วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อย่าเสียของทิพย์ไป เพื่อแลกกับ "หัวโขน" มันไม่คุ้มกัน!

คนมักสงสัยว่าทำไม พี่ชายไม่มีแฟนเสียที ก็ต้องบอกไว้เลยนะครับว่า ไม่ใช่พี่ชายรักใครไม่เป็น แต่เพราะ "รักของพี่ชาย มัน ใหญ่มว๊ากกก" พี่ชาย "ไม่อยากให้ใครเจ็บอ่า" สงสาร เลยต้องอยู่แบบโสดต่อไปอ่ะครับ มีเรื่องด่วนอันหนึ่ง "เบื้องบน" ฝากมาให้ช่วยคนเบื้องล่างหน่อยอ่ะคับ คือเรื่องการเสียของทิพย์ของผู้บำเพ็ญบารมีซึ่งลงมาเกิดจากเบื้องบนกันเยอะเชียวละ แต่เมื่อบำเพ็ญบารมีจนเกิดบารมี ได้ของทิพย์วิเศษแล้วก็จะเสียให้แก่ "ภาคมืด" ไป ซึ่งมันไม่ดีอ่า ถ้าจะฝากไว้กับภาคสว่างก็จะเป็นพลังช่วยให้ภาคสว่างทำกิจได้ดีครับแต่นี่เสียให้ภาคมืดไป เลยเป็นเหตุให้พี่ชายต้องมาโพสกระทู้นี้ เพื่อเตือนเราไว้ครับ


ของทิพย์วิเศษนั้น จะเกิดขึ้นในผู้ำบำเพ็ญบารมีได้มากมายครับ ไม่ใช่ว่าจะต้องมีพระเอกคนเดียวในโลก แต่มันเป็นเรื่องสากลที่ใครสร้างบารมีก็จะได้ของทิพย์ได้ครับ เหมือนในหนังจักรๆ วงศ์ๆ อ่ะละ มันมีกันได้ทั้งนั้น แต่เขามักไม่รู้ตัวว่ามี ว่าได้ เหมือนคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองก็มีอะไรดีๆ ในตัวเหมือนกันนะ น่านละ พอรู้ก็อาจเสียมันไปแล้วอ่าครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ เด็กทุกคนมีพลังพรหมจรรย์ครับ เมื่อเป็นวัยรุ่นแล้ว พลังพรหมจรรย์นี้จะหลอมรวมเป็น "ดวงแก้วมณีใส" ทำให้เรามักเห็นเด็กวัยรุ่นมาพร้อม "ความใสปิ๊ง" ใช่ไหม ทีนี้ บางคนเข้าตาแมวมอง เขาก็จับไปเป็นดารา สุดท้าย ก็เสียความใสแห่งวัยรุ่นนั้นไป (เสียดวงแก้วมณีไป) แต่ได้ "ตัวตนแห่งความเป็นดารา" มาแทน เช่น ได้เกิดเป็น "นัท เดอะสตาร์", "แนน ก่อนบ่าย" ฯลฯ อะไรแบบนั้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เราจะไม่รู้เลยว่าเราสูญเสียอะไรไป เรารู้แต่ว่าเราได้มาจากการได้เป็นดารา หรือไ้ด้เป็นอะไรสักอย่างเยอะมากๆ เอาง่ายๆ เลยนะ คนที่อยากได้ปัญญาสว่างไสว จบปริญญาตรีดีๆ บางคนไม่มีบุญ แต่ได้พลังจาก "พระสุริยเทพภาคมืด" ทำให้สว่างไสวมีปัญญา สุดท้าย ก็ต้อง "จ่าย" ให้พระสุริยเทพภาคมืดเป็นอะไรก็แล้วแต่อ่า ฟังดูเข้าใจยากเนอะ สรุปง่ายๆ ว่า "เราสูญเสียธรรมชาติเดิมของเรา" เพราะเราอยากได้อะไรสักอย่างจากสังคมอ่า โอเค? พอเข้าใจเนอะ ง่ายๆ นะ


ถ้าเราไม่อยากสูญเสีย "ธรรมชาติเดิมแท้ของเรา" ไป เราก็อยากแลก อย่าไปอยากได้อะไรจากใครที่เขายื่นให้ "โดยที่ไม่ใช่บุญบารมีของเรา" เช่น เราไปสมัครงาน เขาบอกว่า "อายุไม่ถึงนะ ตำแหน่งนี้น่ะ" ก็อย่าไปอยากได้ครับ ถ้าเราอยากได้ ภาคมืดก็จะให้เรา พร้อมกับแลกเอา "ของทิพย์" หรือบางอย่างจากเราไป เราจะสูญเสียธรรมชาติเดิมแท้ของเราครับ เช่น พอได้ตำแหน่งก่อนอายุ เราต้องทำตัวเหมือนว่าเป็นผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่อายุเรายังไม่ถึง ธรรมชาติแห่งวัยของเราก็เสียไปละ เราต้องรับเอา "หัวโขนแห่งความเป็นผู้ใหญ่" มาสวมแทน นี่พอจะเห็นภาพชัดละนะ ทีนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำอย่างไร ถ้าเราจะอยู่บนโลกนี้แล้วไม่มีหัวโขน ไม่มีตำแหน่งทางโลกอ่า? คำตอบคือ ก็จงเชื่อในบุญกรรมครับ คนเราทุกคนมีบุญมีกรรมของตัวกันทั้งนั้น เราไม่ได้อยู่เฉยๆ นี่ เราทำอะไรดีๆ ได้มากมาย ทำไปเลยครับ อยากทำอะไรก็ทำไปที่มันดีๆ แต่ไม่ต้องรอตำแหน่งทางโลกก่อนแล้วค่อยทำ และไม่จำเป็นต้องหวังตำแหน่งทางโลกเลย เช่นนี้ เราจะไม่ต้องแลกไงครับ เราก็จะไม่เสียธรรมชาติเดิมแท้ของเรา แต่จะทำงานได้อย่างอิสระเสรีตามที่ใจเราต้องการไงละ ซึ่งมันดีกว่ายังไง? คำตอบชัดๆ ก็คือ "เราจะไม่ต้องไปสู่ภพมืด" ครับ คือ คนที่เป็นหนี้ภาคมืด เมื่อตายลงจะไปสู่ภพมืดนะครับ ไม่ได้นิพพาน ไม่ได้สวรรค์อะไร ถ้าเราไม่คิดไปภพมืด เราอยากไปสวรรค์หรือนิพพานอะไรก็ช่าง มันต้องพ้นภพมืดให้ได้ก่อนครับ นั่นคือ เราต้องรอดจากเงื้อมมือของภาคมืดไงละครับ


ทีนี้ ถ้าเราไม่แลก เราไม่มีตำแหน่งทางโลก เราก็ใช้ "ของทิพย์" หรือ ธรรมชาติเดิมแท้ของเราที่เรามี พัฒนาขึ้นมาแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ถ้าเรามีดวงแก้วมณีทิพย์ มันใช้ส่องดูอนาคตได้นิดหน่อย แล้วก็ยังใ้ช้ดึงพลังเข้ามาได้ แผ่พลังออกได้ ให้พลังใจคนอื่นได้ รับพลังใจจากคนอื่นได้ ปกป้องคุ้มครองภัยต่างๆ ได้ เห็นมั้ยละ ถ้าเรารู้จักใช้มันก็จะใช้ประโยชน์พลิกแพลงได้มากมายเลย แต่ถ้าเราเอาไปแลกกับภาคมืด เราจะเสียดวงแก้วมณีทิพย์ไปแล้วเราอาจจะได้ "องค์ฤษีภาคมืด" มาแทนทำให้เรามีตัวตนสถานภาพทางโลกเป็น "อาจารย์ดูดวง" ได้ เราอาจดูดวงแม่นมาก เพราะพลังของฤษีภาคมืดนั้น ทว่า ที่ไหนได้ เราสูญเสีย "ดวงแก้วมณีทิพย์" ไปแล้ว เราไม่สามารถใช้ดวงแก้วดึงพลังเข้ามาเก็บไว้ แผ่พลังให้คนอื่นมีกำลังใจได้ เราไม่อาจใช้มันปกป้องภัยที่เข้ามาสู่ตัวเราได้ ฯลฯ เห็นไหม? ความสามารถของเราก็จะกลายเป็น "ตัวตนเฉพาะ" คือ "ตัวหมอดู-ครูฤษี" ไป แทนที่เราจะใช้ดวงแก้วมณีทิพย์ พลิกแพลงได้หลายอย่าง ซึ่งจุดนี้ คนที่บำเพ็ญบารมีได้ของทิพย์ใหม่ๆ ยังใช้ไม่เป็น ก็จะไม่รู้ค่าของของทิพย์ของตน หรือไม่รู้ค่า "ธรรมชาติที่ตนเองเป็นอยู่" นั่นเอง ดังนั้น พวกเขาจึงเีสียของทิพย์ไปกับการแลกด้วย "หัวโขน" ได้ง่ายๆ โดยไม่ทันรู้ตัวเลย


เอาละ เม้าท์ให้ฟังกันเล่นๆ อย่าคิดมากไป สรุปง่ายๆ "ธรรมชาติที่เราเป็นนั่นแหละ มันดีแล้ว" อย่าเสียมันไป เพื่อแลกกับอะไรที่สังคมหยิบยื่นให้เราเลย เพราะสุดท้ายแล้วเราต้องมี "ตัวตนหัวโขน" ในแบบนั้น ตามที่สังคมหยิบยื่นให้เราเช่น ถ้าเขาให้เราสวมหัวโขน "พระอรหันต์" นะ เราจะไปอาบน้ำลงในอ่างจากุสซี่ก็ไม่ได้อ่ะ อิๆๆ อย่าว่ากันละ คือ เทวทูตคาสโนว่าก็มีหัวใจ หุๆๆ ถ้าเรามั่นใจ เชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ ล้วนได้รับการจัดสรรมาดีแล้ว เราจะยอมรับทุกอย่าง อย่างที่มันเป็นอยู่ได้ เราจะไม่ดิ้นรนไป "เพื่อแลกมา" ให้ได้อะไร เราก็จะไม่เสียธรรมชาติเิดิมแท้ของเราไปครับ เอาละ สำหรับวันนี้ ขอจบเท่านี้ก่อน สวัสดีครับ