อย่างแรกเรามาทบทวนกันเล็กน้อยในบทความก่อนๆ ที่กล่าวถึงพลังไซย่าร์ไปบ้างแล้ว คงพอเข้าใจกันนะครับ ง่ายๆ คือ มันมีขั้วบวกและลบ เราก็จะเอาขั้วลบลงไปที่ดาวมฤตยู และเอาขั้วบวกมาสร้างสรรค์อะไรก็ได้ครับ เหมือนผู้หญิงบางคนที่โกรธแค้นคนรักของตน แล้วก็มีพลังมากมายทำอะไรได้เยอะแยะแหละครับ แต่นี่เราจะไม่เอาพลังขั้ว ลบไปลงคนทั่วไปนะครับ ไม่เช่นนั้น เราจะัไม่ได้พ้นพลังของดาวโลกนี้ และติดอยู่ในมิติมาร เท่านั้นเอง เราไม่ได้โกรธแค้นดาวมฤตยู เราก็แค่มีทัศนคติเชิงลบ ไม่นิยมกับวิธีของเขา ก็เท่านั้น (มันจำเป็นครับที่เราต้องมีทัศนคติเชิงลบด้วย ไม่เช่นนั้น เราก็จะไม่มีพลังขั้วบวกด้วยเช่นกัน) เมื่อเราเซ็ทระบบพลังงานไฟฟ้าสองขั้วของเราได้เหมาะสมแล้ว เราก็จะฝึกฝนที่จะใช้พลังไฟฟ้าสองขั้วของเราต่อไปครับ ซึ่งมันอาจจะแปลกและดูยากในตอนแรก แต่เมื่อคุณจับทางได้ และเริ่มคุ้นกับมัน ก็จะสามารถทำได้อย่างลื่นไหล เหมือนทำงานตามปกติครับ
ต่อไปคือ ผมอยากจะย้ำอีกว่าเราไม่จำเป็นต้องมีอาชีพ, ทำงาน หรือหาวิธีให้ได้เงินมา มันไม่เกี่ยวกับเรื่องอย่างนั้น อันนั้นเป็นแค่เปลือกสมมุติของโลกที่ห่อหุ้มเราเท่านั้นครับ คนเราสามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ใช้เงิน เช่น ฤษี, พระเคร่งๆ เป็นต้น แต่ผมไม่ได้แนะนำให้คุณเป็นเช่นนั้น เราจะอยู่แบบชาวไซย่าร์ต่างหากละ คือ เราจะมีพลังขั้วบวกในการดึุงดูดเงินเข้ามาได้ด้วย แต่มันอาจมากหรือน้อยตามแต่พลังที่คุณมีด้วยนะ มันเข้ามาได้ทุกรูปแบบ และคุณไม่ต้องไปสนใจรูปแบบที่มันจะเข้ามาหรอกนะ ไม่ว่าจะเข้ามาในรูปแบบอาชีพ, เงินเดือนหรืออะไรๆ ก็ตาม มาได้ทั้งนั้นครับ สำหรับคนที่ไม่มีพลังบุญที่จะได้รับเงิน ถ้าเขาอยากได้และใช้พลังผิดวิธี เช่น พลังของภาคมืด เพื่อให้ได้เงินมา เขาก็จะได้รับผลเสียตามมาภายหลังเอง เช่น เขาอาจจะลงทุนทำธุรกิจได้เงินมากมาย แต่ชีวิตเขา ทำไมจึงมืดมนลงเรื่อยๆ อย่างนี้ก็มีนะครับ นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่ผมแนะนำอีกเช่นกัน เราควรเข้าใจเรื่องพลังให้มากเพื่อใช้พลังงานให้ถูกประเภทครับ ทีนี้ เมื่อคุณมีพลังขั้วบวกแล้วคุณก็จะต้องทำให้มัน "ไหลเวียน" นะครับ เหมือนไฟฟ้ามันก็ต้องการไหลเวียนเพื่อทำให้เกิดงาน ทำให้เกิดอะไรต่อมิอะไรขึ้น ใช่ไหม ทีนี้ คุณจำเป็นนะครับที่จะต้อง "ไม่เป็นปลาตายหรือพระปูนปั้น" เรายังใช้ร่างกาย ขยับได้ เราก็ต้องขยับครับ ขยับทำอะไร? ได้ทั้งนั้นแหละครับ ถ้าคนไหนขยับได้แค่ลมหายใจ ก็เอาแค่ลมหายใจก็ได้ครับ เข้า-ออกเท่านั้นเอง แต่ให้มีพลังขั้วบวกไหลเวียนออกไปสู่สิ่งภายนอก เพื่อจะจูนเอาพลังดีๆ เข้ามาเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับเราครับโดยเฉพาะถ้าคุณสามารถเชื่อมโยงพลังกับมนุษย์ด้วยกันได้ ก็จะดีมากครับ เพราะในตัวคนจะเหมือนเป็นหม้อไฟฟ้าขนาดใหญ่ จะยิ่งทำให้พลังของคุณขยายวงกว้างได้มากขึ้นครับ ซึ่งง่ายมาก มันก็คือ "การสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน" นั่นเอง จะช่วยให้พลังงานไฟฟ้าขั้วบวกของคุณมีการไหลเวียนได้อย่างดี คุยอะไรก็ได้ครับ ตามที่สมองคุณพิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องคุยเพื่อขายของอะไรให้ได้เงินมา อันนี้เน้นครับไม่ว่าจะคุยโดยตรงแบบตัวต่อตัวเห็นหน้ากันหรือคุยโดยผ่านสื่อต่างๆ ก็ได้ครับแต่คุยผ่านสื่อจะยากกว่าเพราะต้องใช้พลังผ่าน วัตถุนะครับ ซึ่งวันนี้ ผมยังไม่พูดถึงเรื่องการใช้พลังผ่านวัตถุนะครับ
ขั้นต่อไปคือการเคลียร์พลังงานและเซ็ทระบบพลังเข้าที่เดิม กล่าวคือ ทุกครั้งที่เรามีการใช้พลังเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ เราก็อาจได้รับและถ่ายโอนพลังแลกเปลี่ยนระหว่างกันนะครับ ดังนั้น พลังงานของเราที่เซ็ทไว้ดีแล้วก่อนทำกิจ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น ถ้าเราไปเจอคนที่มองโลกในแง่ร้าย พลังขั้วลบของเขาอาจถ่ายเทมาที่เรา และพลังขั้วบวกของเราอาจถ่ายเทไปที่เขา เราจึงจำเป็นที่จะต้องเคลียร์พลังให้เข้าที่ดังเดิมครับ คือ การหมุนเวียนใช้พลังขั้วลบไปในทางที่ึควร ก็คือ พุ่งตรงไปยังดาวมฤตยู (เขาจะรับเอาไปใช้่ได้นะครับ) เช่น เวลาเรารู้สึกไม่ดีกับการทำงาน ก็พิจาีีรณาว่าดีกว่าอยู่เฉยๆ รอให้โลกแตกนะ อะไรๆ ที่ไม่ดีทั้งหลายที่พวกสาวกโลกแตกต้องการทำลายซะ มันไม่เวิร์ก เพราะสิ่งไม่ดีมันไม่ใช่ทั้งหมดจะไปทำลายทั้งหมดได้อย่างไร (ต้องเลือกจัดการอย่างเหมาะสมจะดีกว่า) อะไรแบบนั้น เวลาเราเกิดความคิดเชิงลบกับใคร ก็พิจารณาแบบนี้ ใช้พลังไปยังดาวมฤตยูแทน ไม่เช่นนั้น มันจะเกิดการสะเทิ้นกัน คือ ขั้วบวกกับขั้วลบมันหักล้างกัน เอง จนทำให้พลังไฟฟ้าในตัวกลายเป็น "ฐานศูนย์" มันจะทำให้เรามีความรู้สึก "ปลงต่อโลก ปลงต่อมนุษย์" เกิดปัญญาทางธรรมได้ ก็ให้มันเกิดไป ไม่ได้ห้ามคนจะมีปัญญานะครับ แต่อย่่าจม อย่ายึด อย่าแช่ กับมัน มันไม่ใช่สรณะ ไม่ใช่ความเที่ยง ไม่ใช่ที่ๆ เราจะไปพึ่งพาอาศัยไปได้ตลอด เราก็ออกจากพลังฐานศูนย์ให้ได้ แล้วแยกประจุบวก-ลบ ออกมา เพื่อใช้พลังขั้วบวกไปในกิจสร้างสรรค์ของเรา อย่างไรละครับ
เอาละ วันนี้ ค่อยๆ ไปทีละน้อย เอาแค่การใช้พลังและการเซ็ทพลังให้กลับคืนภาวะปกติ ซึ่งคุณจะต้องทำทุกวันทีเดียว บางคนทำวันหนึ่งๆ มากกว่า ๑ ครั้งเลยครับ เพราะบางทีระบบพลังงานของคุณ อาจไม่ดี มีปัญหาได้จากการที่คุณต้องใช้พลังบ่อยๆ หรือมากเกินไป สูญเสียพลังจากการทำกิจ ที่เรียกง่ายๆ ว่า "หมดไฟ" นั่นเองครับ ดังนั้น มันจึงต้องมีการปลุกไฟ ให้เราตื่นตัวกันอยู่เสมอ แต่ทว่า พลังไฟที่ผมก็เคยบอกคุณแล้วว่ามันมี "ไฟร้อน" กับ "ไฟเย็น" พลังไฟฟ้าขั้วบวกนี้ มันเข้าข่ายไฟเย็นครับ มันเลยมีวิธีและกระบวนการที่ยากกว่าพลังไฟร้อนเล็กน้อย เวลาเราหมดพลังไฟฟ้าปั้บ บางทีเราจะพลิกกลับกลายเป็นคน "เลือดเย็นหรือเยือกเย็น" ไปเลย มันอาจเกิดขึ้นได้ครับ เมื่อคุณใช้พลังไฟฟ้าสองขั้วนี้ ซึ่งผมจำเป็นต้องเตือนคุณไว้ก่อน ส่วนคนที่ใช้พลังไฟร้อน จะไม่มีปัญหานี้ พวกเขาจะมีอีกปัญหาหนึ่ง คือ จะมีพลังด้านตรงข้าม เช่น พลังมืด, พลังมาร เข้าแทรกได้นะีครับ อันนี้ ก็ขอยังไม่เม้าท์ในบทความนี้ก็แล้วกัน ค่อยๆ เม้าท์กันไปวันละน้อย จะได้ค่อยๆ ทดลองเอาไปปฏิบัติกันวันละหน่อย ไม่ลำบากยากเกินไป เอาละ สำหรับบทความวันนี้ ขอจบลงเท่านี้ก่อน ราตรีสวัสดิ์คร้าบบ