วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พลังแห่งการอนุโมทนา ที่จะเปลี่ยนกรรมให้่เป็นบุญ กลับร้ายกลายเป็นดี?

"ลอย ลอย กระเทย เอ้ย ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง ..." อ่า เป็นยังไงบ้างครับ วันลอยกระทง ตกลงไปลอยกับกิ๊กหรือแฟนอ่า อั๊ยย่ะ ล้อเล่น ขำๆ นะครับ วันนี้เ็ป็นคืนวันเพ็ญด้วยสิ ใครจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าบ้างเอ่ย บอกมาซะดีๆ หวั่นใจชำรุด มนุษย์ค้างคาว หวั่นคนตื่นเช้า จะเอาเธอไป ... อ่า เพลงอีกแระ นอกเรื่องอยู่เื่รื่อย วกมาเรื่องของเราดีกว่าจ้า สำหรับหัวข้อวันนี้ เบาๆ สบายๆ แต่เป็นเคล็ดลับสุดยอดเลย จะบอกให้ อ๊ะ ยังไง ไม่บอกละ อ่านเองละกัน (แล้วที่เขียนมานี่มันต้องอ่านหรือฟังกันล่า)


พลังอนุโมทนานี้ ไม่เหมือนกับที่ท่านทั้งหลายเข้าใจนะครับ ไม่ใช่การไปอนุโมทนาใครที่ทำบุญ เพื่อเราจะได้บุญร่วมด้วย ผมขอยืมคำศัพท์มาใช้อีกแบบหนึ่งเท่านั้นครับ การอนุโมทนาก็อย่างที่ท่านเข้าใจปกติ แต่ "พลังอนุโมทนา" ในที่นี้ ผมขอใช้หมายถึงพลังที่เรามีจิตเห็นด้านดีในทุกๆ สิ่งได้แม้ว่าสิ่งนั้นจะเหมือนไม่ดีก็ตามเช่น จู่ๆ ใครไม่รู้มาเปิดเพลงเสียงดัง ถ้าเรามีจิตคิดไม่ดี จะมองว่าน่ารำคาญ มันก็ไม่ต่างจากเราได้รับกรรม ใช่ไหมครับ? แต่ถ้าเรามีพลังอนุโมทนา เรามองเห็นได้ว่าไม่ใช่ความน่ารำคาญหรอก แต่มันเป็นบุญที่เราได้ยินฟรีๆ เขาเปิดให้เราได้ยินฟรีๆ จิตเราก็ผ่องใส ไม่เป็นทุกข์ ไม่ต่างจากการได้เสวยบุญใช่ไหมครับ? นี่ละ เหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนกันเปี้ยบเลย แต่ผลมันกลับตรงข้าม ด้วย "จิตเรา" คิด เรามองนี่เอง เหมือนเหรียญสองด้าน มันก็คือ เหรียญเดียวกันแหละครับ แล้วแต่ว่าเราจะพลิกไปมองด้านไหน ถ้าเรามองว่ามันเป็นกรรม มันก็จะเห็นกรรมได้ แต่ถ้าเรามองเป็นบุญ มันก็เห็นบุญได้อีกเช่นกันครับ ดังนั้น บุญกรรมที่แท้จริงไม่มี มีแต่บุญกรรมสมมุติครับ เพราะอะไร เพราะมันสมมุติมาั้ตั้งแต่แรกแล้วว่านี่คือดี เป็นบุญนะ นี่คือชั่วเป็นกรรมนะ เราคิดเอาเอง อุปทานเอาเองว่าอะไรดี ไม่ดี ตั้งแต่แรก มันก็เลยตั้งไว้ว่าเป็นบุญหรือกรรมเพราะเราไปคิดเอาเองนี่แหละครับ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ นะ ถ้านาง ก. ไปฆ่าคนซะ เพราะคิดว่าให้มันตายๆ ไปซะ จะได้หมดทุกข์ แล้วเขาก็ไม่อยากตายแต่นาง ก. ก็ว่าฉันทำความดีเพื่อเธอนะ มันก็เป็นบุญครับ ถึงเวลานาง ก. ได้รับผลบุญ ก็จะได้รับ "ความตาย" นั่นแหละ เป็นบุญครับ เช่น ถ้านาง ก. ถูกครองงำด้วยปีศาจร้ายให้ทำชั่ว ไม่มีปลดปล่อยได้ นอกจากความตาย นาง ก. ก็จะได้ "ความตาย" อันเป็นบุญในมุมมองของนางที่จะปลดปล่อยนาง ก. ออกจากวังวนกรรมนั้น นั่นเอง อย่างไรละครับ 


อีกประการที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่างคำว่า "อนุโมทนา" และคำว่า "พลังอนุโมทนา" ก็คือ คำว่า อนุโมทนา หมายถึงการยินดีด้วยในกรรมที่ผู้อื่นกระทำ แล้วเราก็จะได้ผลร่วมกับเขาด้วยไม่ว่าดีหรือร้ายยังไง ในอนาคตชาติข้างหน้า แต่คำว่า "พลังอนุโมทนา" นี้จะไม่ใช่การหวังผลในชาติหน้าเลยครับ มันหมายถึง "ณ ปัจจุบันขณะ" นี้เลย โดยไม่ได้ติดอยู่ภายใต้เงื่อนเวลาของปัจจุบัน อย่างคนที่หลงยึดปัจจุบันขณะเขาเป็นกันนะครับ เพราะอะไร? เพราะมันมีต้นเหตุมาจาก "อดีต" ไงละครับ อดีตส่งผลมาถึงปัจจุบัน พอเรามาันั่งรับผลปัจจุบันด้วยพลังอนุโมทนาได้ เราก็จะพลิกสถานการณ์พลิกมุมมองให้มันกลายเป็นสิ่งที่ดีได้ นั่นคือมันไม่ใช่การคิดแยกว่านี่เราทำ ณ ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดผล ณ อนาคต ก็ไม่ใช่ มันไม่ได้คาดหวังรออนาคตอะไรเลย มันอาศัยอดีตที่ทำมาแล้วนี่แหละแล้วพลิกกันปัจจุบันไปเลย ดังนั้นอนาึคตก็ไม่ต้องกังวลอีก เพราะเข้าใจในวิถี "ขณะนี้" แล้ว นั่นเอง มันก็เลยทำได้เลยเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรอฟ้ารอฝน รอเวลาในอนาคตอีกต่อไปแล้ว นี่แหละ ที่ผมแนะนำท่าน "พลังอนุโมทนา" พลังที่เห็นดีงามในทุกๆ สิ่งได้ และทำให้เราพลิกสถานการณ์หรือสิ่งที่ไม่ดี ให้กลับร้ายกลายเป็นดีได้   


สำหรับบทความนี้ เอาแค่หอมปากหอมคอ ผมขอจบเทานี้ สวัสดีครับ 


   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน