วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

ใช้พลัง "จิตสังหรณ์" และลางสังหรณ์อย่างชาญฉลาดได้อย่างไร?

แปลกดีช่วงนี้ หายจากหนาวมาร้อนไม่ทันไร จู่ๆ ฝนก็เทลงมาซะเฉยเลย พอฝนตกลงมา อุตุนิยมวิทยาก็พยากรณ์ว่า "ฝนจะตกจ้า" ตามเคย ก่อนหน้านี้ ไม่ได้พยากรณ์อย่างนี้ เห็นแล้งกันจัด เตรียมขอฝนหลวง ทำฝนเทียมกันวุ่นไปหมด โฮ่ๆๆ ตลกดี อย่าซีเรียสครับ ล้อกันเล่นเล็กน้อยเท่านั้น พอเป็นกระษัย เอาละ มาเข้าเรื่องของเราในวันนี้กัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "จิตสังหรณ์" และความเชื่อของคนไทยโบราณที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจิตสังหรณ์เหล่านี้ ดูว่าจะเชื่อถือได้แค่ไหนนะครับ พี่ชายก็เลยเอ้า ไม่รู้จะเม้าืท์อะไรดี เอาเรื่องนี้ละ มาเม้า์ท์แล้วกัน


อย่างแรก พี่ชายอยากปูพื้นฐานก่อนนิดหน่อย เรื่องที่จะเม้าท์ในวันนี้ เพราะจะได้ไม่พูดกว้างเกินไปเอาเป็นว่าพี่ชายจะพูดในกรอบเล็กๆ ไปก่อน แล้ววันหลังถ้าโอกาสดีค่อยเม้าท์มากกว่านั้นไป คือ พี่ชายจะมาเม้าท์เรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของคนไทยโบราณที่เกี่ยวข้องกับลางสังหรณ์ พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มันจะมีคนสามแบบครับ แบบที่หนึ่ง คือสุดโต่งไปทางปฏิเสธ ไม่เืชื่อเลย แบบที่สอง คือ สุดโต่งไปทางเชื่อสุดๆ อย่างงมงาย แบบที่สาม คือ กลางๆ เอาละ พี่ชายไม่ได้ว่าอะไร เรามาดูให้ละเีอียดดีกว่าว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร อย่างเช่น คนไทยโบราณเชื่อว่าจิ้งจกทักให้รู้จักฟัง แต่ภายหลังคนไทยถึงยุคเสื่อมไม่เข้าใจก็คิดไปว่า "จิ้งจกทักห้ามออกจากบ้าน" ไปเสียอย่างนั้น แท้แล้วเขาเอาไว้สอน "ผู้นำ" ครับ ผู้นำที่มีอำนาจบางครั้ง ไม่ค่อยฟังใคร เขาเลยสอนให้รู้ัจักฟังคำเตือนของคนอื่นๆ บ้าง ไม่รู้จะสอนอย่างไรดี ก็เลยเอาว่า "จิ้งจกทักให้รู้จักฟัง" ภายหลัง เราไม่เข้าใจ ก็เลยเกิดคนสุดโต่งแบบที่สองคือ เชื่ออย่างงมงายโดยไม่เข้าใจ นัยยะแอบแฝงที่คนไทยโบราณเราสอนแบบเนียนๆ กันมา ก็เลยไปตีความเอาว่าถ้ามีจิ้งจกทัก ก็อย่าออกจากบ้าน ไปเสียอย่างนั้น นอกจากนี้ ยังมีอะไรที่ดี มีค่าอีกมาก ที่คนไทยโบราณสอนลูกหลานให้เป็นผู้นำ ผู้ปกครองที่ดี ผ่านเรื่องแบบนี้แหละ ทั้งยังมีเทคนิคการสื่อสารกับเทพเทวดาด้วย เช่น การที่เราเชื่อเรื่อง "ตาเขม่น" บางคนเชื่อว่า ตาเขม่นด้านขวาจะร้าย ด้านซ้ายจะดี อย่างนี้ก็มี ถามว่ามันจริงไหม? มันคืออะไร มันก็คือการที่เราสื่อสารกับเทพเทวดาประจำตัวเรา โดยส่งซิกให้กันน่ะแหละว่า ถ้าจะเกิดเรื่องไม่ดี ให้ท่านช่วยทำให้เราเขม่นตาขวานะ แต่ถ้ามีเรื่องดี ก็ขอให้ท่านช่วยทำให้เราเขม่นตาซ้่ายนะ อะไรแบบนั้น มันคือ เทคนิคการสื่อสารกับเทพประจำตัว ก็แค่นั้นเอง ทีนี้ เราก็ต้องใช้วิธีนี้ อย่างมีวิจารณญาณด้วย ไม่ใช่สุดโต่งไปทั้งสองทาง คนที่ไม่เชื่อเลย ก็จะไม่มีวิธีสื่อสารกับเทพประจำตัว อดได้ของดีที่คนไทยโบราณสอนไปเลย ส่วนคนที่เชื่อแบบงมงายก็จะใช้่ไม่เป็น เขม่นทีไรก็เชื่อไปหมด  (บางครั้ง เราส่งซิกกับเทพประจำตัวก่อน แล้วท่านจึงส่งสัญญาณให้เราครับ แต่ถ้าเราไม่ได้ส่งซิกก็เป็นเรื่องอื่น ไม่ใช่เรื่องนี้) ทั้งหมดนี้ มันเกี่ยวข้องกับ "พลังจิตสังหรณ์" และ "ลางสังกรณ์" ของเราครับ ถ้าเรามีปัญญาที่จะนำมาใช้ ก็จะใช้ได้ดีทีเดียว แต่ถ้าสุดโต่งไปสองทาง ละก็ ไม่มีประโยชน์รังแต่จะนำโทษมาให้เราอีกนะครับ พอเข้าใจนะครับ


อย่างที่สอง พี่ชายก็จะค่อยๆ เม้าท์ให้ลึกขึ้นไปอีกนิดอย่างที่บอกแล้วว่าบางครั้ง "ความเชื่อของคนไทยโบราณ" มันก็เหมือนเคล็ดวิชาลับหรือเทคนิคอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าเรารู้จักใช้จะช่วยทำให้เราใช้ "ลางสังหรณ์และพลังจิตสังหรณ์" ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก เพราะคนไทยโบราณเป็นคนที่ใช้จิตสังหรณ์เป็นครับ ใช้เป็นกันเยอะมาก แพร่หลายเลยละ เพียงแต่ว่าเขาจะมีวิธีที่นำมาใช้อย่างไรให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสมก็เท่านั้น ซึ่งการใช้จิตสังหรณ์ในชีวิตประจำวันนี้ แม้แต่ชาวนา ก็พบได้ครับ คิดดูขนาดชาวนา ยังใช้พลังจิตสังหรณ์เป็นเลย เช่น การจะทำนา ต้องดูว่าน้ำจะมามากหรือน้อย ต้นปีหรือปลายปี อะไรแบบนั้น ซึ่งชาวนาในสมัยโบราณจะเก่งมาก เรื่องการดูลม, ดูฝน, ดูฟ้า แถมพยากรณ์ได้เก่ง ทำนายได้เก่งมากๆ เลย สมัยพี่ชายยังเด็กๆ ไม่ต้องมีทีวีพยากรณ์ให้เราหรอกครับ คนเฒ่าคนแก่นี่แหละ ถ้าแกบอกว่าเดี๋ยวฝนจะมานะ อีกวันสองวัน ก็มาจริงๆ ครับ แต่ถ้าแกบอกแล้งแล้วฝนไ่ม่มาแล้ว หมดละ  ก็หมดจริงๆ แฮะ สุดยอดไหมละครับ ทีนี้ คนไทยโบราณเีนี่ย ทิ้งมรดกไว้ให้เราเป็น "ขุมทรัพย์ทางปัญญา" เยอะแยะ บางอย่างเราไม่เข้าใจก็จะมองว่าบ้า หรือผิดเพี้ยนไปได้ ไม่ต่างจากชนชาติอื่นๆ หรอก เช่น ใครจะไปรู้ว่าชนชาติแม้วอาจจะเป็นพวกขุนนางสมัยโบราณที่ช่วยรบให้กษัตริย์ตั้งราชวงศ์ก็ได้ ดังนั้น ภูมิปัญญาของพวกเขา ย่อมไม่แพ้ อำมาตย์หรือระดับนายกเลยครับ แล้วพอเขารบแพ้ หรือเสียเมืองไป ก็อาจหนีภัยสงครามออกมา ก็กระจายอยู่ในประเทศต่่างๆ พร้อมนำเอาภูมิปัญญาของพวกเขามาด้วย ไม่ยอมจำนนขึ้นกับใคร (คิดดู ถ้าเขาไม่ดีจริง ไม่เจ๋งจริง ก็คงถูกกลืนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่พวกเขาหนีไปอาศัยอยู่แล้วใช่ไหมครับ นี่เขาไม่ถูกกลืนง่ายๆ แสดงว่าต้องมีอะไรดีติดตัวมาบ้างแน่ๆ) เราอย่าเพิ่งไปสบประมาท มองเขาในแง่ลบ หรือมีอคติกับเขามากเกินไป เพราะเราอาจไม่รู้ซึ้งถึงภูมิปัญญาอะไรบางอย่างที่พวกเขาสืบทอดมาเลยก็ได้ เปิดใจให้กว้างแล้วมองอะไรให้ลึกครับ อย่าด่วยสรุปทันทีที่ได้อ่านอะไรมาเพียงผิวเผินเท่านั้น


เอาละ พี่ชายเม้าท์มายาวเลย เกรงจะเกินเวลา ทำให้เด็กๆ นอนช้าจะผลิตประชากรให้ประเทศได้น้อย ว่ะ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะครับ เอาเป็นว่าไว้พบกันฉบับหน้า สำหรับบทความนี้ ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรลึกละ อีกอย่างพี่ชายก็ไม่ค่อยรู้ลึุกซึ้งจริงๆ นักหรอก ของพวกนี้ มันโบราณมาก ต้องใช้เวลาศึกษาไม่น้อยทีเดียว ไม่ใช่ของง่ายครับ อย่างไรก็จะลองค้นคว้าต่อไปครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เม้าท์ให้อ่านกันต่อไป สวัสดี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน