วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เมื่อผมคุยกับพระศรีอาร์ฯ (Sriar หรือ ไซย่าร์)

นี่เป็นการสื่อสารผ่านมิติระหว่างผมกับพระศรีอาร์ฯ ครับ


ผม : มีคนบอกว่าท่านไม่มาเกิดหรอก รอตรัสรู้อยู่ข้างบนจริงมั้ย?
พระศรีฯ : โง่เง่าอ่ะดิ ไม่มาเกิดไง เป็นพระโพธิสัตว์ เอ้า จะอธิบายให้ฟัง "ตัวตนเบื้องบน" ดำรงอยู่เสมอ ใครถอดกายทิพย์มาเจอ ก็เจอได้ แต่อย่่าไปด่วนสรุปเพียงเพราะเ็ห็น แต่มิรู้แจ้ง "ตัวตนของเรา" ดังคำปริศนา "เมตตรัยคือเมตตรัย แบ่งกายเป็นหมื่นโกฎิ" เรามีตัวตนอยู่ทุกมิติ ทั้งอดีต, ปัจจุบันและอนาคต ฯลฯ นี่คือสิ่งที่ผู้มีปัญญาจะทราบได้


ผม : ขอให้ท่านยกตัวอย่างตัวตนในอดีตที่คนรู้จักมากๆ หน่อยครับ
พระศรีฯ : น่าอายนะเนี่ย ฮ่าๆๆ ตลกนะ ตัวตนของเราคนไม่ค่อยเข้าใจ ก็หาว่าบ้า, ติ้งต้อง, ปัญญาอ่อน, ไม่เอาไหนบ้าง ฯลฯ เกิดทีไรมีแต่คนตำหนิทุกทีเพราะคนไม่เข้าใจธรรมที่ลึกซึ้งของเราเลยสักคนเดียว อ่ะ ยกตัวอย่างนะ เล่าเสี้ยน ก็โดนด่าว่าไม่เอาไหน, อิเอซาดะ ก็โดนด่าว่าปัญญาอ่อน, ปูยี ก็โดนด่าว่าทำชาติล่มจม ฯลฯ นี่เป็นกรรมของเรา


ผม : ช่วยอธิบายธรรมที่ลึกซึ้งของท่านหน่อย?
พระศรีฯ : เป็นไปตามธรรมชาติ บารมีเต็มแล้วก็เป็นโดยไม่ต้องกระทำ เป็นโดยไม่ต้องฝึก เป็นโดยไม่ต้องคิดหรือไตร่ตรอง ก็ มันเป็นเช่นนั้นเองตามธรรมะ ธรรมชาติ เช่น ในยุคที่คนฆ่ากันมากๆ ถ้าเราเป็นคนเอาไหน ก็คงมีกรรมเปื้อนเต็มไปหมด เป็นแบบเล่าเสี้ยนก็ปลอดกรรมตรงนิพพานไงแต่ถ้าไม่เกิดมาในยุคเข็ญแล้วจะเข็นสรรพสัตว์เข้านิพพานไ้ด้ยังไงอ่ะ? ก็สมัยนี้พระพุทธเจ้าปูทางเข้านิพพานทางทุกข์นา คุณอย่าลืมสิ อย่าเพลินไปช่วยสัตว์มากไป เดี๋ยวจะกลายเป็นทำร้ายเอา


ผม : งั้นช่วยสรุปธรรมะของท่านแบบง่ายๆ ได้ไหม?
พระศรีฯ : ง่ายโคตรๆ เลย คนโง่บรมสุดโง่ก็ทำได้ เข้าถึงได้ ติงต้องก็ได้ ปัญญาอ่อนก็ได้ ง่ายฉิบหายเลย ไม่มีธรรมที่ไหนง่ายแม่งขนาดนี้มาก่อนอีกแล้ว (แต่ว่าของง่ายคนไม่ชอบกันว่ะ) ฮ่าๆๆ เอางี้สรุป ก็ตามใจตัวเองนะ ตามใจธรรมชาติรอบตัว ห่วยแตกไม่ได้เรื่อง ยอมเขาไปเหอะ แล้วก็โอเคกะทุกอย่างที่ได้รับ แค่เนี้ยโคตรจะง่ายบรมเลย แต่คนฉลาดเกินไปทำไม่ได้หรอก มันว่าเราติงต้องว่ะ ฮ่าๆๆๆ


ผม : ท่านประสานพลังลงมาที่คนข้างล่างเลยทำให้เขาเหมือนท่าน?
พระศรีฯ : ใช่ หลายตัวตนเราโปรดอยู่ ใช้พลังประสานลงไปที่ตัวเขาก็เลยทำให้เขาเหมือนเรา แต่เขาไม่ใช่โดยตรงหรอก เปลือกนอกของพวกเขาจึงมีลักษณะแบบนั้น เหมือนกับเราได้ แต่ถ้าท่านได้พบตัวตนของเรา ที่อยู่เบื้องล่างในมิติของท่าน ท่านจะเข้าใจ เราวางตัวตนนั้นไว้เป็น "ต้นแบบ" ที่ดีที่สุดของการเป็นมนุษย์ในยุคนั้น ซึ่งสำหรับยุคนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ "ปัญญาอ่อน" โง่สุดๆ เข้าไว้ ใครฉลาดเสร็จภาคมืดหมด มันเอาตัวไปทำงาน ให้เงินสารพัด เข้าป่าเข้ารก มืดหมดทั้งนั้น


ผม : ตัวตนปัจจุบันของท่าน ในโลกของผมก็มีใช่ไหม แนะนำหน่อย?
พระศรีฯ : มีสิว่ะ เอ็ง จะไม่มีได้ยังไง โพธิสัตว์โปรดสัตว์ทั่วไปหมดนั่นแหละ แต่ให้เป็นเอ๋อนะ เขาเป็นเด็กออทิสติก นี่แหละตัวแบบที่ดีที่สุดของการเกิดเป็นมนุษย์โลกยุคปัจจุบันคือ เป็นเอ๋อซะมีความสุข พอใจ ในสิ่งที่ตนเองมี อะไรๆ ก็โอเคทั้งนั้นอ่ะ สบายจะตายไป เป็นก็ไม่ยาก แต่คนฉลาดเกินไปมันไม่เอากันหรอก นี่เราเป็นเพราะกรรมนะ เป็นไปตามธรรมะธรรมชาติเลยถึงบอกว่าเราบารมีเต็มแล้วไง ไม่ต้องทำอะไร มันก็เป็นเองเลย ใช่เลย เป็นอยู่แล้ว ใช่อยู่แล้ว เหมาะกับคนไทยออก


ผม : แต่ทำไมมีคนเก่งๆ อ้างหรือคิดว่าตัวเองเป็นท่านละ?
พระศรีฯ : อ๊ะแน่นอน นี่มันเป็นปัญญาเหนือล้ำของเรา ไม่ได้หลอกใช้ใครหรอกนะ หลอกใช้เขาเราก็มีกรรมอ่ะดิ เราไม่ได้หลอกใครกิน แต่เขานั้นหลอกตัวเอ้ง .. เอิง เอย .. ฮ่าๆๆ คนเก่ง คนฉลาด ก็ก่อกรรมกันไปสิ สุดท้าย เรามีบุญบารมี พวกมันอดหมดแหละ เราได้อยู่แล้วชัวร์ๆ อ่ะ ก็นี่แหละ เขาเรียกว่า "ผู้มีบุญบารมีมาเกิด" ยังไงเล่า ก็ในเมื่อมีบุญบารมีอยู่แล้ว จะต้องไปเหี้ยแม่งอะไรมันอีกอ่ะ? ห๋า มันคงฉลาดเกินไปกันมั้งนะ ทำกรรมกันเยอะเชียว แล้วเบ่งว่าตูมีบาีรมีกว่าคนอื่น


ผม : ผมเชื่อท่านนะ ท่านมีธรรมเหนือผมๆ ทำแบบท่านไม่ได้หรอก
พระศรีฯ : เออ ก็มีแต่มึงอ่ะแหละ ที่เชื่อกู ฮ่าๆๆ ไม่เห็นมีหมาตัวไหนสักตัวเชื่อกูสักคน ฮ่าๆๆๆ ทำไงได้ละ ยังไม่ใช่เวลา ไม่ใช่วาระตรัสรู้ของกูนี่ แต่กูก็ไม่ได้ทำผิดกะใครนี่หว่า? คนเขาไม่มาเชื่อกูเอง ทำไงได้ละ กูก็ไม่ได้บังคับ หรือไปก่อกรรม โฆษณาอวดตัวให้เขามาเชื่อที่ ไหนกัน ก็ใช่แล้วละ มันต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าคนมาเชื่อกูเยอะๆ แม่งมันก็ไม่เข้านิพพานตามตูดพระพุทธเจ้าไปน่ะเด้ จริงมั้ยว่ะ ไอ้เพื่อนเอ้ย!


จบ ...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน