วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เมื่อเสียงสวรรค์บอกผมว่า "จงทำให้มนุษย์โลกเป็นสัตว์สังคม"!

ฟังดูแปลกๆ นะครับ ถ้าเราได้ยินเสียงสวรรค์บอกว่า "จงทำให้มนุษย์โลกเป็นสัตว์สังคม" ผมคิดว่าหลายคนก็ต้องแย้งว่า "มนุษย์โลกก็เป็นสัตว์สังคมอยู่แล้วนี่" ใช่ไหมครับ? แต่ถ้าเราเข้าไปดูดีๆ เีราจะพบครับว่า "เหตุปัจจัยต่างๆ กำลังทำให้ทิศทางเปลี่ยนไปครับ" เช่น การที่เรามีเงิน แล้วจะทำอะไรก็ได้ตามกรอบของกฏหมาย บางทีเราก็ไม่ค่อยแคร์ใคร ไม่ค่อยแคร์สังคมหรอกครับ อีกทั้ง "วัตถุปัจจัย" ก็หนุนให้เราเป็น "ปัจเจกชน" มากกว่าเป็นสัตว์สังคมครับ เมื่อประกอบกันแล้วทุกๆ ปัจจัย ทั้ง "วัตถุปัจจัย", "บรรทัดฐานปัจจัย" และ "จิตสำนึกปัจจัย" มันเลยยิ่งทำให้มีปัจจัยมากมาย ที่ขับดันให้มนุษย์โลกกำลังจะกลายเป็น "ปัจเจกชนมากกว่าที่จะเป็นสัตว์สังคม" ครับ โดยเฉพาะ ความเจริญที่มาพร้อม "ทุนนิยม" นี่คือ "ปัจจัยหลัก" เลย ดังนั้น การที่ผมได้ยินเสียงสวรรค์บอกเช่นนี้ "ผมว่าไม่มั่วนา?" มันมีเหตุผลละครับ เพราะถ้ามนุษย์เป็นปัจเจกชนกันมากๆ สังคมโลกก็คงพังทลายอยู่ไม่ได้ เพราะเห็นแก่ตัว ตัวใครตัวมัน กันอย่างไรละครับ ดังนั้น ผมคิดว่าไม่ผิดแน่


ทีนี้ ถามว่า เมื่อได้ยินอย่างนี้หมายความว่า จะทำให้ประเทศไทยเป็น "สังคมนิยม" หรือเปล่า? ผมคิดว่า "ไม่ใช่เลยครับ" ถ้าเราคิดลวกๆ ก็อาจทำงานลวกๆ แล้วทำให้มันเป็นสังคมนิยมไปซะ ง่ายดี ขึ้เกียจคิด ปล่อยให้จีนฮุบประเทศเราไปเลย ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ใช่ไหมครับ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ ถ้าเราเป็นคนละัเอียดอ่อนและทำการบ้านต่อก็จะพบว่า "มันไม่จำเป็นต้องเป็นระบอบสังคมนิยมหรือประชาธิปไตย" คือ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบระบอบนะครับ จริงอยู่ว่า ระบอบสังคมนิยมช่วยเราได้มาก ทำให้เราสร้าง "สัตว์สังคม" ได้ง่ายมาก แต่ก็ใช่ว่าไอ้ระบอบเดิมนี่ มันจะทำไม่ได้นะครับ เพราะอย่างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน คนเริ่มรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน เป็น "สังคมเสื้อแดง", "สังคมเสื้อเหลือง", "สังคมธรรม" ซึ่งแตกแยกออกไปอีกว่า สายไหน, ครูอาจารย์เป็นใคร, หลวงปู่, หลวงพ่อองค์ใด ฯลฯ ไม่เข้ากันอีกครับ ซึ่งก็ไม่เป็นไร ก็เป็นธรรมดาครับที่จะมีหลายกลุ่มก้อนได้ ขอให้เป็นสัตว์สังคม ก็ถือว่าใ้้ช้ได้แล้วระดับที่หนึ่ง ระดับต่อไปคือ "เมื่อมีหลายกลุ่มก้อนแล้ว อยู่ร่วมกันได้หรือไม่? อย่างไร?" เช่น แม้จะตีกันบ้าง แต่ประเทศก็ไม่พังละนะ อันนี้ก็ "โอเค" ไม่ว่ากัน (แต่ผมคงไม่ไปตีกับใครด้วยอะนะ) สรุปก็คือ ณ เวลานี้ เรากำลังเดินเปลี่ยนทิศทาง จากการเร่งพัฒนาแบบทุนนิยม กลายเป็น "ถูกถ่วงความเจริญทางทุนนิยมไว้ก่อน" แล้วหันมาสร้างสิ่งที่เรียกว่า "สัตว์สังคม" แทนอย่างไรละครับ ซึ่ง ผมกำลังดูความเจริญเติบโตของมันว่าสังคมย่อยๆ เหล่านี้ จะเติบโตไปอย่างไร? เหมือนในป่าไหม? ที่มีเสือ, ช้าง, ม้า, วัว ฯลฯ โขลงใคร โขลงมัน แต่ก็อยู่ร่วมกันได้ แม้ว่าจะมีการ "กินกัน, ล่ากัน" ก็ตามที เอาเหอะนะถ้าอยู่ร่วมกันได้ก็นับว่า "ผ่านขั้นที่สอง" ทีนี้ เราก็จะมาดูต่อในรายละเอียดที่ผมอยากจะเรียกว่า "ขั้นที่สาม" ต่อไป ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะตกแต่งสิ่งที่มันเริ่มก่อร่างสร้างตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนแล้วนี้ ให้สวยสดงมงามอย่างไร?


ซึ่งในขั้นตอนที่สาม ของการตกแต่งรายละเอียดนี้เอง ที่เราจะมีการ "กระทบกระทั่ง" บีบเค้น (ทุกขัง) กันมาก เพราะอะไรครับ? เพราะไม่มีอะไรที่ดีไปกว่า "เพชรตัดเพชร" หรือ "สังคมกระทบสังคม" สะท้อนกันไปมา เพื่อปรับปรุงกันและกันให้ดีขึ้น ให้พัฒนาขึ้นไปอีกแล้ว หากไม่ถึงขั้นตีกันตายหรือประเทศล่มสลาย ก็ไม่ว่ากัน ผมยอมรับได้ แต่ผมไม่ได้ไปทำด้วยอะนะ เพราะผมมีหน้าที่คอยดูแลกระบวนการแกะสลัก (เพชรตัดเพชร) นี้ ก็ดีออกนี่ครับ สังคมคนเสื้อเหลืองว่าคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงก็เก็บเอาไปพัฒนาตัวเองได้ ในขณะเดียวกัน สังคมคนเสื้อแดงว่าคนเสื้อเหลือง คนเสื้อเหลืองก็เอาไปพัฒนาตัวเองได้ เช่นกันครับ เพียงแต่ "อย่าขี้โกง" เช่น ตีหัวเขาได้ แต่ห้ามไม่ให้เขาตีหัวตัวเองกลับ อันนี้ "ขี้โกงครับ" ผมไม่นิยมลำเอียงเช่นนั้น เราอยู่ในสังคมที่เปิดกว้าง ไม่ใช่บ้านเรา ที่มีแต่บ่าวไพร่ให้เราสั่งชี้ใช้อย่างไรก็ได้นี่ครับ ดงนั้น เราต้องใจกว้าง แฟร์ๆ หน่อย ถึงเวลาเราเล่นงานเขาได้ "ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย" อะไรประมาณนั้น ชกกันก็ให้มีกฏกติกา อยู่ในเวทีก็ต้องแฟร์ๆ ครับ คนดูเขาจะได้ดูได้นานๆ ไม่เบื่อกันไปเสียหมดก่อนครับ สำหรับบทความนี้ ขอจบเท่านี้ สวัสดีครับ ...


   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน