วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

เจาะลึกทะลุมิติ ทำไม บางประเทศมีคนรวยมาก บางประเทศมีคนรวยน้อย?

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่า นี่เป็นกา่รสื่อสารในมิติทิพย์ ไม่ได้กล่าวถึงมิติสังขาร ดังนั้น จึงไม่ใช่บทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจ หรือว่าการเมืองการปกครองโดยตรง เป็นเรื่องการปรับพลังงานในระดับทิพย์อันจะส่งผลต่อระดับสังขารในขั้นต่อไปครับ ดังนั้น เพื่อให้เข้าใจถึงมูลเหตุอันเป็นรากเหง้าของสิ่งต่างๆ เราจะลงไปดูในระดับมมิติทิพย์กันนะครับว่ามันมีเหตุผลเป็นมาอย่างไร จึงได้ทำให้ระดับมิติของสังขาร เ็ป็นไปอย่างที่เราเห็นกันอยู่ ตามรายละเอียดต่อไปนี้ครับ


อย่างแรกอยากให้ท่านทราบ "มูลเหตุรากเหง้า" ก่อนว่า เพราะอะไร บางคนจึงรวยและไม่รวย มูลเหตุสำคัญทุกคนคงตอบเหมือนกันใช่ไหมครับว่า "บุญกรรม" ดีมาก เก่งมากครับ งั้นเรามาดูให้ละเอียดลงไปอีกนิดครับว่าแล้วมันบุญกรรมอย่างไร? คือ อย่างนี้ครับ สัตว์แต่ละชนิดมีวิถีการดำรงอยู่ตามธรรมชาติต่างกันไป เช่น ควายกินหญ้า แต่เสือย่อมกินเนื้อสัตว์ คนนี่แปลก มีพลังเชิงซ้อนหลายแบบ ต่างกันไป ก็เลยมีวิถีชีวิตการดำรงอยู่ที่หลากหลายกว่าสัตว์อื่นๆ ครับ เช่น บ้างก็รวย บ้างก็จน ใช่ไหมครับ มันขึ้นอยู่กับ "จิตวิญญาณข้างในสังขาร" นั้นครัีบ ถ้าจิตวิญญาณข้างในเป็น "สายพรหมฤษี" เช่น ชอบทำสมาธิ ชอบความสงบ ชอบสมถะก็แน่นอน ไม่ค่อยมีเงิน เงินไม่ใช่วิถีของฤษีนะครับ แต่ถ้ามีจิตวิญญาณเป็นมารละก็ไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อยยาก เพราะเข้าข่ายเป็นลูกเทวดา เป็นผู้มีบุญมากมาเกิด (มารคือเทวดาชั้นห้าและหกนะครับ) อย่างนี้ ก็ต้องเกิดมาบนกองเงินกองทองแน่นอน ก็เกิดมาปุ๊บก็รวยเลย พ่อ-แม่มีสมบัติกองรอไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อันนี้ คือความแตกต่าง อันเป็นธรรมชาติปกติครับ ไม่มีใครผิด-ถูกแต่อย่างใด 


ต่อไปคือ เคยสังเกตุหรือสงสัยไหมครับว่าทำไม ในประเทศที่นับถือคริสต์จึงมีคนรวยมาก แต่ประเทศที่นับถือพุทธแบบเถรวาทจึงมีแต่คนยากจน? (ประเทศที่นับถือพุทธมหายานก็ไม่จนนะครับ คนจนมักพบมากในประเทศที่นับถือพุทธเถรวาท) นี่แหละ มันก็สอดคล้องกับข้อแรกที่ผมตั้งข้อสังเกตุไว้คือ มันขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณนั่นเอง หรือถ้าจะอธิบายง่ายๆ สั้นๆ ชัดๆ ก็คือ คนส่วนใหญ่ที่นับถือพุทธเถรวาท จะมาทาง "สายพรหมฤษี" จึงมีชีวิตอยู่แบบ "สมถะ" ซึ่งผมไม่เรียกว่ายากจนนะครับ เพราะยังไงก็จะยังมีพออยู่กินได้ และอีกพวกคือ "ยักษ์-อสูร" ซึ่งมีบุญน้อย และต่ำต้อยกว่าพวกอื่น แต่ทะเยอทะยานและได้ครองอำนาจทางการเมืองไว้ พวกนี้จะเป็นพวกร่ำรวยครับ และคอยเอาเงินมาทุ่มทำบุญให้กลุ่มแรกอีกที คอยยกยอปอปั้นหนุนกันให้เป็นพระอรหันต์ยิ่งใหญ่ เกาะอาศัยร่วมกันไปอีกที ส่วนคนที่นับถือคริสต์ จะมีเชื้อสายมาทาง "เทพ" (ฝรั่งไม่ใช่สายมารต่อให้เกิดมาพ่อแม่รวยก็ต้องฝึกหาเลี้ยงชีพเอง จึงนับเป็นสายเทพ) เหมือนกับคนที่นับถือพุทธมหายาน และถ้าจะดูให้ดีๆ ลึกขึ้นไปอีก ประเทศที่นับถือคริสต์ก็นิยมการคอรัปชั่นน้อยครับแต่ประเทศไทยเรา ที่นับถือพุทธเถรวาท เราจะยอมรับการคอรัปชั่นได้ ก็เพราะว่าเรามีเชื้อสายยักษ์มาปนเยอะน่ะสิครับ ซึ่งในอดีต เราถือว่าผู้ที่มีเชื้อสายยักษ์-มาร นั้น เป็นอริราชศัตรู ผู้มารุกรานเรา ส่วนเราจะมีเชื้อสายมาทางเทพนะครับ ทว่า ยุคนี้มันเปลี่ยนแปลงไปมาก หลายคนก็บอกว่าคนดีแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคม ส่วนคนไม่ดี กลับได้อำนาจ ได้เงิน ได้ตำแหน่งมากมาย แต่ว่า ทุกคนก็ยอมครับ ยอมให้มันเป็นเช่นนั้น (ผมไม่ได้ต้องการให้ท่านต่อต้านหรือยอมอะไรนะครับ แค่พูดให้ฟังเฉยๆ ไม่มีความคิดเชิงบวกหรือลบอะไรทั้งสิ้น) ก็แสดงว่าประเทศไทยถูกคนที่มีเชื้อสายยักษ์-พรหมฤษี ครอบครองไปแล้ว (คนสองกลุ่มนี้เกาะอาศัยกันและกันอยู่) และคนที่มีเชื้อสายเทพ ก็กลายเป็นชนกลุ่มน้อยไป บางคนก็ำ้ำได้ ที่ยืนเล็กๆ เช่น ทำงานมูลนิธิ, องค์กรการกุศลไป ไม่มีเงินเิดือนครับ


เจาะลึกเข้าไปวิเคราะห์ในประเทศไทยอีกนิดครับว่าโึครงสร้างของประชากรเรา มีเชื้อสายมาทางไหน และทำอะไรกันอยู่ จึงทำให้เรามีประเทศตกต่ำอย่างนี้ สรุปง่ายๆ ครับ พวกยักษ์-อสูรจะครองอำนาจทางโลก พวกตำแหน่งข้าราชการและนักการเมือง พวกยักษ์เอาไปครองเกือบหมด แต่ที่พวกยักษ์มีอำนาจได้มากขนาดนั้น เพราะมีฤษีห่มเหลืองคอยทำเครื่องรางของขลังบ้าง, ปลุกเสกเลขยันต์บ้าง, ให้พรให้น้ำมนต์, ลงเวทย์มนต์คาถาบ้าง ฯลฯ ช่วยเหลือพวกนี้ โดยไม่เคยวิเคราะห์ดูเลยว่าพวกเขาเป็นคนดีจริงๆ หรือไม่ เอาง่ายๆ ถ้าคุณทำตัวกร่างๆ มีเงินเยอะๆ เดินเข้าวัดบางวัดไป แล้วให้ลูกสมุนยกตัวให้ดูรวยๆ หน่อย แล้วเอาหน้าใหญ่ๆ (หน้ายักษ์) ไปจองทำบุญมากๆ เทเงินเยอะๆ ต่อหน้าพวกเขา รับรองคนมาต้อนรับอย่างดีครับ แล้วก็จะได้ของขลังบ้าง, อะไรต่อมิอะไรบ้าง ติดไม้ติดมือ "กลับไปอย่างแน่นอน" มีหรือครับ "ที่พระดีๆ จะไม่ให้คุณ" ??? ก็มันมีแต่ฤษีห่มผ้าเหลืองไงครับ มาหากินในผ้าเหลือง มีฤทธิ์มีเดชเยอะมาก ก็ได้อาศัยเงินของพวกยักษ์อสูร มันจะโกงกินบ้านเมืองมาทำบุญบ้าง ก็รับครับ ไม่สนใจ ถือว่า "เป็นอรหันต์แล้ว ไม่ยึดติด" เลยได้เกาะอาศัย เกื้อกูลกันไป ฝ่ายยักษ์ก็ได้ฤทธิ์เดช ใครทำอะไรมันไม่ได้ทั้งนั้น มันก็ได้ใช้ฤทธิ์เดชนั้นในการครองอำนาจทางการเมืองและครอบงำอยู่ในวงการราชการ ส่วนพวกฤษีห่มเหลืองก็ได้ "เงิน" เงินไงครับ เป็นฟ่อนๆ เป็นกองๆ เป็นล้านๆ ไม่ใช่แค่หลักล้านครับ เดี๋ยวนี้มันขึ้นหลักร้อยล้าน พันล้านกันแล้ว เมื่อพวกยักษ์กับฤษีมิจฉาทิฐิ มันรวมหัวกันอย่างนี้ ก็เลยทำให้ประเทศบรรลัยไงครับ ฮ่าๆๆ (ขอโทษที่ใช้ภาษาไทย อันมีข้อสงวนและอ่อนไหวสำหรับผู้ดี มือถือสากปากถือศีลทั้งหลาย) 


เอ้า ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันก็แค่ความไม่เที่ยง ผ่านมา เดี๋ยวก็ต้องผ่านไป ยุคหนึ่ง สมัยหนึ่ง ให้คนได้รู้ ได้จดจำ ให้เห็นว่าอย่าทำเป็นเยี่ยงอย่างอีกก็เท่านั้น เพราะสุึึดท้ายแล้ว "จบน่าอนาถ" กันทั้งนั้นนะครับ ขอไม่พูดดีกว่าจุดจบของยักษ์แต่ละตน คนโกงกินแต่ละท่าน ก็พวกเขาคงเป็นคนดีน่ะแหละ ไม่อยากทำอะไรไม่ดีหรอก แต่ว่านะ ที่ทำไปแล้ว ก็ต้องรับกรรม มันจะปฏิเสธ หนีไปได้นานแค่ไหน? ก็คงไม่ได้ตลอดไปนะครับ ไม่ช้าก็เร็ว กรรมก็มาถึง ผมไม่ได้เกลียดพวกยักษ์หรอก ถ้าจะโทษควรโทษพวกฤษีห่มเหลือง ที่ให้ฤทธิืเดชเขาไปโดยไม่ดู ไม่พิจารณา นั่นมากกว่านะ เอาละ อย่าโทษใครเลย มันก็แค่แบบทดสอบ ให้เราทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกัน ได้ลองผิด เป็นครูไว้สอนตัวเราเอง ว่าครั้งหนึ่ง ถ้าประเทศเราตกต่ำ มันเกิดขึ้นเพราะอะไร? จะได้ให้ลูกหลานยุคต่อไป ที่ดูเหมือนเด็กเกเร เด็กแว้นท์ แต่อาจไม่หลงคนโกงกิน หรือหลงบ้าฤษีห่มเหลือง เหมือนคนรุ่นพ่อของเขานะครับ ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เรา้ต้องสร้างยุคสมัยของเรา ชาววัยรุ่น (เรายังไม่แก่นะคร้าบ) ให้ดีกว่ายุคพ่อ-ยุคปู่ของเราครับ เอาละ เม้าท์มามากแล้ว เดี๋ยวท่านทั้งหลายจะกลับบ้านช้า ลูกรอดูดนมอยู่ที่บ้าน ฮ่าๆๆ ก็ขอจบลงเท่านี้ ดีกว่านะครับ พบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ ...




3 ความคิดเห็น:

  1. เย้ๆ เค้ามีเงินแย๊วววว (แบ๊วๆๆ) :)

    ตอบลบ
  2. ผลปีศาจจจ อย่าลืมนะคราบบบ อิอิ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. นี่ยังอยากจะได้อยู่ีอีกเหรอ ??? เชื่อเค้าเลยแฮะ

      ลบ

เม้าท์ด้วยคน