วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จิตพ่อ วิญญาณแม่?

อั๊ยย๊ะ หายหน้ากันไปนานทีเดียว คิดถึงเค้าบ้างอ่ะป่าวตัวเอง ก็ไม่มีไรหรอกนะ เขาทำงานคนเดียวมากไปไม่ได้จะกลายเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าผิดเวลาเอาได้ เลยเข้ามาทำงานได้ไม่มากแล้ว อิอิ เอาละ เขามีเรื่องมาเม้าท์ให้ตัวเองฟังละ คือ เค้าสงสัยว่าทำไมคนที่กินเหล้าจึงไม่เลิกกินเหล้่าอ่า สุดท้ายก็รู้เหตุผลคือ เขากินเหล้ามามากแล้ว เรียกว่าลงทุนไปเยอะ ถ้าหยุดกลางคันก็จะขาดทุนน่ะสิ อิอิ เอาละ มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า วันนี้ เป็นเรื่องของจิตและวิญญาณของเราว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหน? ที่พี่ชายเรียกง่ายๆ ว่า "จิตพ่อ วิญญาณแม่" นี่ละ ง่ายดี ทีนี้ พ่อแม่นี้ไม่ใช่พ่อแม่ที่ให้กำเนิดสังขารนะครับ พ่อแม่ที่ให้กำเนิดสังขารก็คือ พ่อแม่ที่มีสังขารบนโลก อันนี้ ก็คู่หนึ่ง แต่พ่อแม่ที่ให้กำเนิดจิตและวิญญาณแ่ก่เราคืออีกคู่หนึ่งอ่ะ ซึ่งจะได้เม้าท์ต่อไป


อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วถึง "จิตจักรวาล" ซึ่งเป็นธรรมฝ่ายหยาง ที่พี่ชายมักเรียกว่า "พระบิดาจักรวาล" ผู้เกิดพร้อมจักรวาล แล้วอยู่ที่ใดก็ได้ในจักรวาลนี้ ไม่ได้อยู่ประจำดาวดวงใดดวงหนึ่งนะครับ อย่างพระศิวะก็มาจาก "พรหมโลกธาตุ" คือมีวิมานประจำครับ แต่พระบิดามีจักรวาลเป็นวิมานอ่ะ คนละองค์กันน้า อย่าจำสับสน สับสนแล้วจะหาอีกองค์ไม่เจอ แบบว่าถูกซ่อนแอบเอาอีกองค์มาแทนที่ ไม่ดีเด้อจะบอกให้ เอาละ ต่อเลย จิตเราทั้งหลายก็มาจากจิตจักรวาลหรือพระบิดาจักรวาลนี่เอง ดังนั้น จิตของเราทุกคนหรือแม้แต่อมนุษย์จึงไม่แตกต่างกันเลย เหมือนกันเลย คือ มีลักษณะบริสุทธิ์ ประภัสสร นี่เอง ทว่า อะไรละที่เราต่างกัน ก็คือ ขันธ์ห้าแหละ เช่น วิญญาณของเราไง สังขารของเราไง เห็นมั้ยว่าต่างกัน ทีนี้ วิญญาณของเรามาจากไหน? คำตอบคือ วิญญาณมาจากธรรมฝ่ายหยิน (ฝ่ายวัฏฏะ) หรือมาจากองค์ธรรมมารดา นั่นเอง ซึ่งท่านเหล่านี้จะกำเนิดพร้อมๆ กับดวงดาว เช่น พระแม่แห่งดวงดาว ตามคติของเต๋าน่ะครับ แต่ละดวงดาวจะมีจิตวิญญาณที่เกิดพร้อมกับดวงดาวดูแลอยู่ เช่น โลกเราก็มีพระแม่ไกอาไงครับ ซึ่งคนละองค์กับพระแม่ธรณีนะครับ เพราะพระแม่ธรณีดูแลแค่ธาตุดินเท่านั้นแต่พระแม่ไกอาดูแลทุกอย่าง ทุกธาตุครับ ถ้าเข้าใจผิดนะ เราจะเชื่อมต่อกับพระแม่ไกอาองค์จริงไม่ได้ ได้แต่แม่ธรณีไง


เอาละ ทีนี้ เวลาเราไปเกิดที่ดาวดวงไหนก็ตาม เราไม่ได้เอาขันธ์ห้าไปด้วยนะครับ มีกฏของจักรวาลอยู่ว่าเราจะไม่เอาอะไรไป และจะไม่ทิ้งสิ่งใดไว้ในดาวที่เราไปเยือน ดังนั้น ขันธ์ห้าที่ไม่ใช่ของเรา แต่เราแค่ยืมธาตุในดาวดวงนั้นมาปรุงใช้ชั่วคราว เราก็เอาไปไม่ไ่ด้ เราจะไปได้แค่ "จิต" ครับ เพราะจิตเป็น "สากลจักรวาล" ไง พี่ชายบอกแล้วว่าจิตนั้นสากล ไปไหนก็ได้ในจักรวาลนี้ แต่การที่เราจะไปเกิดในดาวดวงไหน เราก็ต้องทำพาสปอร์ตกะวีซ่าก่อนใช่มั้ยล่า อิอิ อ่ะล้อเล่น ก็คือ เราต้องประสานกับวิญญาณห่อหุ้มจิตอีกที เรียกว่า "ปฏิสนธิ" ไง เพื่อให้เราปรับตัวเข้ากับดาวนั้นๆ ได้ ดังนั้น "วิญญาณศักดิสิทธิ์" จึงมาจาก "องค์ธรรมมารดา" ประจำดาวดวงนั้นๆ เป็นผู้ให้กำเนิดตั้งต้น เมื่อเรามีแต่จิตไปสู่ดาวดวงใด เราก็จะปฏิสนธิเข้ากับวิญญาณที่มาจากพระแม่ประจำดาวดวงนั้น เราก็จะปรับตัวเข้ากับดาวดวงนั้นได้ ทีนี้ ถ้าเราหาพ่อไม่เจอ เราจะวนอยู่แ่ต่เรื่องของวิญญาณและขันธ์ เราจะมัวทำขันธปรินิพพานกัน เพราะคิดว่าขันธ์คือตัวไปเกิด เมื่อดับขันธ์ซะแล้ว ก็จะทำให้นิพพานได้ "ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดครับ" เพราะขันธ์นี้ ไม่ได้ไปเกิดอยู่แล้วแต่แรก วิญญาณขันธ์เอย, สังขารขันธ์เอย เรา้ยังต้องปล่อยไว้ในดาวดวงนั้นๆ แล้วเราจะเคลื่อนไปแต่จิตเท่านั้น เรียกว่า "จุติจิต" จ้า นี่คือ การเดินทางแบบสากลจักรวาล แบบจิตจักรวาลหรือพระบิดาจักรวาลเลย ไปถึงดาวดวงนั้นๆ แล้วค่อยหาแม่ แล้วแม่ก็จะให้กำเนิดเรา ให้ตัวตนภาควิญญาณแก่เรา ภาคสังขารแก่เราก็ว่ากันไป ตรงนี้ พอเ้ข้าใจนะ เพราะถ้าเข้าใจผิดละก็ ไม่ได้นิพพานกัน


เอาละ หยิบมาเม้าท์เล่นๆ เพราะเห็นว่าไม่มีเรื่องไรจะเม้าท์ ฮ่าๆๆ เลยช่วยงานจักรวาลเคลียร์จิตวิญญาณตกค้างบนโลกเล็กน้อย แบบว่าที่เขาไปไหนต่อไม่ได้แล้วก็ต้องจบ ต้องจอด ต้องนิพพานไปซะน่ะครับ ที่ยังไปต่อได้ ก็ยังไม่รีบนิพพานกัน เอาละ เม้าท์เล่นๆ ไม่ได้ซีเรียสไร เห็นหายไปนาน เลยกลับมาเริ่มต้นที่รากฐานกันหน่อยเท่านั้นเอง อย่าลืมว่าพุทธกาลแต่ละสมัยมีอายุพันๆ ปีกันทั้งนั้น กว่าจะเคลียร์กิจหมด ดังนั้น เ็ป็นไปไม่ได้หรอกที่เราอายุ ๑๐๐ ปี จะมาทำกิจหมด จบกิจแล้ว นิพพานได้ง่ายๆ น่ะ มันต้องสัก ๕,๐๐๐ ปี ว่างั้นไหมละ ดังนั้น พุทธศาสนานี้ เขาจึงให้มีอายุ ๕,๐๐๐ ปีไงละ เพราะอะำไร? เพราะงานมันยังไม่เสร็จ กิจมันยังไม่จบไงล่า โอเค? ง่ายๆ นะ ดังนั้น ความเชื่อที่ว่าทุกอย่างจบ เสร็จแล้วบริบูรณ์ นิพพานกันแล้วแต่ครั้งพุทธกาลนั้น จึงเป็นความเชื่อที่เข้าใจผิดอย่างมาก เอาละ พี่ชายมาช่วยเขาทำงานต่อไป นิดหนึ่ง อธิบายเรื่องจริมจิต ต่อจากขันธปรินิพพาน ที่หลายคนคิดผิดไปว่าขันธปรินิพพานคือ "นิพพาน" จบ พ้นวัฏฏะเลย นั่นไม่จริงอ่ะครับ ก็ต่างมิติฝากข้อความมาให้ช่วยแจ้งข่าวสารแก่ชาวโลกหน่อย เท่านี้ สำหรับบทความนี้ ก็ขอจบลงเท่านี้ละกัน เบาๆ สบายๆ ครับ สวัสดี