วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทราบได้อย่างไรว่า ของที่ได้มาจากบุญเราจริงๆ หรือซาตานเอามาแลก?

อ๊ะ วันนี้ นึกมุขไม่ออก ไม่พูดพล่ามทำเพลงละ เข้าเรื่องเลยละกาน "กาแฟเนเจอร์กีฟ" อ้่าวเฮ้ย ม่ายช่าย คนละเรื่องกันแล้ว "ตะลุ่ม ตุ้ม แป๊ก" (มุขแป๊ก!) เอ้า นอกเรื่องไปจนได้ จอดๆๆ แล้ววกๆ กลับมา มาเรื่องของเราดีกว่า อันนี้มันเป็นเรื่องของการแยกแยะระหว่างบุญกับสิ่งที่ซาตานเอามาแลกนะครับ ลองดูในรายละเอียด มีดังต่อไปนี้ครับ 


มีวิธีแยกแยะได้ไม่ยากครับ ระหว่างสิ่งที่ได้มาด้วย "บุญเราจริงๆ" กับ "สิ่งที่ได้มาจากซาตานแลก" ให้สังเกตง่ายๆ อย่างนี้ อะไรที่มาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ, ไม่ได้เจตนา, ไม่ได้อยากได้แต่มันก็ดันมาเอง เข้าข่าย "วิบากกรรม" แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ นี่เรียกว่า "วิบากกรรม" กรรมดี น่ะครับ ซึ่งเชื่อขนมกินไ้ด้เลยว่า "บุญหรือที่เรียกอีกอย่างว่าวิบากกรรมดีนี้" ไม่มีใครอยากได้ หรือเจตนาจะได้ มาก่อนทั้งนั้นครับ เพราะอะไร? เพราะมันไม่ได้มาจาก "มโนกรรมปัจจุบัน" เลยอย่างไรละครับ ความคิด ความตั้งใจ เจตนา หรืออะไรๆ อันเกี่ยวกับจิตใจของเรานี่ ไม่ได้ไปคิดอยากได้ หรือข้องแวะจะเอามันเลยจริงๆ ไม่มีมโนกรรมเกิดขึ้นในปัจจุบันเลย แต่มันก็ดันมาได้ นี่ละ เขาเรียกว่า "วิบากกรรม" แต่มันไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนี่นา ก็เลยเรียกว่า "วิบากกรรมดี" (หรือบุญ) ไงละ ผมจะยกตัวอย่าง "บุญ" ให้นะครับ ผมมีหลานชายคนหนึ่ง ไม่ใช่ญาติกันโดยตรง คนๆ นี้ เป็นเด็กวัยรุ่น กำลังกะล่อน แต่ไม่เคยยุ่งเรื่องผู้หญิงเลย วันหนึ่ง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งรอ นอนรอ อยู่บ้าน โดนแม่ไล่ก็ไม่ยอมไปไหน บอกว่าจะมารอเขาให้ได้ พอเขากลับมาถึงบ้านแล้ว มันก็ปล้ำผู้ชายครับ แล้วก็แจ้นไปฟ้องพ่อว่า "พ่อมันปล้ำหนู" ฝ่ายชายเลยต้องเอาเงินเอาทอง ไปให้เขา แล้วทำพิธีขอกันง่ายๆ ไป อยู่กันไม่ึถึงเก้าเดือนมังครับ ลูกก็คลอดแล้วครับ บังเอิญหลานชายคนนี้ เขาไม่รู้ว่าลูกในท้องนี่ มันต้องอุ้มท้องนานกี่เดืิอนครับ เป็นอันว่า เออ เป็นบุญของมัน (หรือกรรมของมันก็ไม่รู้) ได้เมียโดยไม่ได้ก่อกรรมเอามาเลย 


เอาละ ทีนี้ มาดูสิ่งที่มาจาก "ซาตานเอามาแลกกันบ้าง" มันจะมีความแตกต่างจากบุญแน่นอน ชัดเจนเลยครับคือ "มันจะเริ่มต้นมาจากจิต ใจเราอยากได้" หรือ "มโนกรรมปัจจุบัน" เราเกิดแล้วก่อน เช่น ใจคิดว่าอืม อยากสร้างวัดนะ หรือสร้างวัดถวายเป็นพุทธบูชา ก็คงดีนะ นี่ละ พระที่หลงตัวเองคิดว่าตัวเองอรหันต์แล้ว ก็มี "มโนกรรมปัจจุบัน" กันแบบนี้มากเลย (อรหันต์เก๊นะครับ) แล้วซาตานมันรู้ใจ มันก็เอามาให้เพื่อแลกกับบางสิ่งบางอย่าง (ที่อาจจะได้มาจากการบำเพ็ญธรรมน่ะครับ) อะไรก็แล้วแต่ที่มัน "แหม มาได้ดังใจ" หรือตามใจเราจริงๆ นี่ละ อย่าไปรับมัน เพราะถ้ารับมันแล้ว ก็เท่ากับเรายอมรับ "การแลกเปลี่ยนกับซาตาน" แล้วครับ แล้วให้สังเกตดีๆ นะครับว่าเมื่อใดที่เรารับ เราก็จะต้องแลกเปลี่ยนจริงๆ เช่น เราได้งานใหม่ แต่เราต้องย้ายที หรือไปอยู่ที่อื่่น เราได้ที่ดิน แต่เราอาจต้องละทิ้งครอบครัวไป อะไรแบบนี้่ นี่ละ การแลกเปลี่ยนไงครับ แสดงว่าอะไรรู้ไหม? แสดงว่าสิ่งเหล่านี้ มันไม่ใ่ช่บุญของเราครับ ทีนี้ เราลองคิดดูว่า "มันคุ้มไหมถ้าจะแลก" เช่น ระหว่างครอบครัวกับ "การงานที่ดี" หรือ "ที่ดินมากมาย" หรือ "สมบัติสักก้อนใหญ่ๆ" ไม่รู้นะครับ ผมตอบแทนใครไม่ได้ ว่าคุ้มหรือไม่ ท่านก็ลองพิจารณากันเอาเอง ของบางอย่าง เราไม่รู้ตัวว่าเราต้องแลก หรือเราต้องเสียมันไป แต่มารู้ภายหลังก็เมื่อเสียมันไปแล้วครับ ก็ถ้าจะให้มีการแลกเกิดขึ้น เราก็ควรฉลาดพอที่จะแลกแล้วไม่ขาดทุนนะครับ นี่ไม่ได้ห้ามแลกกับซาตานนะครับ แต่ว่า เตือนไว้ว่ามันเล่ห์เหลี่ยมมากครับ มันค้ากำไรเกินควร เอาสิ่งเล็กน้อยมาให้เรา แต่กลับเอาของที่มีค่ามากๆ จากเราไปครับ ทว่า คนปัจจุบันก็ยังยอมแลกกับซาตานง่ายๆ  นะครับ โดยเฉพาะแลกกับตำแหน่ง, อำนาจ ฯลฯ พวกเขาไม่รู้ว่าต้องสูญเสียอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนครับ อย่างเช่น ตำแหน่งนายก แลกกับพี่ชายไหม? อะไรแบบนั้น รู้ตัวอีกทีก็ไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนพี่น้องกันได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมเองก็โดนล่อให้แลกครับ คือ ใจผมก็อยากได้ ก็มีนี่ครับ ธรรมดามนุษย์เราครับ แล้วก็มีคนเอามาให้ เราก็ไม่คิดว่าจะเอาของเขานะ พอรับมาแล้ว ก็เสียบางอย่างไปครับ ชั่วคราว พอเราได้สติ เข้าใจแล้ว กลับไปบำเพ็ญบารมีใหม่ให้แกร่งขึ้น มันกลับมาได้นะครับ อาจเพราะสิ่งที่ซาตานเอามาแลกนั้น มันมีค่าน้อยมากๆ ก็เลยส่งผลกระทบต่อพลังบุญผมให้ลด ได้ไม่มากครับ ผมเลยเสียไปแค่ชั่วขณะเท่านั้นเอง นี่ ผมก็เตือนท่านเอาไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ


สรุป สุดท้ายนี้ ผมอยากแนะนำสั้นๆ ว่า อะไรที่ได้หรือมาตามใจอยาก ไม่ต้องไปรับครับ เพราะมันเริ่มต้นจาก "มโนกรรมปัจจุบัน" ของคุณไปแล้ว ถ้าคุณรับ มโนกรรมปัจจุบันของคุณ ก็สำฤทธิืผล หมายถึงว่าคุณได้ทำมโนกรรมปัจจุบันนั้น ให้เกิดผลกรรมปัจจุบันแล้ว และนั่นคุณจะต้องรอรับผลของมันต่อไปครับ ส่วนอะไรที่มาเองโดยไม่ได้อยากจะได้ อันนั้น ก็ "ยอมๆ รับไปเถอะครับ" เพราะอะไร? เพราะมันเ็ป็นวิบากไงครับ คำว่า วิบาก คือ เราไม่ได้อยากได้, ไม่มีเจตนาจะเอา แต่มันก็ยังมาให้เราอีกครับ แต่พอดูๆ ไปแล้ว มันก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนี่หว่า? เช่น อาหารที่เราไม่ได้ชอบแต่ดันมีคนเอามาให้เราอยู่นั่น ก็กินๆ ไปเถอะนะครับ นั่นแหละ "วิบากกรรม" มันไม่ได้มาตามใจเราสั่ง ใจเราเจตนา ใจเราทำกรรมปัจจุบันอะไรเลย "มันก็เลยไม่ตรงใจเรา" อย่างไรละครับ ก็ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น "แม่ค้าหนูสั่งข้าวผัดกะเพราะนะ" สักพักยายแกก็เอาข้าวผัดมาให้เฉยเลย เราก็รับไปซะ กินไปเงียบๆ ซะ หุบปากซะ ไม่ต้องไปบ่นอะไรเขา เราไม่ได้ทำกรรมอะไร ทั้งมโนกรรมก็ไม่ไ่ด้อยากจะกิน วจีกรรมก็ไม่ได้สั่งให้ทำซะหน่อย ดันทำให้เราจนได้ นี่ละ ที่เขาเรียกว่า "อาหารเจบริสุทธิ์" จะมีได้เฉพาะผู้มีธรรมถึงระดับเท่านั้น เทพเทวดาเขาจะจัดสรรมาให้เอง ทั้งๆ ที่เราไม่ได้สั่งนี่ละ กินเข้าไป ก็ไม่มีกรรมละ ต่อให้มีเนื้อสัตว์ก็สบายใจได้ นี่ละ "วิถีชีวิตของคนมีบุญ"  อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเล้ย เขาเรียกว่ามีบุญแท้ ใจอยากได้อย่างหนึ่ง ก็ไม่ได้ ไปได้อีกอย่างหนึ่งแทนเรียกว่าทำกรรมไม่ึขึ้น ไม่ได้ตามมโนกรรม นับว่าเป็นผู้มี "ศีลบารมีแก่กล้า" มาแต่หนหลัง ก็เลยทำกรรมไม่ขึ้น นั่นเอง เอาละ บทความฉบับนี้ ขอจบเพียงเท่านี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ ...




6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 ธันวาคม 2555 เวลา 12:24

    อยู่ว่างๆแนะนำเว็บโหลดนิยายกำลังภายในไปอ่านครับ

    http://www.pdamobiz.com/forum/forum_posts.asp?TID=599853&PN=1

    ตอบลบ
  2. สำหรับกระทู้นี้น่าจะดูเรื่อง โรงรับจำนำหมายเลย 8 นะ......................

    ตอบลบ
  3. เรื่อง โรงรับจำนำหมายเลข 8 น่าจะเหมาะกับกระทู้นี้มากกว่านะ

    ตอบลบ
  4. ซาตานมีกี่ตัว ตัวต้นแบบ และตัวอื่นๆ ???

    ไม่มีใครสามารถกำจัดซาตานได้หรอก........

    ตอบลบ
  5. ก็มีแต่ผีตองเหลืองและพวกชาวป่าซาไก รึไม่ก็พวกนิโกรเท่านั้นแหละ ที่อยู่แอฟริกา ที่มีความเจริญล้าหลัง ไม่มีเทคโนโลยีใช้กับคนอื่นเขาเท่านั้นแหละ ที่จะไม่โดนระบบของซาตานครอบงำน่ะ 5555

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน