วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มนุษย์ทองคำ "ร่างวัชระ" ผู้พลิกวิกฤติเศรษฐกิจโลก!

ว้าว วันนี้มีเรื่องสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาด น่าอ่านอย่างยิ่ง แต่ว่านะขอเม้าท์หน่อยหนึ่ง เดี๋ยวนี้ใึครอยากสวยนะ ต้องเริ่มจากชื่ออ่า ก็ง่ายๆ ไปตั้งชื่อเล่น "น้องญาญ่า" นะ ส่วนชื่อเต็ม ชื่อจริงก็ "ยาฆ่าย่า" คร่ะ อิๆๆ เอาละ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า พี่ชายไปอ่านข่าวมา มันตื่นเต้นมาก เรื่องเศรษฐกิจโลกที่กำลังแย่มั๊กๆ และพลอยทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกได้เชียวนะ แต่อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายหรือไม่สนใจอ่านไปซะก่อนละ เพราะว่าเราต้องสู้ ต้องอยู่กับโลกนี้ อย่างที่มันเป็นนะครับ โอเค ไม่ให้มากความ เรื่องของเราวันนี้ คือ เรื่องของ "มนุษย์ทองคำ" ว้าว ท่าจะแพงเนอะ อิๆๆ แน่นอนละ มันเป็นยังไง ลองดูจิ


อย่างแรก เพื่อให้เข้าใจเศรษฐกิจโลกง่ายๆ พี่ชายขอสรุปเลยว่า ปกติ "เงินตราของแต่ละประเทศ" ต้องมี "สินทรัพย์ที่มั่นคงเป็นเครื่องหนุนหลัง" เช่น ถ้าพี่ชายเป็นเจ้าของประเทศๆ หนึ่ง จะพิมพ์แบงค์มาใช้สักหนึ่งล้านล้านบาท เงินนี่มันแค่กระดาษใช่ไหม? มันไม่มีค่าในตัวเอง ก็ถ้าพี่ชายอยากพิมพ์ก็พิมพ์ อย่างนี้ ก็ไม่ต้องทำอะไร วันๆ นั่งพิมพ์เงินมาซื้อนั่นซื้อนี่ตามใจอย่างนี้เป็นไงครับ? โลกคงล่มสลายเนอะ เพราะคนอื่นเขาทำงานกัน พี่ชายไม่ทำงาน ไม่เกิดผลผลิตอะไรออกมา เอา แต่นั่งพิมพ์แบ้งค์ เหมือนหลอกลวงให้คนอื่นทำงาน ตัวเองไม่ทำงาน ใช่ไหม? ทีนี้ ถ้าพี่ชายบอกว่า "เงินของพี่ชายเอามาแลกทองคำได้" เช่น เงินสองหมื่นบาท แลกทองคำหนัก ๑ บาทได้ อย่างนี้ ก็โอเคนะครับ ถ้าพี่ชายพิมพ์แบ้งค์สัก ๑ ล้านล้านบาท แล้วพี่ชายมีทองคำที่มีค่าเท่ากับเงิน เป็นไงครับ เงินของพี่ชายก็มีค่า ใครเอาเงินของพี่ชายไปใช้ ก็เอามาแลกทองคำพี่ชายได้ เป็นอันว่าประเทศของพี่ชาย ก็จะพิมพ์แบ้งค์ได้แล้ว ไม่มีปัญหาต่อเศรษฐกิจโลกใช่ป๊ะ? โอเค? ง่ายๆ นะ นั่นคือ เราจะพิมพ์แบ้งค์เล่นๆ ไม่ได้ ต้องมี "สิ่งมีค่า" มาค้ำประกันเงินของเราว่ามันมีค่าจริงๆ นั่นเอง ดังนั้น ทุกประเทศทั่วโลกจึงหาสิ่งมีค่ามาเป็น "สินทรัพย์ค้ำประกันเงินตราของตนเอง" เช่น ทองคำหรือสิ่งอื่นๆ เช่น ธนบัตรรัฐบาล, ตราสารต่างๆ ฯลฯ ว่ากันไปซึ่งสิ่งที่จะนำ มาใช้ค้ำประกันว่าเงินเรามีค่าจริงๆ ก็ควรเป็นสิ่งที่มี "ค่ามั่นคง" คือ มีค่าค่อนข้างคงที่ ไม่ใช่เหมือนหุ้น เดี๋ยวราคาขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้ ไม่ได้ละ เพราะเราพิมพ์แบ้งค์ออกไปจำนวนหนึ่ง แล้วสินทรัพย์ของเรามันเท่าเดิมแต่มีค่าขึ้นๆ ลงๆ อย่างนั้นไม่ได้ ดังนั้น "ทองคำ" จึงเป็นสิ่งที่นิยมนำมาใช้ "ค้ำประกันมูลค่าเงินตรา" มากที่สุด แต่ยกเว้น "ประเทศอเมริกา" ประเทศเดียวครับ ที่ไม่มีระบบการค้ำประกันค่าเงินตราด้วยทองคำ นั่นหมายความว่าอเมริกาจะพิมพ์แบ้งค์ออกมาเท่าไรก็ได้โดยไม่้ต้องสนใจว่าจะมีค่าในตัวมันเองหรือไม่? ทีนี้ มันเหมือนคนที่หลอกให้ชาวโลกทำงานให้ ส่วนตัวเองไม่ทำงาน พิมพ์แบ้งค์จ้างคนอื่นทำแทนบ้าง ซื้อสารพัดอย่างบ้าง ฯลฯ สุดท้าย เศรษฐกิจโลกก็จะพังไงละครับ ทีนี้ ถ้่าจีนซึ่งเป็นประเทศเจ้าหนี้ของอเมริกา ถือเงินตราของอเมริกาไว้มากที่สุด ไปทวงหนี้เข้า เขาก็ไม่มีทองคำมาจ่ายละ เขาก็เอา "ลูกกระสุนจ่ายแทน" หรือก็คือ "เปิดฉากทำสงคราม" นั่นเอง


และสิ่งนั้น ใกล้จะเริ่มต้นทุกทีแล้ว ถ้าใครได้ติดตามข่าวนะครับ ทีนี้ ก็เลยเกิดคำถามขึ้นว่าแล้วเราจะแก้วิกฤติการเงินโลกนี้ได้อย่างไรดีละ นี่เลยครับ "มนุษย์ทองคำร่างวัชระ" ที่พี่ชายกำลังแนะนำ ความหมายคือ "แรงงาน" ไงครับ เราเอามนุษย์มาพัฒนาแรงงานให้มีค่า เขาก็จะกลายเป็น "มนุษย์ทองคำร่างวัชระ" แล้วเอาพวกเขามาขึ้นทะเบียนมาเป็น "สินทรัพย์ของรัฐบาล" เช่น ถ้าเศรษฐกิจแย่คนตกงาน ๑ ล้านคน ก็เอาคน ๑ ล้านคนมาขึ้นทะเบียนเป็น "สินทรัพย์ของรัฐบาล" แล้วใช้มูลค่าของแรงงาน "มาตรฐาน" เอามาตีเป็นค่าเงิน แล้วพิมพ์แบ้งค์มาใช้ มาแ้ก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อีก มันก็จะกลายเป็นว่า "ยิ่งเศรษฐกิจแย่ คนยิ่งตกงาน" รัฐบาลยิ่งมี "มนุษย์ทองคำเพิ่ม" รัฐบาลยิ่งพิมพ์แบ้งค์ออกมาแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจได้มากขึ้นไปอีก แต่ถ้าเศรษฐกิจดี คนตก งานน้อย มนุษย์ทองคำก็น้อยลง รัฐบาลก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องพิมพ์แบ้งค์มาใช้แก้วิกฤติเศรษฐกิจมากละ "โอเคมั้ยล่ะ" อิๆๆๆ ทีนี้ ถ้าเราจะให้มนุษย์ทองคำมีมูลค่ามากๆ เราก็ต้อง "พัฒนาฝีมือแรงงาน" ให้เขามีมูลค่าแรงงานมากขึ้น เช่น ถ้าเขาเล่นการเมืองได้ ค่าตัวเขาก็สูง อย่างต่ำเดือนละ ๑ แสนบาท อะไรแบบนี้ แต่ถ้าให้ไปทำงานก่อสร้าง ค่าตัวก็ต่ำ คือ วันละ ๓๐๐ บาท เห็นไหม? ตรงนี้รัฐบาลพัฒนาได้ จะให้มีมูลค่าเพิ่มมากหรือน้อยก็ได้ ขึ้นกับการพัฒนาแรงงานตรงนี้ ทีนี้ ก็ยืดหยุ่นสิครับ ถ้ามีแรงงานตกงานน้อยขึ้นมาละ แล้วต้องพิมพ์แบ้งค์มาใ้่ช้แก้วิกฤติเศรษฐกิจมาก ซึ่งคำนวณแล้วไม่ได้ตามเป้าที่ต้่องการ เราก็แค่ "พัฒนาแรงงานให้มีมูลค่าเพิ่้ม" เข้าไปสิ มันก็จะได้มูลค่าในสินทรัพย์ของรัฐบาลเพิ่มทันที "โดยจำนวนแรงงานเท่าเดิม" เจ๋งมั้ยละ อย่างนี้ มันก็ยังดีเสียกว่าการ "ไม่เอาอะไรมาหนุนค่าเงินเลย" ก็ถ้าเจ้าหนี้มาทวงหนี้รัฐบาลๆ ก็แค่เจรจาจ่ายหนี้เป็น "แรงงาน" เท่านั้น ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องทำสงครามละ เอาลูกกระสุนไปแทน ฮ่าๆๆ เอ้า ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยละนะเจ้าหนี้จ๋า ดังนั้น มันคือทางออกหนึ่งของวิกฤติเศรษฐกิจโลกนะ แก้ด้วยวิธีนี้ไม่กระทบระบบเศรษฐกิจ 


โอ้ย พิมพ์มาเยอะ ใครที่เรียนเศรษฐศาสตร์มา คงเข้าใจได้ไม่ยากละ แต่ถ้าใครไม่ได้เรียน ก็พอเข้าใจบ้างนิดหน่อยนะ จะอธิบายให้มากไปกว่านี้จะยิ่งเยิ่นเย้อ เลยเอาง่ายๆ แค่หลักการง่ายๆ พอ เพราะในความจริงมีรายละเอียดมากกว่านี้เยอะมากเลย เอาเป็นว่าได้หลักการแล้วก็นำไปใส่รายละเอียดในทางปฏิบัติกันเองละกัน ยังดีกว่า "หน้ามืดหาทางแก้ไม่ได้ก็ฟาดงวงฟาดงา ทำสงครามกันเลย" จริงมั้ยละท่าน อิๆ โอเค บทความวันนี้ยาวหน่อย เดี๋ยวจะเครียดไป ขอจบก่อนละกัน