มันคือความจริงอีกประการหนึ่งว่า "ไม่มีใครต่ำต้อยเพียงเพราะสิ่งที่เขาเป็นหรอก" เช่น เขาเป็นคนพิการ, เขาเป็นเด็กกำพร้า, เขาเป็นแค่แรงงานต่างด้าว หรือเขาเป็นเพียงคนรับใช้ไม่รู้หนังสือ ฯลฯ มันไม่ใช่เรื่องว่าเขาเป็นอะไร เพราะธรรมชาติสร้างให้เรามาเป็นในสิ่งที่ต่างกันอยู่แล้ว ทุกอย่าง ทุกคน ทุกตำแหน่ง จึงมีคุณค่าในตัวเอง เพียงแต่จะดึงเอาพลังของตัวเองออกมาใช้จนโดดเด่นเป็นดั่งดวงดาวได้อย่่างไรต่างหาก นี่คือ สิ่งที่เราควรสงสัย เช่น ถ้าเราเป็นคนตกงาน หางานทำไม่ได้ เราก็ไม่ต้องไปหลงคิดแต่ว่าคนมีงานทำเท่านั้นจึงถูกต้องหรือดี ไม่จำเป็นนะครับ คนไม่มีอาชีพ ไม่มีงานทำ ก็มีคุณค่าได้ ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ เราก็จะเลิกทำตัววุ่นวาย, ว้าวุ่น, สับสน กับการหางานทำให้ได้ เพราะเราไม่มีงานทำ และัมัวแต่น้อยเนื้อต่ำใจอยู่นั่น แล้วหันมาทำกิจของตัวเองที่ตนพอทำได้จริงในชีวิตจริง ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่ ณ อนาคต (เช่น งานที่ทำได้ ณ เวลาปัจจุบัน ไม่ใช่งานที่รอให้เขาเรียกตัวไปทำ อะไรแบบนั้น) เมื่อเราทำให้มันดีขึ้น มันก็จะโดดเด่นและกลายเป็นดั่งดวงดาวดวงหนึ่งเองนั่นแหละครับ ผมเรียกวิถีนี้ว่า "วิถีต่างดาว" ครับ
วิถีต่างดาวนั้น มันมีองค์ประกอบสองส่วนที่สำคัญ คือ "ดาว" หมายถึง คุณค่าโดดเด่น เป็นประจักษ์ เป็นเอกลักษณ์ หาใครแทนไม่ได้ (ดาวแต่ละดวงมีเพียงหนึ่ง ประจำตำแหน่งของตนเท่านั้น ไม่มีสำรองอีก) และคำว่า "ต่าง" ซึ่งหมายถึง ความแตกต่าง, ความหลากหลาย และอะไรๆ ที่ไม่ใช่โลก หรือเหนือพ้นแล้วไปจากการยึดติดโลก ก็ลองเอาความหมายทั้งหมดมารวมๆ กันดูนะครับ นั่นคือ "วิถีต่างดาว" ที่ผมจะแนะนำคุณ ดังนั้น มันจึงเปิดกว้างอย่างท้องฟ้า หรือจักรวาลเลยครับ เหมือนคนเราทุกคน อยู่ตำแหน่งอะไร ทำงานอะไร ก็สามารถทำตัวให้มีคุณค่าหาใครแทนที่ไม่ได้ เหมือนกันนะครับ เราไม่จำเป็นต้องไปเป็น "ดาวดวงเดียว" ดวงนั้น หรือแย่งกันอยู่แต่ตำแหน่งดาวดวงเดียว มีตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า หรือในจักรวาลนี้มากมายเหลือคณานับ ยิ่งกว่าำจำนวนสิ่งมีชีิวิตบนโลก เสียอีกครับ ดังนั้น เราได้ทำให้ตัวเราได้ไปสู่จุดที่เรียกว่า "ดาวประจำตำแหน่ง" ของตัวเราเองหรือยังละครับ เช่น บางคนเป็นแค่คนรับใช้ แต่ได้พัฒนางานตัวเองมากแค่ไหน หรือว่าวันๆ เอาแต่แอบเปิดดูทีวีตอนเจ้านายไม่อยู่ แค่นั้นหรือ? หรือว่าได้ลองค้นหาวิธีสารพัดอย่างในการทำให้บ้านนั้นดีขึ้น น่าอยู่ขึ้น จนได้ค้นพบเคล็ดลับมากมาย เก็บไว้ใช้กับตัว ไม่ว่าจะใช้กับบ้านเจ้านายหรือว่าบ้านของตัวเอง ผมบังเอิญได้ดูทีวีช่องดีมาก เป็นรายการที่ใช้รายการของญี่ปุ่นมาแปลให้เราดูอีกที เกี่ยวกับ "แม่บ้าน" สุดยอดครับ แม่บ้านท่านนี้ ดูเหมือนแม่บ้านมากๆ ไม่ได้มีอะไรที่ดูอวดใครได้ ทว่า มันไม่จริงอย่างนั้น เพราะเขาคือคนที่มีคุณค่ามาก สามารถใช้อะไรๆ ทำงานบ้าน พัฒนางานบ้านได้อย่างดีทีเดียว "บ้าน" จึงกลายเป็นดั่งห้องแล็ปทดลองของเธอ ที่ทำให้เธอค้นพบวิธีใหม่ๆ ในการจัดการบ้านมากมาย เจ๋งไปเลยไหมละ นั่นหละ เหตุผลว่าทำไม ญี่ปุ่นจึงเป็นประเทศที่พัฒนาไปอย่่างรวดเร็ว เพราะคนทุกคน เห็นคุณค่าในงานของตนเอง และทำมันอย่างดีที่สุด แม้บางคนจะดูเหมือนไม่มีคุณค่าอะไรมาก เป็นแค่แม่บ้าน ทำงานอยู่กับบ้านไปวันๆ เท่านั้นเอง? แ่ต่ใครจะไปรู้ละครับว่า "เคล็ดลับเล็กๆ" ที่แม่บ้านใช้อยู่ อาจกลายเป็นวิธีลดต้นทุนในกระบวนการผลิตระดับอุตสาหกรรม ก็ได้ ถ้านึกภาพไม่ออก เอาง่ายๆ เลย ปลากระป๋อง สูตรเด็ด ขายดีเทน้ำเทท่า อาจจะได้มาจาก "แม่บ้าน" ที่บ้าน ที่ทำได้อร่อยจนสามีติดใจ ก็ได้ ใครจะไปรู้!
ดังนั้น ผมจึงมองว่าแม้แต่แม่บ้านที่ทำงานอยู่ในบ้าน ก็มีคุณค่าและมีความสำคัญไม่ต่างไปจากการเป็นนายกหรอก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ "จิตใจ" ของเรามากกว่า เช่น ถ้าใจเราทำงานโดยคิดแต่เรื่องส่วนตัวหรือคนในครอบครัวตัวเองเท่านั้น ต่อให้เป็นนายก ก็จะเป็นนายกที่ทำเพื่อประโยชน์ของคนในตระกูลได้เท่านั้น แ่ต่ถ้ามีจิตใจที่กว้างขวางก็จะกลายเป็น "มหาบุรุษ" หรือ "รัฐบุรุษ" ก็ได้ แม้จะทำหน้าที่เพียงแม่บ้าน ก็ตาม (ในระดับอุตสาหกรรม อาจต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการทำวิจัยคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่แม่บ้าน อาจทดลองทำกับข้าวสูตรใหม่ๆ ได้ด้วยต้นทุนต่ำ และไม่เสียทิ้งไปเปล่าประโยชน์เลยและอาจกลายเป็นการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศหรือของโลก) ปัจจุบัน คุณจะเห็นได้ว่าคำว่า "ดาว" เริ่มขยายความหมายกว้างขึ้น ก็ไม่จำกัดเฉพาะแค่ดารา, นักร้อง เท่านั้น แต่อาจเป็นคนธรรมดา ใครก็ได้ที่ทำหน้าที่ได้โดดเด่น มากพอที่จะเรียกว่า "ดาว" เดี๋ยวนี้ คนที่ดูไม่มีชื่อเสียงมาก่อน ไม่ใช่ดารา, นักร้อง ฯลฯ บางคน กลับกลายเป็นข่าวดัง ทำอะไรมีคนจับตามอง และกลายเป็นข่าวได้เหมือนกัน ทว่า ในประเทศของเรา เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ผมคิดว่าในอนาคตจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่านี้ครับ อย่างไรก็ดี การโดดเด่นเป็นดาว เป็นที่รู้จักนี้ อาจได้มาด้วย "วิถีภาคมืด" เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ผมจึงแนะนำให้คุณอย่าหลงไปกับกับดักเหล่านั้น และเป็นดาวที่แท้จริงให้ได้ ด้วยวิถีทางของคุณเอง ไม่ใช่ดาวที่ถูกปั้นแต่งด้วยอำนาจของภาคมืดครับ
เอาละ บทความนี้ เป็นเพียงการจุดประกายความคิดให้คนเปิดใจกว้างขึ้นในการที่จะเห็นคุณค่าของคนทุกคน และงานทุกงาน แม้ว่ามันจะไม่มีรายได้ ไม่ถูกเรียกว่าอาชีพใดๆ ก็ตาม เพราะว่าสิ่งที่ไม่ใช่อาีชีพนี่ละ มันมักจะกลายเป็น "บรรพบุรุษต้นกำเนิดของอาชีพใดๆ" ทั้งนั้น ก็อย่างเช่น อาชีพหมอ ในอดีตนั้น ไม่ใ่ช่อาีชีพครับ เป็นแ่ค่คนธรรมดาที่รู้จักการรักษาโรคได้ แต่จะมาเปิดโรงหมอน่ะหรือ? ใครจะมีเงินมาให้เราละครับ? ในเมื่อยุคนั้น คนยังไม่ได้มีรายได้ เ็ป็นตัวเงินกันมากอย่างนี้ คนในยุคนั้นจึงเป็น "หมอจริงๆ" ไม่ใช่ "พนักงานรักษาโรค" หรือ "คนรักษาโรคแลกเงิน" อะไรแบบนั้น เอาละ ไม่อยากรบกวนเวลานอนของเด็กๆ มากไป บทความวันนี้ ขอจบลงเท่านี้ สวัสดีครับ
ช่วยจัดการเรื่องชาวไซย่าด้วยนะครับ คุณต้นหลิว ผมสัมผัสไม่เป็น
ตอบลบก็ดีอยู่แล้วแหละ ........................
ลบพลังไซย่าเหรอ คุณต้องลาออกจากงาน แล้วไปบวช (ดำรงพรหมจรรย์) ถึงจะรับพลังานไซย่าได้
ลบ