วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สงครามศักดิสิทธิ์ที่ "ลูซิเฟอร์" อาจต้องถูกสังเวย และจะกระทบต่อเราอย่างไร?

อ่ะ วันนี้ไม่ค่อยมีเวลาเล่นสด ซิงกิงค์โชว์ เต้นกังนัมสไตล์ออกแขก เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาท่านทั้งหลายที่รอคอยอ่านอยู่ ก็ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันครับ วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "สงครามศักดิ์สิทธิ์" ตรงๆ เลย แต่อาจแตกต่างจากที่อื่นที่ท่านทราบมาก็ได้นะครับ เชิญท่านทั้งหลายลองอ่านดู แล้วใช้วิจารณญาณของท่านเองครับ 


ผมได้เคยเม้าท์เกี่ยวกับเรื่องสงครามเย็นในบล็อกอื่นๆ ไว้บ้างแล้ว แ่ต่ไม่ได้ลงบล็อกนี้โดยตรงเพราะเกรงว่าจะไม่ถูกจริต กับบางท่านที่อาจจะไม่นิยมสนใจเรื่องการเมือง น่าปวดหัว และอาจทำให้เครียด เพราะบล็อกนี้มันเน้นสบายๆ ไม่เครียด อ่านเหมือนนิทานอะไรประมาณนั้นอ่ะ เอาเป็นว่าบล็อกนี้ ผมก็จะขอเล่าเรื่อง "สงครามศักดิ์สิทธิ์" อันเป็นสงครามในตำนานนะครับ จุดมุ่งหมายก็เพื่อ "เคลียร์จิตวิญญาณมืด" ครับ ซึ่งจิตวิญญาณมืดนี้มีมากมายก่ายกองเป็นล้านๆ ดวงเลย เวลาที่จะเคลียร์ในเวลาที่ถูกกำหนดไว้ มันเลยต้องใช้สงครามนะครับ ทำให้พวกเขาตายในสงครามเพื่อบูชาพระเ้จ้า แล้วจึงได้อาศัยบุญบารมีที่ทำให้พระเจ้านั้น เพื่อกลับคืนสู่สวรรค์ได้ครับ ทว่า "ลูซิเฟอร์" ไม่ยอมที่จะทำสงครามเพื่อพระเจ้าหรอกครับ ถ้าเขาจะทำก็เพื่อตัวเองและให้คนทั้งหลายทำเพื่อเขาด้วยไม่ใช่เพื่อพระเจ้า ดังนั้น เลยเป็นปัญหา ก็ถ้าจิตวิญญาณมืดทั้งหลายตายในสงครามศักดิ์สิทธิ์ ไปพร้อมกับเชื่อว่าลูซิเฟอร์คือพระเจ้าละก็ พวกเขาจะตกนรกทั้งหมดครับ ไม่ได้กลับคืนสู่สวรรค์เลย ในขณะที่ "มัจจุราชมาร" ซึ่งเ็ป็นภาคมืดที่ตรงข้าม กับลูซิเฟอร์ พร้อมตายเพื่อพระเจ้า พวกเขาเลยครอบงำให้คนในศาสนาบางศาสนา หรือบางลัทธิ ทำสงครามให้ตายในสงครามไปเลย เพื่อบูชาพระเจ้าครับ (ที่คุณเห็นว่ามีผู้ก่อการร้ายแบบยอมพลีชีพ นั่นหละ) อันนี้ ก็ไม่ใช่อีกเหมือนกันเพราะในความเป็นจริงพระเจ้าไม่ได้ต้องการ ให้มนุษย์ตายจริงๆ หรอกครับ แหม กว่าจะสร้างมนุษย์ได้ก็ยาก กว่าที่จิตวิญญาณจะได้กลับจากเบื้องล่างมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ยากนี่ครับ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหน อยากให้มนุษย์ตายหรอกครับ (นอกจากจะถึงเวลา) แต่ที่ท่านต้องการคือ "การตายใน" โดยที่ร่างสังขารยังปกติครับ ตายแต่เพียง "จิตวิญญาณมืด" ที่แทรกอยู่ ที่ครอบงำร่างสังขารอยู่เท่านั้น แล้วก็จะได้ "กำเนิดใหม่" ในร่างสังขารนั้นๆ กลายเป็นคนใหม่ที่สว่างมากขึ้น ก็เท่านั้นเอง ดังนั้นแล้ว "สงครามศักดิ์สิทธิ์" จึงมีแน่นอน และมีเพื่อเหตุผลดังกล่าว มันจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องรบกันจริงๆ ให้คนตายเลย แต่มันจะเป็นการรบการอ้อมๆ ทำให้คนตายจากภายใน ครับ


ทีนี้ ในสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้น เป้าหมายก็เพื่อให้ "จิตวิญญาณมืด" ได้ตายแล้วเกิดใหม่ เพื่อกลับคืนสู่สวรรค์ดังเดิมครับ มันจึงรวมเอาลูซิเฟอร์ เข้าไปด้วย ถ้าเขาตายแล้วเกิดใหม่ เขาก็จะหลุดพ้นจากความมืดไปได้ครับ แต่ว่า ผมคิดว่ายังไม่ถึงเวลาหรอก ต่อให้เขาตายแล้วเกิดใหม่ ก็จะมี "จิตวิญญาณอื่น" ที่มาทำหน้าที่แทนเขา กลายเป็น "ลูซิเฟอร์" ตัวต่อไป หมายความว่าไง มันก็คือ "ตำแหน่งๆ หนึ่งละครับ" มันคือ ตำแหน่งทางธรรม เป็นเป็นธรรมภาคมืด เท่านั้นเอง มีไว้เพื่ออะไร? ก็เพื่อยืดอายุพระพุทธศาสนาที่แท้จริงแล้ว หมดสิ้นไปนานแต่เราก็หาสารพัดวิธียืดอายุต่อไปครับ และพลังของลูซิเฟอร์นี่ละ ที่จะฝืนกฏแห่งกรรม, ฝืนธรรมชาติ ยืดอายุขัยศาสนาได้ (แต่จะไม่ตรงทาง ไม่ถูกต้องนะครับ ดังนั้น จึงต้องมี "พระบุตร" นำทางปวงสัตว์ให้ตรงทางถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เช่น ถึงพระเจ้า หรือพระพุทธเจ้า ก็ตามที) นั่นคือ หน้าที่ของลูซิเฟอร์ครับ (แต่เขามักทำตามใจตัวเอง ทำนอกหน้าที่ไปเรื่อยแหละครับ เลยต้องมีพระบุตรลงมาเกิดเป็นมนุษย์ไง) ทั้งนี้ จะให้พระบุตรกระทำการยืดอายุขัยพระพุทธศาสนาเอง ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการฝืนกฏแห่งกรรม, ฝืนธรรมชาติ จะส่งผลให้พระบุตรนั้น ตกสวรรค์ และมืดลงดังเช่นลูซิเฟอร์ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว โลกก็จะไร้ซึ่งแสงสว่างนำทางปวงสัตว์ๆ ก็จะหลงทาง เพราะผู้นำก็หลงเองเสียแล้ว ดังนั้น พระบุตรจึงต้องทำหน้าที่อย่างหนึ่ง จะทำหน้าที่ยืดอายุให้พระพุทธศาสนาโดยตรงไม่ได้ครับ (ให้ลูซิเฟอร์ทำไป ก็แล้วกัน)


สุดท้ายนี้ เรื่อง "สงครามศักดิ์สิทธิ์" ที่ผมเม้าท์ให้ฟังนี้ อาจแตกต่างไปจากเนื้อหาของบางศาสนาหรือบางลัทธิไปบ้าง แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้ต่างกันจริงๆ หรอก มันต่างกันแค่ "ความเข้าใจหรือมุมมองของคน" ที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ก็เท่านั้น เพราะเมื่อใดที่พวกเขารู้แจ้งเห็นจริง ในเรื่องนี้แล้ว ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะรู้ได้ว่า "มันไม่ต่างกันเลย" ครับ เอาละ สำหรับบทความฉบับนี้ขอจบลงเท่านี้ก่อน ราตรีสวัสดิ์ครับ ...    



4 ความคิดเห็น:

  1. ในมนุษย์ 1 คน มีจิตวิญญาณหลายดวงอาศัยอยู่ในร่าง

    อาจจะ เทพ 1 มาร 1 ซาตาน 1 โอ๊ยย เยอะ เข้าๆออกๆๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เอาบัตรให้ตอกเวลาเข้าออก็ท่าจะดี 5555

    ตอบลบ
  2. มนุษย์ก็เหมือนกับวัตถุสสาร ที่พอโดนแสง ย่อมที่จะมี "เงา" เป็นธรรมดา ในตัวของคนทุกคน ก็ย่อมที่จะมี "ด้านมืด" กันอยู่แล้ว

    นี่แหละ คือสมดุลย์ของมนุษย์เราทุกคน ที่ย่อมจะมีสิ่งที่ดี และไม่ดีในตัว (ไม่มีหรอก ที่ใครจะดีสะอาดอยู่แต่เพียงด้านเดียว.....เพราะเราคือมนุษย์ ยังไงกันล่ะ)

    ตอบลบ
  3. ยิ่งคนไหนมี "องค์ภาคสว่างที่ใหญ่มากๆ ยิ่งมีภาระที่ยิ่งใหญ่".....และ "เงา" นั้น ก็ย่อมที่จะ "ใหญ่" ตามไปด้วย

    มันมีครบอยู่แล้ว ในตัวมนุษย์หนึ่งคน และนี่คือ............"สมดุลย์ของความเป็นมนุษย์ อยู่แล้ว"

    ตอบลบ
  4. จิตวิญญาณทีเ่ข้าๆออกๆ "เค้าก็ไม่บอกเราหมดหรอก ....ว่าออกไปทำอะไรมาบ้างน่ะ"

    "เค้าไม่บอกมนุษย์อย่างเราหมดหรอก"

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน