วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

ทฤษฎีวิวัฒนาการของ "ชาล ดาร์วิน" ยังไม่ถูกนัก เรามาดูทฤษฎีใหม่กันดีกว่า

เด็กๆ คงรู้จัก "ชาล ดาร์วิน" ดี เจ้าของทฤษฎีวิวัฒนาการไงครับ ถ้านึุกไม่ออกก็ต้องลองนึกถึงภาพ ลิงที่ค่อยๆ ยืนตัวขึ้นแล้วเดินเรียงแุถวกัน ในที่สุดก็กลายเป็นคน นั่นเอง เอาละ ผมชอบเขามากเลย เพราะแนวคิดของเขามัน "ยาวไกล" ดี ทำให้รู้จักสัตว์โลกในระดับยาวไกล ฝึกให้เราสนใจที่จะมองที่มาของเราแต่อดีตหนหลัง และก้้าวต่อไปในอนาคตข้างหน้า สรุปก็คือ ผมชอบเขาแหละครับ แต่ว่านะ คนเรามันก็มีแนวคิดของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งแนวคิดของผมเรื่องวิวัฒนาการนั้น แตกต่างไปจากชาว ดาร์วินนะครับ อ๊ะ เด็กๆ อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะมาเล็กเชอร์ยากๆ อย่างเดิมครับ ผมเน้นคำอธิบายที่ง่าย เด็กที่ไม่ได้เก่ง อะไร ก็อ่านแล้วเข้าใจเหมือนกัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ


อย่างแรก ผมอยากให้ลองดูจุดสังเกตในทฤษฎีของ "ชาล ดาร์วิน" ที่ขัดแย้งกันเอง ทำให้ผมคิดว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการของ "ชาล ดาร์วิน" ยังไม่ถูกนัก มีหลายประการ ซึ่งผมจะไล่เป็นข้อๆ ไปนะครับ ดังนี้ครับ

๑. ถ้าลิงเกิดก่อนมนุษย์ลิงก็น่าจะฉลาดกว่ามนุษย์ไปแล้ว? ใช่ไหมละ แต่ปัจจุบัน มนุษย์ก็ฉลาดกว่าลิง ซึ่งมันขัดแย้งกับทฤษฎีวิวัฒนาการที่ว่าสิ่งที่เกิดมาก่อนและวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ก็น่าจะมีพัฒนาการที่ดีกว่า ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้ผมคิดว่า "บรรพบุรุษของมนุษย์" เกิดก่อนลิง

๒. ถ้าแมลงสาบมีอายุมากกว่าคน แมลงสาบก็น่าจะฉลาดกว่าคนนะสิ ซึ่งมันไม่จริง ทำให้ผมคิดว่าที่จริงแล้ว แมลงสาบก็แค่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้เรารู้สึกว่ามันคือสัตว์ดึกดำบรรพ์ ส่วนคนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้คนใหม่อยู่เสมอ แต่ไม่ไ่ด้แปลว่าคนเกิดทีหลังแมลงสาบ

๓. ถ้าสัตว์เซลเดียวเป็นต้นแบบของสรรพชีวิตทั้งมวล มันก็จะน่าเกิดการวิวัฒนาการไปมากกว่าเป็นสัตว์เซลเดียว แต่ทุกวันนี้ เรายังเห็นสัตว์เซลเดียวก็ยังคงเป็นสัตว์เซลเดียวเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ที่จริงคือ การวิวัฒนการระดับวัตถุ น่าจะเกิดจากระดับพลังงานมาก่อน

๔. สัตว์ที่เป็น "ต้นแบบ" หรือมีพลังงานภายในที่เปลี่ยนแปลงมากๆ จนขับดันให้เกิดการวิวัฒนาการนั้น ก็ควรจะดู "ใหม่ที่สุด" โดยไม่มีการใช้วิทยาศาสตร์ดัดแปลงพันธุกรรม (อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้) เช่น มนุษย์ จะดูใหม่เสมอ เพราะมีพลังงานภายในที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ


เอาละ แค่สี่ข้อนี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ ที่ทำให้ผมเสนอแนวคิดขัดแย้งกับทฤษฎีวิวัฒนาการของ "ชาล ดาร์วิน" และผมขอเสนอแนวคิดใหม่ในเรื่องการวิวัฒนาการ ซึ่งมาจากความคิดของผมเอง ทั้งสิ้น ๑๐ ข้อครับ อาจจะแตกต่างไปบ้างจากที่ท่านเคยเรียนรู้มาจาก ชาล ดาร์วิน แ่ต่ไม่ถึงกับยากหรือแปลกเิกินไปกว่าที่จะเข้าใจนะครับ เพราะผมยังเน้นความง่าย ต่อการเข้าใจอยู่เสมอ เอาละ รายละเีอียดมีดังนี้ครับ


๑. การวิวัฒนาการเกิดจากระดับพลังงานไปสู่ระดับสสาร ไม่ใช่เกิดในระดับสสารไปสู่ระดับสสาร (เช่น จากลิงไปสู่มนุษย์) เฉกเช่นเดียวกับการวิวัฒนาการของ "ดาวโลก" ที่เกิดจากแรงขับดันระดับพลังงานจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับสสารให้เห็นได้ เป็นลำดับต่อไป 

๒. พลังงานที่เป็น "ต้นแบบ" ในการวิวัฒนาการจะอยู่ในสสารที่มีการเปลี่ยนแปลงเสมอๆ หรือทำให้เราเห็นว่า "ใหม่" อยู่เสมอ เช่น มนุษย์ จะมีการเปลี่ยนแปลงและดูใหม่อยู่เสมอ ดังนั้น ภายในตัวมนุษย์จึงน่าจะมี "พลังงานที่เป็นต้นแบบ" ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับสสาร

๓. สัตว์บางชนิดไม่มี "พลังงานต้นแบบ" ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ภายใน จึงไม่ใช่สัตว์ที่เป็นตัวทำให้เกิดการวิวัฒนาการไปสู่สัตว์ชนิดอื่นได้มันจึงแค่ "ผลจากการวิวัฒนาการ" ของสิ่งอื่นเท่านั้น มันไม่ใช่ "ตัวต้นเหตุ" ของกระบวนการวิวัฒนาการในดาวโลกนี้ เช่น แมลงสาบ เป็นต้น

๔. กระบวนการวิวัฒนาการระดับสสารเป็นการเกิดแบบร่วมกัน ไม่ใช่สาเหตุของกันและกัน เช่น ลิงไม่ให้เป็นต้นเหตุให้เกิดมนุษย์ เพราะทั้งลิงและมนุษย์ก็วิวัฒนาการมาจากระดับพลังงานทั้งสิ้น ทั้งสองสิ่งเกิดร่วมกัน ไม่ใช่เหตุและผลของกันและกัน (มนุษย์ไม่ใช่ผลของลิง)

๕. ไม่มีการทดลองใดยืนยันได้ว่าสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไประดับสสารจะส่งผลให้เกิดการวิวัฒนาการระดับสสาร เช่น ลองเอาปลาไปเลี้ยงในที่ๆ น้ำน้อยๆ หลายๆ รุ่น แล้วปลาจะมีพัฒนาการอะไรทำให้มีลักษณะที่คล้ายกบขึ้นมาได้เลย ดังนั้น สิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่สาเหตุ

๖. จากการทดลองในห้องปฏิบัติการ (Lab) เราสามารถดัดแปลงและทำให้เกิดพันธุกรรมใหม่ๆ เช่น การทำ GMO ได้ด้วย "การใช้พลังงานกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงสสาร" แต่ไม่มีการทำ GMO ใดซึ่งสำเร็จได้ด้วยการ "เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม" โดยรอบสิ่งมีชีวิตนั้นๆ

๗. พบการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ในสิ่งมีีชีวิตที่ได้รับการกระตุ้นโดยรังสี (พลังงาน) แต่เราไม่เคยพบการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมเชิงกายภาพ ดังนั้น แนวคิดที่ว่า "สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดวิวัฒนาการ" จึงไม่น่าจะจริง

๘. มนุษย์ยังคงมีวิวัฒนาการสูงสุดอยู่เสมอในโลกนี้ ดังนั้น จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ว่ามนุษย์จะวิวัฒนาการมาจากลิง แล้วมนุษย์จะกลายเป็นอะไรที่เหนือกว่านี้ต่อไปละ? ซึ่งมันไม่มีจริง ดังนั้น ต้นแบบพลังงานที่วิวัฒนาการไปสู่สิ่งอื่นๆ น่าจะอยู่ในตัวมนุษย์ แล้วเสื่อมลงไปมากกว่า

๙. พลังงานต้นแบบ ซึ่งเป็นต้นแบบไปสู่การวิวัฒนาการในระดับสสารไม่น่าจะมาจาก "สัตว์เซลเดียว" แล้วพัฒนาสูงขึ้นไป แต่น่าจะอยู่ในตัวมนุษย์ แล้วเกิดการวิวัฒนการแบบ "เสื่อมถอยลง" มากกว่า ดังนั้น จึงไม่ปรากฏมีสิ่งมีชีวิตอื่นในโลกที่เกิดจากโลกและฉลาดกว่ามนุษย์

๑๐. พลังงานกระตุ้นวิวัฒนาการ จะต้องเป็นพลังงานที่ละเอียดมากจึงจะกระตุ้่นให้เกิดการกลายพันธุ์และวิวัฒนาการได้ เช่น รังสีแกมมาแต่ไฟและความร้อนธรรมดา ไม่อาจกระตุ้นให้เกิดการวิวัฒนาการได้ ซึ่งสิ่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วอย่างชัดเจนในห้องแล็ป GMO ต่างๆ นี่เอง


เอาละครับ สิบข้อ ของทฤษฎีวิวัฒนาการของผม ซึ่งค่อนข้างใหม่มาก แต่ว่ามันก็มีข้อพิสูจน์และยืนยันได้แล้วนะครับ เช่น การใช้รังสีแกมม่าเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ในห้องแล็ป GMO แต่เราไม่เคยเห็นการวิวัฒนาการในห้องแล็ปที่ควบคุมสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการวิวัฒนาการของไวรัสหรือสัตว์เซลเดียวได้เลย เอาละ อย่าซีเรียสนะครับ มันก็แค่ "อีกทฤษฎีหนึ่ง" ก็เท่านั้นเอง สำหรับเด็กๆ มันอาจจะดูยากหรือหนักสมองไปนิดในคืนอันแสนเหนื่อยล้าจากการงานนี้ นึกเสียว่าเปลี่ยนจากนิยายอาหรับราตรี เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ไซไฟ ก็แล้วกัน หุๆๆ เอาละ เม้าท์มายาวมากแล้ว เดี๋ยวจะกวนเวลานอนของเด็กๆ ไป พบกันใหม่บทความหน้า นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ



2 ความคิดเห็น:

เม้าท์ด้วยคน