วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บำเพ็ญบารมีอย่างไร จึงจะได้ "ของทิพย์วิเศษทั้งห้า" มาช่วยกู้วิกฤติโลก?

วันนี้ ไม่่ค่อยเวลาเล่นมุขนะครับ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ...


๑) การบำเพ็ญ "หัวใจสุญตา"

จะบำเพ็ญบารมีหนักทาง "เนกขัมบารมี และ ศีล" จะดำรงพรหมจรรย์ หรือถือบวช (บวชพราหมณ์ห่มขาวก็ได้ครับ หรือไม่ได้บวชแ่ต่ปฏิบัติก็ได้เช่นกัน) จากนั้น จะบำเพ็ญฤทธิ์หนักทางด้่่าน "ธาตุ" และ "มโนมยิทธิ" ใช้ใจทำงานเยอะ ใช่พลังใจเยอะครับ ดังนั้น จึงเ็ป็นคนที่ใช้สมองหรือเหตุผลไม่มากเท่ากับการใช้จิตใจหรืออารมณ์ จึงเป็นคนที่มีพลังใจหรืออารมณ์เด่นชัด เช่น ถ้าได้ฤทธิ์ธาตุน้ำ ใจและอารมณ์ก็จะอ่อนไหวลื่นไหลเหมือนน้ำได้ ซึ่งเขาจะฝึกฤทธิ์ทางสายธาตุไปเรื่อยๆ ครับ จนถึงธาตุตัวที่ ๕ ก็จะครบองค์ห้าธาตุต้น ทะลุไปอีกนิดก็ถึงแก่นธาตุ แก่นธรรมแล้ว บางคนชอบศึกษาเรื่องหิน, สสารวัตถุ, มวลสาร, ปรอท, เล่นแร่แปรธาตุ, เหล็กไหล ฯลฯ จนถึงที่สุดของสายธรรมเขาก็จะอยู่เหนือ "ธาตุทั้งห้า" ไม่ตกอยู่ใ้ต้อำนาจของพระแม่ธรณี, พระแม่คงคา ฯลฯ แ่ต่จะตรงต่อ "โลกหนึ่งเดียว" ที่ไม่แบ่งแยกอีกต่อไปครับ

๒) การบำเพ็ญ "เกราะเพชร"

จะบำเพ็ญหนักทาง "ธรรมวินัย" มีธรรมวินัยครองอยู่ ดังพระภิกษุครองผ้าจีวรฉะนั้น และด้วย "พลังแห่งธรรมวินัย" นี้เอง จึงกลายเป็นเกราะหุ้มกาย ปกป้องคุ้มครองตนได้ เป็นที่พึ่งได้แท้จริง อนึ่ง หากเน้นหนักไปทางศีล จะไม่ได้เกราะัเพชร จะได้อย่างมากเพียงเกราะทองคำ แต่ถ้ามีธรรม (ปัญญา) ร่วมด้วยอย่างสมดุล จึงจะถึงขั้นเกราะเพชรเจ็ดสีได้ ในบางตำราจะเรียกว่า "ผนึกประสาน" อะไรสักอย่าง ไม่ได้เรียกว่าเกราะเพชรโดยตรง ผู้สวมเกราะนี้ จะมีลักษณะเหมือนคนหลายๆ คน เป็นเหมือนคนหลานบุคลิก แ่ต่ไม่ได้บ้า และไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด เพียงแต่อำนาจของเกราะทิพย์ทำให้พลังที่แตกต่างกันนั้น เด่นชัดจนเหมือนกับว่าเป็นคนละคนกัน ทำให้ดูเหมือนเป็นหลายคนได้ นั่นเอง

๓) การบำเพ็ญ "หม้อยาทิพย์"

จะบำเพ็ญหนักไปทาง "วิริยะ และ ขันติ" เพราะต้องอดทนเกลือกกลั้วอยู่กับสิ่งที่ไม่ดี หรือสิ่งที่เป็นพิษภัย จนมีพลัง, บารมีแก่กล้าพอที่จะทำให้สิ่งที่เป็นพิษภัยนั้น สลายไปได้ เมื่อถึงจุดนั้น ก็จะสำเร็จหม้อยาทิพย์ อันสามารถรักษาอาการปราณพิษ หรือพลังพิษ ที่เกิดจากการฝึกจิตที่ผิดวิธีได้ การบำเพ็ญแบบนี้ ไม่เหมาะที่จะดำรงอยู่อย่างคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่แปดเปื้อนอะไรเลย เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ไม่มีความก้าวหน้าในการบำเพ็ญบารมีเลยแม้แต่น้อย เขาจะต้องกล้าหาญที่จะยอมรับพิษ หรือสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายได้ ต้องสามารถผ่านด่านพิษและสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นได้ด้วย ก็จะสำเร็จผลเป็น "หม้อยาทิพย์" มีลักษณะเหมือน "บาตรพระ" นี่เอง (แต่เป็นของทิพย์มองไม่เห็นครับ)

๔) การบำเพ็ญ "กระจกทิพย์"

จะบำเพ็ญบารมีหนักไปทางศีลและสัจบารมี ผู้ที่บำเพ็ญจะต้องไม่ใช้ธรรมะของตัวเอง ไม่ใช่ความคิดเห็นของตัวเอง แต่จะต้องทราบด้วยปัญญญาได้ว่าอะไรที่เป็นธรรมจริงหรือไม่จริง และมีจิตน้อมตรงต่อธรรมของพระสุริยเทพ (หรือพระอาทิตย์ยูไล) แต่ด้วยเห็นว่าธรรมของพระอาทิตย์ยูไลมีความร้อนแรง ปวงสัตว์ได้รับแล้วจะเกิดผลเสีย ถ้าไม่พร้อมที่จะรับ ดังนั้น จึงใช้กระจกทิพย์รับพลังธรรมของพระอาทิตย์ยูไล แล้วสะท้อนแสงเข้าสู่โลก, ส่องสว่างให้ปวงสัตว์ (ดั่งเช่น ดวงจันทร์ที่สะท้อนแสงอาทิตย์ฉะนั้น) ในการบำเพ็ญบารมีนี้ หากมัวหลงแต่ "ตำรา และไม่เห็น ผู้มีธรรม" ไม่ทราบว่าพลังธรรมของพระอาทิตย์ยูไล เป็นเช่นใดแล้ว ก็จะกลายเป็น "หลงกลมาร" เพราะมารนั้นเป็นผู้ร่วมทำการสังคายนาทุกครั้ง (เข้าแทรกการสังคายนา) ดังนั้น ธรรมที่อยู่ในตำรา แม้ว่าใช้ได้ก็ต้องใช้อย่างระวัง ทว่า แสงธรรมของพระยูไล ไม่เคยดับ ยังคงส่องมาสู่ปวงสัตว์เสมอ สิ่งนี้ จึงยังคงใช้ได้อยู่เสมอ 

๕) การบำเพ็ญ "พิณทิพย์" 

จะบำเพ็ญบารมีหนักไปทาง "ปัญญา" และ "ศีล" และมักชอบอยู่กับคลื่นเสียง หรือสิ่งที่มีพลังคลื่น เช่น คนที่ทำสมาธิด้วยคลื่นเสียงหรือคนที่รักษาโรคคนด้วยพลังคลื่นเสียง เมื่อเขาได้สำเร็จแล้ว จึงเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ดุดัน ไม่ก้าวร้าวรุนแรงแต่มีพลังสั่นสะเทือนไปถึง "ก้นบึ้งของหัวใจ" ได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุว่าปวงสัตว์นั้นมีความถือตัวถือตนมาก เป็นดั่งตะกอน ตะกรัน นอนก้นอยู่ สะสมทับถมอยู่นาน จะใช้ไม้แข็งดุดัน บางครั้งก็ทำไม่ได้ย่อมจะกลายเป็นการก่อกรรม ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้ จึงต้องใช้วิธีที่นุ่มนวล อ่อนเบา แต่มีพลังสะเทือนถึง "ก้นบึ้งในจิตใจ" คนได้ จึงจะช่วยทลายสักกายทิฐิคนได้


เอาละ การบำเพ็ญบารมีเพื่อกอบกู้โลกของเรา โดยเกี่ยวข้องกับของทิพย์วิเศษทั้ง ๕ ชนิด ก็ได้เม้าท์กันไปบ้างแล้ว พอประมาณนะครับ ผมเองไม่ได้ทราบข้อมูลละเีอียดมากนัก แต่เชื่อว่่าท่านใดที่กำลังอยู่ใน "วาระการบำเพ็ญ" หรือถูกจับจองตัวให้บำเพ็ญไว้แล้ว คงจะทราบดีว่าที่ผมกล่าวมาันั้น สอดคล้องกับที่ท่านพบเจอ ค้นพบด้วยตัวเองหรือไม่อย่างไร ของผมมีข้อมูลไม่มาก แต่ผมเชื่อว่าของท่าน จะได้ค้นพบมากกว่าผมเป็นแน่ เพราะ้ท่านบำเพ็ญบารมีแบบนั้นโดยตรงนั่นเอง เอาละ สำหรับบทความฉบับนี้่ ผมขอจบก่อน ราตรีสวัสดิ์ครับ เจ้านาย!    



6 ความคิดเห็น:

  1. แล้วท่านไม่ได้เป็นหนึ่งใน 5 ยูไลงั้นเหรอ

    ตอบลบ
  2. แหล่งที่มีพิษ ไม่ใช่แค่แหล่งอบายมุึข เช่น เล่นเกมส์ทั้งวันทั้งคืน ก็ถือเป็นพิษอย่างหนึ่ง เสพติดการใช้มือ กดๆๆๆ แช็ตๆๆๆ อยู่นั่นน่ะ ก็ถือเป็นพิษอย่างหนึ่ง

    ตอบลบ
  3. รวมๆกันเรียกว่า "สิ่งเสพย์ติด" ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะ "ยาบ้า" เท่านั้น

    สิ่งใดๆก็ตามในโลกที่ผู้คนใช้แล้วติด ก็เรียกว่า "สิ่งเสพย์ติด" ได้ทั้งนั้น

    ตอบลบ
  4. คุณต้นหลิวครับ ขอเบอร์คุณต้นหลิวหน่อยครับ คือผมจะออกเดินทางแล้ว ไม่ทราบว่าคุณต้นหลิวอยู่จังหวัดอะไรหรอครับ ขอเบอร์ด้วยนะคราบบบ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  5. เอาไปทำไมง่ะ...............?????? งง ????????

    ตอบลบ
  6. เกรงจะไม่เหมาะสิครับ เพราะการให้เบอร์นี่
    คงต้องรู้จักและไว้ใจกันมากพอควรก่อนนะครับ


    ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับ ...

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน