วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

"กฏของแรงดึงดูด" กับ "พลังไซย่าร์" ทำให้ท่านกลายเป็นมหาเศรษฐีได้จริงน่ะหรือ?

ดราม่าสุดฤทธิ์แรงฮิตติดอันดับทวิตเตอร์ตอนนี้ เห็นท่าจะไม่มีใครเกิน "น้องเนย" เจ้าของวลีที่ว่า "เนยรักโลก" และ "เนยไม่กินผัก เพราะมันเป็นการตัดไม้ทำลายป่า" เลยต้องเอามาล้อกันหน่อยแล้วนะครับ ไม่ก็แปลงร่างเป็นน้องเนยดูดีไหม? เอาละนะ ชะแว้บ เริ่มเลย สวัสดีค่ะ นี่น้องเนยนะคะ ตอนนี้เนยไม่อาบน้ำแล้วค่ะ เพราะช่วยอนุรักษ์น้ำนะคะ ตอนนี้ได้แต่อาศัยยาหม่องฮะ เพราะคันคะเยอไปทั้งง่ามขาแล้ว ใครที่สนใจแนวทางการอนุรักษ์ของน้องเนย ก็เข้าไปดูได้ที่ทวิตเตอร์ของน้องเนยนะคะ แต่ว่าเพื่อเป็นการประหยัดไฟ ช่วยปิดไฟก่อนไปดูด้วยนะคะ จะให้ดีก็สับคัทเอาท์ทั้งบ้านเลยค่ะ ตอนนี้น้องเนยก็เอาโน้ตบุ๊คตากแดด ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เอาค่ะ แต่พอเปิดหน้ามานะคะ มันก็ดำค่ะ น้องเนยแนะนำให้เอาลงอ่างก่อนนะคะ ล้างดีแล้วจะหายดำค่ะ คราวนี้ ถ้าไม่หายดำจริงๆ ก็ต้องขอพร (Pond) แล้วค่ะ ทาเช้าทาเย็นก่อนนอน ถ้า ๗ วันไม่หายหน้าดำ ก็ฟ้องร้องบริษัทโฆษณาแม่งมันไปเลยคร่ะ ฮ่ะๆๆ เจ๋งไหมน้องเนยรักโลกของพี่ชายรักชาติ (รู้จักกันอ่ะป่าว?) เอามาเม้าท์ให้ฟังกันเล็กน้อย ก่อนจะเข้าเรื่องของเรานะครับ สำหรับเรื่องที่ผมจะเม้าท์กันในวันนี้ ก็คือ เรื่อง ... อะไรหว่า อ้อ เรื่อง "กฏของแรงดึงดูด" และ "พลังไซย่าร์" ที่จะมาทำให้คุณกลายเป็นมหาเศรษฐีน่ะสิครับ เอาละ อย่าช้าเลย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ


ผมคิดว่าหลายท่านที่หัวก้าวหน้า มีความคิดกว้างไกล และใส่ใจที่จะศึกษาอะไรที่ทันสมัย ใหม่ ไม่ซ้ำใคร ก็คงจะเคยได้ยินเรื่อง "กฏของแรงดึงดูด" กันมาบ้างแล้ว แต่ว่่า ตามธรรมดาของคนไทยอะนะ มันก็ยังต้อง "รอคำอธิบาย" กันอีกสักนิดส์นึงอ่ะนะ เพื่อที่จะได้เก็ทง่ายๆ แต่บางท่านก็ไม่เข้าใจด้วยสมองหรอก แต่ใจมันบอกว่า "ใช่เลย" ก็ใช่จริงๆ แหละครับ โฮ่ๆๆ อาวละ เรื่องของกฏแห่งแรงดึงดูดและพลังไซย่าร์นี่ ผมเพิ่งรู้ว่ามันมีวิทยาการมาจากที่เดียวกัน เมื่อก่อนผมก็ไม่้ได้ไปศึกษาเรื่องกฏของแรงดึงดูดอะไรนี่หรอก เพราะคิดว่าคงเป็นลัทธิขายตรง แชร์ลูกโซ่ อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า? แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ อาจจะมีบ้างที่ขายตรงบางบริษัทเอาหลักการนั้นไปใช้ ก็เท่่านั้นเอง และมันบังเอิญหรืออย่างไรที่ข้อมูลที่ผมได้รับ มันช่างสอดคล้องกับหลักการของกฏแห่งแรงดึงดูดจริงๆ ต่างกันก็เพียงคำและวิธีการอธิบายเท่านั้นเอง เอาละ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีผมจะต้องขออธิบายในแบบของผมเองก็แล้วกันนะครับ หลังจากที่ได้ไปดู "ยูถุ้ย" เอ้ย ยูทูปมาแล้ว เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจในแบบที่ผมเคยเม้า์ท์มาครับ


อย่างแรก มันไม่ใช่ "การคิดเชิงบวก" นะครับ เรื่อง Positive thinking นั้น มันมีมานานแล้ว ต่างจากเรื่องกฏของแรงดึงดูดครับ เพราะมันคือ "พลังงานไฟฟ้า" ที่มีขั้วบวกและลบ และเราจะใช้พลังขั้วบวกนั้นที่จะดึงดูดเอาสิ่งดีๆ ด้านบวกเข้ามาครับ ส่วนพลังด้านลบนั้น เราจะไม่ให้มีนั้น ไม่ได้ เราก็ต้องบริหารไปให้ถูกทางนะึครับ อย่างว่าแหละ เราคือ มนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์่ต่างดาว กฏของโลกและมนุษย์มีอยู่ว่า ร่างกายกับจิตใจเราจะสมดุลด้วยความไม่เที่ยงของสิ่งตรงข้ามสองอย่างที่จะเกิดและดับไป เป็นธรรมดาครับ ดังนั้น "เราจึงไม่อาจยึดพลังขั้วบวกได้แต่เพียงอย่างเดียว" เมื่อเราเข้าสู่ "ภาวะมีขั้ว" แล้ว เราเหมือนมีขั้ว มีข้าง มีพรรคพวกนะครับ พลังด้านบวกของเราจะจูนไปกับกลุ่มหนึ่ง แต่พลังด้านลบของเราก็จะไปปะทะกับกลุ่มตรงข้ามครับ นี่คือ สิ่งที่ท่านควรที่จะเข้าใจก่อนและถ้าท่านไม่ต้องการมีัขั้วมีข้าง ท่านจำเป็นต้องมีระบบพลังงานอีกแบบที่ไม่ใช่ระบบไฟฟ้าสองขั้วเช่นนี้ เช่น ระบบพลังงานฐานศูนย์ ซึ่งมันไม่มีขั้วมีข้างอะไร แต่มันจะเหมือนคนไม่มีพลังไปด้วย ซึ่งผมจะยังไม่กล่าวถึงเรื่องระบบพลังงานฐานศูนย์ในที่นี้ สำหรับท่านที่มีระบบพลังงานฐานศูนย์อยู่แล้ว อยากเปลี่ยนมาเป็นระบบพลังงานไฟฟ้าก็ทำได้ไม่ยากครับ ผมยกตัวอย่างสมการง่ายๆ ครับ 0 ของท่าน   มีค่าเท่ากับเท่าไร สมการที่หนึ่ง 0 = +1 -1 ก็ได้ใช่ไหมครับหรือจะเป็น 0 = +1,000,000-1,000,000 ก็ได้ใช่ไหมครับ น่านละ เพราะว่า 0 นี้ มันไม่ใช่แค่ 0 ไงละครับ มันคืออะไรก็ได้มากมาย ซึ่งคุณสามารถแปรเปลี่ยนพลังงานฐาน 0 นั้น ให้กลายเป็นพลังงานขั้วลบและขั้วบวกได้อย่างไม่มีขีดจำกัดเลยทีเดียว แต่ถ้ามันชนกันเองเมื่อไร มันก็จะกลับเข้าสู่ "ฐานศูนย์" เ่ช่นเดิม คือ ไร้ขั้วไร้ข้าง ไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง ไม่มีแบ่งพรรคแบ่งพวกนะครับ เอาละ ในขั้นต้นก่อนที่คุณจะเลือกใช้พลังตามกฏแห่งแรงดึงดูด คุณก็ควรเ้ข้่าใจพื้นฐานทางธรรมชาติของพลังนี้ก่อน ดังที่กล่าวนั้นแหละครับว่ามันมีทั้งลบและบวก ไม่อาจที่จะให้มีเพียงขั้วเดียวได้ เราเป็นมนุษย์ ก็ต้องเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวครับ ถึงจะมีพลังไฟฟ้า่แบบขั้วเดียวได้ ทีนี้ เมื่อคุณเข้า่ใจหลักการพื้นฐานของพลังแล้ว จะได้เข้าสู่อะไรที่ยากขึ้นไปเป็นลำดับไปนะครับ 


ต่อไป เพื่อให้คุณเลื่อนระดับให้ถึงพลังไซย่าร์ที่แท้จริง จำต้องให้คุณเข้าใจถึงการใช้พลังด้านลบและบวกครับ กล่าวคือ เมื่อใดที่คุณมีพลังลบกับสิ่งที่ไม่ใช่ "ปรปักษ์ของไซย่าร์" มันก็จะทำให้คุณมีพลังที่ต่่างไปจากเดิม และไม่ใ่ช่พลังไซย่าร์ในที่สุด เช่น คุณแบ่งพรรคแบ่งพวก เลือกที่รัก มักที่ชังกันเอง เอาบวกใส่คนที่คุณชอบ เอาลบใส่คนที่คุณไม่ชอบ สุดท้าย คุณจะ "ติดกับดักของโลก" และพลังของคุณจะไม่ได้ถึงระดับของไซย่าร์ครับ และมันจะไม่เป็นไปตาม "กฏของแรงดึงดูด" ทว่่า มันจะอยู่ภายใต้กฏธรรมชาติของโลกเท่านั้นเอง และเพื่อให้เป็นผลตามกฏของแรงดึงดูดจริงๆ คุณจึงต้องใช้พลังด้านลบให้ถูกด้วย ก็คือ คุณจำเป็นต้องมีพลังลบต่อ "ปรปักษ์ของชาวไซย่่าร์" ซึ่งก็คือชาวมฤตยู นั่นเอง หรือกล่าวง่ายๆ คือ คุณจะไม่ชอบพวกดาวมฤตยู หรือผู้ที่ชอบทำลายโลก แล้วคิดว่ามันคือทางออกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้คนในโลกนี้ตื่นขึ้น และหลุดพ้นจากความหลงโลก เพราะคุณมองเห็นชัดว่าโลกเป็นสมบัติสาธารณะที่สัตว์ทั้งหลายต้องใช้ร่วมกัน การจะทำให้มีคนตื่นขึ้นจากความหลงโลก ด้วยการแลกด้วยการทำลายโลกนั้น จึงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด และคุณมีวิธีที่ดีกว่านั้น ซึ่งเป็นวิธีเฉพาะของผู้ที่มองตรงข้ามกับเหล่าชาวดาวมฤตยู ดังนั้น คุณอาจจะไม่นิยมเหล่าผู้ทำนายภัยพิบัติเท่่าไรนัก และมองว่างมงาย หรือไม่ได้เรื่อง นั่นแหละ การใช้พลังเชิงลบที่ถูกวิธี ที่เหลือ "พลังเชิงบวก" คุณก็สามารถนำไปใช้่กับอะไรได้อีกมากมายเลยทีเดียว เท่านี้ ระบบพลังงานไฟฟ้าสองขั้วของคุณก็จะสมดุลได้ ในที่สุด และคุณก็พร้อมแล้วที่จะเข้าสู่การใช้พลังขั้วบวกในขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือซับซ้อนขึ้นต่อไป แต่เมื่อคุณใช้่ได้อย่างชำนาญแล้ว มันจะไม่ใช่อะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกต่อไปเลย เพราะมันจะเป็นไปตามธรรมชาติของพลังงานที่ขับดันคุณ นั่นเอง


เอาละ วันนี้ เม้าท์เกริ่นเรื่อง "กฏของแรงดึงดูดและพลังไซย่าร์" แต่เพียงเล็กน้อยก่อนนะครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป เด็กๆ จะต้องรีบกินนมแล้วนอนด้วย พรุ่งนี้่เช้าจะได้ตื่นขึ้นมา "หน้าเด้ก เด็ก" ยิ้มแย้มแจ่มใส เจ้านายรักใคร่ดูเอ็น เอ้ย เอ็นดู เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สำหรับวันนี้ นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ เด้อครับเด้อ ...




3 ความคิดเห็น:

  1. ชาวไซย่า ก็คือธรรมของศรีอารย์เมตไตรยใช่ป่ะ ???

    ง่า งั้นก็เท่ากับอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ไม่ได้หาเงินหาทองน่ะสิ

    :(

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ11 มกราคม 2556 เวลา 10:22

    เมื่อวานคุณหลิวไม่แปลความฝันให้เลย เอาฝันอันใหม่ ของเมื่อกลางปีที่แล้ว แปลหน่อยนะ
    ฝันว่า ไปอยู่กุฏิพระองค์หนึ่ง ภายในไม่มีการตบแต่งอะไรดีนัก ผนังยังผนังปูนไม่ทาสี
    ในฝัน จิตเราบอกว่า นี่ คือ หลวงพ่อโอภาสี
    ( ตื่นมา นึกดู ท่านไม่ใช่หน้าตาอย่างนี้นิ ทำไมจิตเราในฝันบอกอย่างนี้? )
    แขนขวาท่านคล้องลูกประคำเส้นใหญ่ไว้เต็มแขน แล้วเดินแจกให้คนที่นั่งอยู่ในกุฏิ
    พอมาถึงเรา ท่านกลับเอาลูกกุญแจให้เรา ไม่ให้ลูกประคำ
    แล้วลูกกุญแจ ดันเป็นลูกที่บริเวณที่ใช้มือจับกับบริเวณที่ใช้เสียบเข้าร่องเพื่อไข มีรอยถูกบิด จะแยกขาดออกจากกัน
    เรางงมาก เลยไปถามท่านเมื่อท่านเข้าที่นั่ง ว่าหมายความว่าอย่างไร
    ท่านไม่พูดอะไร ยกเอาโลหะคล้ายภาชนะใส่ปลานึ่งแป๊ะซะที่วางบนเตาอั้งโล่ที่ตั้งบนโต๊ะอาหารอย่างนั้น แต่ใบใหญ่กว่า
    แล้วท่านก็ยกอันนี้ให้เรา โดยไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
    ในฝัน นึกในใจ นี่โล่หรือ งง.........ตื่น ฝันนี้คงมีสาระนะ แปลให้หน่อย

    ตอบลบ
  3. จริงๆ มันก็ไม่ควรบอกเล้ย เขายกให้กินแล้ว มันก็แล้วแต่คนจะกินหรือไม่ ก็เท่านั้น มีแค่นั้นแหละ


    กุญแจไขเปิดสู่ "วิหารธรรม"
    วิหารธรรม หาใช่ที่หลบซ่อน
    เปิดประตูเผชิญหน้า สู้กิเลส
    นั่นแหละ "พุทธะเชิงนักรบ"


    โอเคไหม?

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน