดเสรี" ค่อนข้างมาก ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย และ "ไร้ระบบ" ของการเสวยบุญกรรม เช่น บางคนใช้ฤทธิ์เดชของซาตานจนเสวยผลบุญมากไป ทำให้ไม่เหลือบุญไว้ใช้ในชาติหน้า แล้วต้องกลายเป็น "ภาคมืด" ไม่ไ่ด้ผุดได้เกิดอยู่ยาวนานเลย ตายไปก็เป็นผีเฝ้าเมืองบ้าง, ผีเฝ้าอะไรต่อมิอะไร บ้าง ไม่ได้เป็นเทพหรอกนะ ด้วยเหตุนี้ "ระบบการเสวยบุญ" จึงยุ่งและจำต้องมีการ "จัดระบบใหม่" ให้ท่านที่ควรได้รับบุญ ได้เสวยผลบุญ ก็ได้รับไปตามควร ส่วนท่านที่เสวยบุญมากล้นแล้วล้นอีก สวาปามจนพุงกางใกล้แตกก็ควรจะหยุดได้เสียที ดังนั้น เทพซูสจึงมาช่วยเคลียร์เรื่องนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ "เกิดโอกา่สทอง โอกาสใหม่ๆ" ให้กับท่านที่ไม่เคยได้รับด้วย คือ คนที่ทำความดีมามาก และไม่เคยได้รับผลกรรมดีก็จะได้รับตามควร ซึ่งหลักการคือ "เสวยบุญบนสวรรค์" ส่วนโลกมนุษย์นั้นไม่ใช่ที่เสพสุขลุ่มหลง แต่จะได้รับตามควรแก่การดำรงอยู่เท่านั้น คนที่เสวยผลบุญบนโลกมากไป ก็มีโอกาสสูงที่จะพลาดได้ขึ้นสวรรค์ ดังนั้น หากใครทำความดีแล้วไม่ได้ดีเท่าคนอื่นบนโลก ก็อย่าเสียใจไป เพราะท่านจะได้รับ "บนสวรรค์" อย่างไรละครับ อนึ่ง เทพซูสเป็นเจ้าสวรรค์ ย่อมทำหน้าที่ดูแลสวรรค์และชาวสวรรค์ทั้งหมด ดูแลการขึ้นสวรรค์ของมนุษย์ ว่าจะมีใครได้ขึ้นสวรรค์บ้าง ก็อยู่ที่เทพซูสนี่ละ ซึ่งทีมงานของเทพซูสนั้น จะประสานพลังมายังร่างมนุษย์ เพื่อนำพาผู้คนใำห้ทำสิ่งที่ควร ละเว้นสิ่งที่ไม่ควรทั้งหลาย เพื่อจะให้ได้ถึงสวรรค์ กัน ทีมงานของท่านนี้เรียกว่า "เทวทูต" นั่นเอง (เอาแค่สวรรค์ให้ได้จริงก่อนเหอะนะ นิพพานนี่มันยังยากอยู่ แต่ปรารถนานิพพาน นั้นได้)

เทพฮาเดส จะมาทำกิจพิพากษา

อันนี้ เป็นสิ่งที่ปรากฏในพระคัมภีร์ของหลายๆ ศาสนา และคำทำนายต่างๆ ด้วย ในมุมมองของ "พุทธ" การพิพากษาก็คือ "การเคลียร์กรรมที่คั่งค้างกัน" นั่นเอง เื่นื่องจาก บางครั้ง ระบบกรรมถูกรบกวนจนทำให้ปั่นป่วนยุ่งเหยิง จะต้องมีการเคลียร์บัญชีให้เรียบร้อย จะได้ไม่วุ่นวาย และสามภพดำเนินไปได้อย่างปกติสุข ดังนั้น เมื่อมนุษย์ "โกงกรรม" กันมานานๆ เข้า ก็ต้องมีการ "เคลียร์กรรม" หรือ "พิพากษา" กันบ้างเป็นครั้งคราวไป แต่คราวนี้ ค่อนข้างเป็นงานใหญ่สักหน่อย เพราะมันคั่งค้างมานานเหลือเกินเลยทีเีดียว เรียกว่า เป็นงานที่หมักหมมไว้จนกองพะเนินเลยละ สุดท้าย เลยลำบากให้เทพฮาเดสมาพิพากษาไงละ อ้อ อย่าลืมนะครับว่าเราไม่ได้สอนให้คุณเป็นคนที่ชอบตัดสินใคร หรือไปพิพากษาใคร เพราะหน้าที่แห่งการพิพากษานั้น "พระเจ้าได้เลือกแล้วว่าจะให้เทพองค์ใดทำ" ซึ่งผมก็แจ้งแก่คุณแล้วว่าคือเทพฮาเดส นั่นเอง ไม่ใช่ใครก็ทำได้ และไม่ใช่กิจของมนุษย์ ดังนั้น ไม่ใช่หน้าที่เราครับ  ที่จะไปพิพากษาใครว่า "ใครผิด ใครถูกหรือ ใครดี ใครชั่ว" เราไม่รู้ได้หรอกครับ อย่าเลย จะหลอกตัวเองเสียเปล่าๆ เช่น พอไปเห็นทีวีออกข่าวคนนั้นคนนี้ ทำเลว หรือทำดี เข้า เราก็มักไปตัดสินเขาว่าคนนั้นดี คนนี้เลว ซึ่งส่วนใหญ่ มันไม่จริงหรอกครับ สิ่งที่ออกทีวีมันแค่ "ด้านหนึ่งของชีวิต" ซึ่งมักเป็นด้าน "มายาภาพ" เสียมาก ก็อย่าำำไปด่้วนสรุปตัดสินใคร ยกให้เ็ป็นหน้าที่ของเทพที่พระเจ้าเลือกแล้วดีกว่าครับ ซึ่งในปีนี้ เทพฮาเดสจะทำหน้าที่ประสานพลังผ่านร่างของมนุษย์ที่ท่านเลือกอีกที คนไหนท่านเลือก คนนั้นก็พิพากษาได้


เอาละ สรุปสุดท้ายละ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ปรับอะไรนิดหน่อยให้มันเข้าที่เข้าทาง ไปสู่ "จุดสมดุลใหม่" ทำให้เกิดโลกใบใหม่ ที่มีอะไรๆ บางอย่างเปลี่ยนไปบ้างจากเดิม ก็ไม่มากหรอกครับ เข้าทำนอง เพิ่มส่วนขาด ตัดส่วนเกิน อะไรแบบนั้น เท่านั้นเอง เพราะก่อนหน้านี้ เราก็ทำกันมาเยอะแล้ว ปีนี้ มันก็เหมือนการ "จบงานสุดท้าย" ของโลก ก็เท่านั้นเอง อะไรที่ขึ้นเค้าโครงไว้แล้ว ก็ใส่รายละเอียดจนเข้าที่ลงตัว ก็แค่นั้น ดังนั้น ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างมากไป จนเหมือนเป็นของใหม่อะไรขนาดนั้น แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้วละก็ ต่างกันลิบลับแน่นอน ดังนั้น ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรมาทำให้โลกเปลี่ยนไปมากมาย เช่น อุกาบาตอะไร หรือภัยพิบัติอะไร มันอาจมีได้ก็ไม่มากไปหรอกครับ มันเป็นงานละเอียดแล้ว แค่เก็บงานส่วนรายละเอียดที่ทำมายาวนาน ก็เท่านั้นเอง มันจะเข้าสู่ความลงตัวใน "จุดดุลยภาพใหม่" ก็เท่านั้นเอง คือ มันจะเริ่มคงที่ละ ลงตัวละ เข้าที่เข้าทางละ ก็แค่นั้นละ ไม่ต้องคิดมากอ่ะครับ เอาละ เม้าท์พอหอมปากหอมคอพอ อย่าให้ถึงกับมีไฟลุกพรึ้บพรั้บขึ้นมา เดี๋ยวโลกมันจะร้อนมากไปกว่านี้ เหอะๆๆ สำหรับบทความนี้ ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ