วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เคล็ดลับลัดสั้นง่าย ในการเลื่อนระดับด้วยกระบวนการ Transition

"กังนัมสไตล์" จื้ด จืด จื่ด จืด จื้อ จะดะดื้ด ... เอายกมือขึ้น แกว่งแรงๆ ทำหน้ามั่นๆ หน่อย เซลฟ์ ขึ้นอีกนิด เหมือนกำลังควบม้า อ่าฮ้า น่านละ มันใช่เลย เต้นไป เต้นไป อย่างน้าน อย่างน้าน ... อ่ะ เป็นยังไงกันบ้างครับ ซ้อมท่า "กังนัมสไตล์" ไปถึงไหนแล้ว วันนี้ ข่าวว่าไซจะมาเปิดเวที ระเบิดคอนเสริตกันถึงที่ประเทศไทยแล้วนะครับ ไหนว่าคนไม่หล่อจะไม่ดังไง เป็นไง หน้าตาเกาหลีของแท้ ทั้งรูปร่างหน้าตามาจากธรรมชาติพ่อแม่ให้มาเลย ไม่มีทำศัลยกรรมตรงไหนเลย สุดยอดอ่ะป่าว (ปาฏิหาริย์จริงๆ ดังได้ยังไงเนี่ย) นี่ละ "ฝีมือนักการตลาดของจริง" ไม่ใช่เอาคนที่ดังแล้วมาขาย หรือเอาคนที่หน้าตาดี รูปร่างดีแล้วมาโชว์ แต่เอาแบบนี้มาขายยังขายได้ อ้าว! ที่ซ้อมก็ซ้อมกันไปต่อนะครับ แล้วที่เหนื่อยก็พัก มานั่งอ่านบทความของผมมั่งละกาน อิๆๆ


บทความฉบับก่อนๆ เคยเล่าเรื่องการเลื่อนระดับไปมากแล้ว ในฉบับนี้จะกล่าวถึง "เคล็ดลับ" เล็กๆ แต่มีประสิทธิภาพสูงช่วยในการเลื่อนระดับได้อีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือ การเลื่อนระดับด้วยการ Transition หรือการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างตัวตนสองตัวตน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเข้าสู่วิถีของการเลื่อนระดับแล้ว แต่พลังงานชั้นนอกของคุณยังไม่เปลี่ยนแปลง พลังงานชั้นนอกนี้เมื่อถึงที่สุด อาจจะเข้าสู่กระบวนการ "สร้างใหม่" ทำให้ได้ระบบพลังงานแบบใหม่ที่ดีขึ้น ก็คือ การเลื่อนระดับแบบเล็กๆ คือ เฉพาะในพลังงานชั้นนอกเท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็น การเลื่อนระดับ อย่างหนึ่งเหมือนกันครับ ทีนี้ ในกระบวนการนี้ มันไม่จำเป็นต้องเป็น "พลังงานเดิมที่ถูกสร้างใหม่" ก็ได้ครับ มันอาจจะเกิดจาก "พลังงานเดิมถูกถ่ายเทออกไป" แล้ว "พลังงานใหม่ไหลเข้ามาแทนที่" ในกระบวนการนี้ ถ้าเกิดระหว่างตัวตนสองตัวตนแลกเปลี่ยนกัน ผมจะเรียกว่าการ Transition (แลกเปลี่ยนพลังงาน)  นั่นเองครับ


กล่าวคือ พลังงานบางชนิดที่อยู่ในตัวเรา โดยเฉพาะชั้นนอกสุด จะมีสภาพไม่ค่อยแน่นอน เปลี่ยนแปลงได้ง่าย โยกย้ายถ่ายเทได้ง่ายครับ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันของพลังงานระหว่างบุคคลสองคนได้ซึ่งถ้ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็น "นักเลื่อนระดับ" แล้ว เขาก็จะได้รับพลังที่มีระดับสูงขึ้นครับ (พลังงานที่ดีขึ้น, องค์เทพที่สูงขึ้น อะไรประมาณนั้น) ทำให้เกิดการเลื่อนระัดับโดยไม่ได้เกิดจาก "พลังงานเดิม" เข้าสู่กระบวนการสร้างใหม่ หรือกำเนิดใหม่ แต่เกิดจาก "พลังงานชนิดใหม่ที่ไหลเข้ามาแทนที่ของเดิม" นั่นเอง ซึ่งมันจะเกิดขึ้นได้ต้องมีปัจจัยที่หนุนเนื่องให้มันเกิดขึ้นครับ เหตุปัจจัยต่างๆ มีด้วยกันดังต่อไปนี้


๑. การเปิดใจของคนสองคน ที่พร้อมจะทำการ Transition พลังงานระหว่างกัน ถ้าปิดใจกั้น กระบวนการนี้จะไม่อาจเกิดขึ้นได้ครับ

๒. การยอมรับและการให้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องมีทั้งสองอย่างนี้ ไม่ใช่คิดแต่จะยัดเยียดให้อีกฝ่าย หรือคิดแต่จะรับเอาแต่อย่างเดียว

๓. ความแตกต่างของสองคน ถ้าคนสองคนไม่มีความแตกต่างกันเลยก็จะไม่มีการแลกเปลี่ยนพลังงานใดๆ ครับ ดังนั้น จึงต้องต่างกัน

๔. การจัดสรรตามธรรมชาติ เหมือนน้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำแต่เปลวไฟกลับลอยขึ้นสูงอย่างเดียว ไม่มีลงต่ำ อย่างนี้เป็นต้น


ดังนั้น "บางครั้งท่านไม่จำเป็นต้องฝึกพลังอะไรเลย" ท่านก็สามารถที่จะได้รับพลังงานเหล่านั้น "จากธรรมชาติรอบตัวของท่าน" ได้ เพราะพลังงานเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่อาจยึดมั่นถือมั่น ไม่ใช่ตัวตนของตนที่จะกำหนดหรือควบคุมไปได้ตลอด ถ้าท่านเข้าใจหลักของธรรมชาตินี้ ท่านก็จะทราบว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่ "ตัวเราเอง" ว่าตัวเราเองคิดอย่างไร มีจิตใจอย่างไร กระทำตัวแบบไหน สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัุยสำคัญที่ทำให้เราได้รับหรือสูญเสียพลังงานชนิดใดครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเดิมคุณมีพลังหยาง (เพศชาย) มาก แต่จิตใจคุณฝักใฝ่ความงามแห่งหน้าตาและเรือนร่างมากเกินไป สุดท้าย คุณจะสูญเสียพลังหยางไป และได้รับพลังหยินมาแทนที่ คุณก็จะเป็นได้แค่คนหล่อที่อาศัยหน้าตาหากินไปเท่านั้นเอง ไม่อาจที่จะเป็นวีรบุรุษที่สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ระดับใดได้เลย นี่แหละความไม่เที่ยงของพลังงาน ไม่อาจยึดได้จัดสรรไปตาม "เหตุปัจจัย" เท่านั้น และเหตุปัจจัยนั้นที่สำคัญก็ึคือ "ใจคุณ" นั่นเอง 




3 ความคิดเห็น:

  1. ช่างมันเถอะ เป็นไปทำไม วีรบุรุษ ..................ในสังคมก็มีแต่คนที่ชอบอ้างตัวว่ามันเป็น "วีรบุรุษกันทั้งนั้น แต่ความจริงแล้ว.......มันเป็นยังไง ใครจะไปรู้กับมัน"

    ตอบลบ
  2. ได้อะไรไปตอนนี้ ก็ไม่มีความมั่นคงหรอกครับ
    คนทุกคนที่มีอำนาจขณะนี้ เหมือนถือไฟไว้ใน
    มือ มันจะเล่นงานตัวเองในท้ายที่สุดทั้งนั้น ให้
    ลองดูประวัติศาสตร์สามก๊กก็ได้ เก่งกันนัก ทั้ง
    แย่งกันมากมาย สุดท้าย เป็นอย่างไร อดหมด
    ทุกคน คนที่ได้ไปง่ายๆ สบายๆ ก็คือ คนที่ไม่
    เคยได้, ไม่เคยมี อะไรเลยมาก่อน ก็เลยไม่มี
    โอกาสใช้อำนาจไปทำอะไรกับเขาอย่างไรละ


    เรียกว่า รู้จัก "มี" ในเวลาที่ "ควรมี" ดีกว่าครับ

    ตอบลบ
  3. ง่าขอแค่ มีข้าวให้กิน มีเกมส์ให้เล่น มีจักรยานให้ปั่น มีเงินพอใช้ปะทังชีวิตบ้างง่าาาาาาาาา :) 55555 คริ๊ คริ๊

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน