วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อย่าเอะไปจะบอกขุมทรัพย์ให้ "ตัวร้ายนำโชค" มันเป็นอย่างนี้

โอ้ย ทำยังไงดีเนี่ย "หารไม่ลงตัว" เลยแบ่งกันไม่ลงตัว เหลือเศษเต็มไปหมด ทั้งเสธ อ้าย, เสธ หนั่น, เสธ แดง ฯลฯ หารยังไงถึงได้แต่เศษละเนี่ย นี่ละน้า "ตัวตั้งต้น" มันยังไม่เต็ม (บารมียังไม่เต็ม) มันก็เลยได้ผลหารออกมาเป็นเศษ (เสธ) แทน เต็มไปหมดเลย โฮ่ๆๆ ล้อเล่น ขำๆ นะครับ อย่าคิดมาก เอาละ เม้าท์เรื่องชาวบ้านพอเป็นพิธีแบบไทยๆ ก็ตามสไตล์คนขี้เม้าท์อ่านะ มาคุยเรื่องของเราดีกว่า นั่นคือ เรื่องตัวร้ายนำโชค อ่ะ? มีด้วยเหรอของพันธุ์นี้ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ ตูดพ่อ ตูไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน อ้าว ไม่เคยได้ยินก็อ่านซะสิ จะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าไม่มีใครบอกดาวเลยอ่า อย่าช้าเลย น้องดาว หนุ่มสาวทั้งหลาย พวกเธอจงเสพมันซะ อ่านซะ รับรองว่างานนี้ไม่มี "ดราม่า" เพราะเป็น "มาม่า" เอ้ย ไม่ใช่ มีสาระอยู่แน่นอนนะคร้าบ...  


ในบทความฉบับก่อนผมได้กล่าวถึง "หน้าที่ศักดิสิทธิ์ของทุกสรรพชีวิต" ไปแล้ว (ที่กล่าวถึงว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงให้พระเทวทัตอยู่ในศาสนาทั้งที่ทำผิดมากมาย) ฉบันนี้ ก็จะมาต่อความยาวสาวความยืด เอ้ยม่ายช่าย จะมาขยายความให้ชัดเจนและละเอียดยิ่งขึ้นนะครับ คือ มันมี "ตัวร้ายนำโชค" อยู่ครับ มันคืออะไรหรือ? มันก็คือ คนที่ทำตัวไม่ดีกับเราคอยกลั่นแกล้งเล่นงานเรา แต่ว่าแท้แล้วในมิติที่มองไม่เห็นนี้ เขาคือตัวนำโชคมาให้เราครับ ผมขอยกตัวอย่างนะ คนบางคนร้ายกับคุณมาก และเล่นงานคุณอยู่ตลอด แต่ถ้าคุณยังมีเขาอยู่ กิจการงานก็จะยังไปต่อได้ไม่ถึงกับล่มครับ แต่ถ้าคุณไล่เขาออกไปแล้ว ไม่นานก็จะล่มได้ครับ ฟ้าเขาส่งมาช่วยคุณครับในยามที่คุณหมดบุญและกรรมเข้ามาถึงตัวคุณแล้ว ถ้าคุณเล่นงานคนเหล่านี้ ก็จบเห่ คุณไม่มีพลังที่จะปกป้องตัวคุณได้อีก หมดตัวกัน แต่ถ้าคุณอดทนไว้ เมตตาให้เขาอยู่ต่อได้ เหมือนที่พระพุทธเจ้าทำกับพระเทวทัตนั้น กิจการของคุณก็จะยืดยาวออกไปได้อีกครับ นี่แหละ เำพราะพระพุทธเจ้าท่านมีปัญญาทราบใน "กลไกลสมดุลธรรมชาติ" นี้ ท่านจึงปล่อยให้พระเทวทัตอยู่ต่อไป แต่ท่านก็ไม่ได้หลงพระเทวทัตครับ (ถ้าหลงพระเทวทัต ผมว่าศาสนาก็ไม่ล่มแต่กลายสภาพเป็นลัทธิอย่างอื่นที่ไม่เห็นนิพพานเป็นแน่แท้) ดังนั้น ผมจึงบอกความลับนี้เอาไว้ให้คุณ เพราะพวกเขาก็คือ "ตัวนำโชค" ครับ แต่ไม่ได้เป็นโชคที่เปิดเผย เช่น ได้ลาภก้อนใหญ่, ถูกหวย ฯลฯ อะไรแบบนั้น มันเป็นโชคที่มองไม่เห็นครับ แต่เจ๋งกว่าเยอะ ผมยกตัวอย่างเลยนะ ใครได้พระเทวทัตไปดูแลเถอะครับ แต่ก็อย่าหลงเขาละ แล้วกิจการคุณจะอยู่ยืนยาวนาน, ใครได้พญามาราธิราช ก็ปล่อยให้เขาอยู่ไปเถอะครับ แต่ก็อย่างเดิม อย่าหลงเขามาก ก็จะ "มีอายุยืนยาว" ครับ ฯลฯ โอ้ย มีตัวนำโชคอีกเยอะแยะที่มาในรูปของ "ตัวร้าย" อย่าเพิ่งมองเขาในแง่ร้ายด้านเดียวไปละ เดี๋ยวจะทำสมดุลเสียไปก่อนโดยไม่รู้ตัวได้ เอาง่ายๆ เลย ปรับตัวอยู่ร่วมกันให้ได้ ก็แค่นี้เองครับ อย่าไปคิดเล่นงานใครออกไป เพราะเขาเลวอะไรเลย


เอาละ ผมขอแยกแยะ "ตัวร้ายนำโชค" ให้ท่านเห็นชัดเจนขึ้นอีก ว่าพวกเขามาจากไหนกัน? พวกเขาทั้งหลายล้วนมาจาก "คนที่เคยทำผิดแล้วตกนรก พอได้โอกาสกลับตัวใหม่ได้ ก็มาเกิดเพื่อทำงานใช้หนี้กรรมครับ" เช่น พระเทวทัตที่ทำกรรมไว้กับศาสนา, พญามาราธิราช ที่ก่อกวนพระพุทธศาสนาอยู่ตลอด ฯลฯ พวกเขาเหล่านี้ ก็เคยตกนรกไปแล้วครับ แล้วก็ได้รับการฉุดช่วยขึ้นมาให้แก้ตัวใหม่ ทำงานใช้หนี้กรรมเก่าครับ พวกเขาจึงเป็นเหมือน "สมบัติตกทอดจากพระพุทธศาสนายุคก่อน" ที่ส่งทอดให้พวกเรารับช่วงดูแลต่อไป ใครรับไปดูแลได้ ก็จะได้โชคดีครับ ยุคนี้ "โชคลาภมีมากมาย" แต่เขาจะเก็บไว้ให้คนที่ทำเพื่อ "สมบัติที่ตกค้าง" เหล่านี้นั่นเองครับ เอาง่ายๆ นะ ที่คุณเคยทราบแล้วว่ามีลัทธิบางลัทธิพาคนไปฆ่าตัวตายหมู่นั้น มันมีได้จริงครับและเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ฟ้าส่งเขามาทำกิจครับ ทว่า เขาพลาดไปนิดหน่อย คือ ถ้าเขาได้ "สมบัติตกค้าง" เหล่านี้ ไปชำระล้าง ดูแลทำความสะอาด ปัดฝุ่นหน่อย ไม่รังเกียจ ไม่ขับไล่ นะ เขาจะรอดตายครับ นี่เรื่องจริงนะครับ "ผมไม่ได้โม้" โฮ่ๆๆ ใครจะเชื่อก็เชื่อไป ใครไม่เชื่อก็ช่างเขา เป็นสิทธิ์ของท่านครับ เอาละ สำหรับบทความฉบับนี้ ก็พล่ามมามากนิดหน่อยแล้ว เอาวันละเล็กน้อยแค่นี้ก็พอครับ สวัสดี...  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน