วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

"โอดิน" เทพแห่งความรู้ ผู้รู้ทุกสิ่ง จะมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนาแทนลูซิเฟอร์ ได้หรือไำม่?

อย่างที่ผมได้บอกแล้วว่า "เป็นปกติของศาสนาพุทธ เมื่อพระพุทธเจ้านิพพาน ศาสนาก็จะสิ้นสุดลงด้วย" คุณลองดู "อายุพระพุทธศาสนา" ของพระพุทธเจ้าในแต่ละพระองค์ กับอายุของ "พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์" เทียบกันดูสิ จะใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง เพราะอะไร? เพราะถ้าพระพุทธเจ้ายังยืดอายุศาสนาของตนต่อไป ก็จะไม่ได้นิพพาน เพราะการยืดอายุศาสนาของตนเองมีผลให้เกิด "สายบุญสายกรรม" อีกมาก  จะมีปวงสัตว์มากมายมาอาศัยใต้ร่มศาสนาแล้วสร้างบุญสร้างกรรมกันมากมาย นั่นจะส่งผลให้ "ผู้สร้าง-ผู้รักษา" แต่ว่ายังไม่ยอมทำลาย นั้น จะต้องมีส่วนเสวยผลบุญไปด้วย อุปมาเหมือน คุณสร้างวัดไว้ แล้วก็มีคนบวชต่อๆ กันไปไม่รู้กี่รุ่น แน่นอนว่า คุณต้องมีส่วนในสายบุญกรรมนี้ด้วย ใช่ไหมครับ ดังนั้น เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานแล้วจึงไม่มีศาสนาทิ้งไว้ "ทุกอย่างจะถูกภาคทำลายล้าง" กวาดเก็บทำลายเกลี้ยงหมด ซึ่งในศาสนาพุทธนั้นก็มี "พระเทวทัต" มาเตรียมทำหน้าที่อยู่ ทว่า ก็มีเหตุผิดพลาดไปเล็กน้อย ทำให้ไม่สำเร็จ และศาสนายืดยาวมาจนถึงทุกวันนี้ได้ (ซึ่งผมก็ไม่ได้มองว่าอะไรจะถูกหรือผิด, ดีหรือชั่วมากกว่ากันนะครับ) และเพื่อให้อายุพระพุทธศาสนาเป็นไปตามความต้องการของพระพุทธเจ้า ดังนั้น อย่างที่หนึ่ง "พระพุทธเจ้าจะต้องมีอายุเท่าๆ กับศาสนาของพระองค์ด้วย" และทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ต่อไป จึงจะมีองค์แห่งพระรัตนตรัยครบสมบูรณ์ เป็นพุทธศาสนาที่สมบูรณ์ได้ ไม่มีว่าพระพุทธเจ้านิพพานหมดเกลี้่ยงไปแล้วศาสนาจะยังอยู่ได้สมบูรณ์ดีดังเดิม เพราะอะไร? เพราะมันขาด "ผู้นำ" ไงครับ และไม่มีใครจะมานำแทนพระพุทธเจ้าได้ นอกจาก "พระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น"


เอาละ ดังนั้น ผมจึงอยากจะบอกแก่คุณว่า "พระพุทธเจ้าสมณโคดม" มีอายุ ๕,๐๐๐ ปี ไม่ใช่ ๘๐ ปี ที่มีอายุ ๘๐ ปี ก็คือ "สังขารแห่งเจ้าชายสิทธัตถะ" แค่นั้น ไม่ใช่ว่าผมหลงยึดพระพุทธเ้จ้าถึงขนาดตัดใจไม่ได้ว่าท่านนิพพานแล้ว แต่ผมกำลังพูดเรื่องจริงที่ "คนที่ยึดติดสังขาร" ก็ไม่เข้าใจ เพราะไปยึดติดสังขารตัวตนพระพุทธเจ้าที่เหลือแต่พระธาตุไปแล้วนั้นแทนที่จะเข้าใจถึง "พระธรรมกาย" ของพระพุทธเจ้า ที่ยังไม่ได้นิพพาน ยังคงดำรงคงอยู่ และคงทำกิจของพระองค์ต่อไปจนถึงห้าพันปี แล้วจึงจะทรงกระทำ "พระธาตุนิพพาน" โดยรวมเอาพระธาตุที่เหลือทั้งหมด ประกอบขึ้นเป็นองค์แสดงปาฏิหาริย์ให้เทวดาเห็น จึงค่อยทำสิ่งที่เีรียกว่า พระธาตุนิพพาน อันเป็นการนิพพานครั้งสุดท้าย (การดับขันธปรินิพพานเป็นการนิพพานเฉพาะขันธ์ห้าเป็นการนิพพานบางส่วน ไม่ใช่การนิพพานทั้งหมด) ดังนั้น "พระพุทธเจ้า" จึงยังอยู่ในแบบที่ "เหนือสังขาร, เหนือขันธ์ห้า, เหนือสามภพ" ฯลฯ แล้ว และยังคงทำกิจโปรดสัตว์อยู่เนืองๆ แต่ด้วยปวงสัตว์มีจิตไม่ละเอียดพอที่จะสัมผัสรับรู้ได้ถึงการมีพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า ที่ดำรงอยู่เพื่อทำกิจโปรดสัตว์ (ไม่ใช่เอาตำราไตรปิฎกมาใช้แทน ระบบการเรียนรู้จากตำรานี้ ไม่เคยมีในพระพุทธศาสนาในช่วงที่พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่เป็นระบบจากนิกายเซนของพระมหากัสสปะ คิดสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง โดยไม่ได้รับพุทธานุญาติใดๆ ก่อนทั้งสิ้น) ด้วยเหตุนั้น จึงต้องมีการ "เชื่อมประสานกับตัวตนที่ปวงสัตว์ทั้งหลายสามารถเข้าถึงได้" เช่น ลูซิเฟอร์ซึ่งมีพลังฝืนกรรม, ฝืนธรรมชาติทำให้ศาสนาำพุทธอยู่เลยเกินมาได้กว่าบุญกรรมเดิม ทั้งลูซิเฟอร์ยังกินผลแอปเปิ้ลแห่งการหยั่งรู้ไปเืพื่อให้ทำหน้าที่เป็น "ตัวตนสัพพัญญู" รู้ได้ทุกอย่าง ให้ปวงสัตว์ทั้งหลายเข้ามาเกี่ยวพันกับตน ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงใช้พระธรรมกายโปรดในภายหลัง ตัวตนที่สว่างไสว (พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า) และตัวตนที่มืดมิด (ลูซิเฟอร์) ทำกิจร่วมกันเช่นนี้ เพื่อโปรดสัตว์ นี่คือการดำรงอยู่เกินอายุขัยของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง


ทว่า บัดนี้ทาง "จักรวาล" ได้แจ้งมาแล้วว่า "ถึงเวลาเปลี่ยนพลังงานเก่าเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่" นั่นหมายความว่า "ลูซิเฟอร์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้อยู่ในพลังงานเก่า" จะต้องถูกเปลี่ยนไปด้วย อีกทั้ง บนโลกนี้ยังมีผู้ที่มี "สัำพพัญญูญาณ" อยู่ ไม่ใช่เพียงแ่ต่ลูซิเฟอร์เท่านั้น เช่น เทพโอดิน ผู้ได้ญาณหยั่งรู้ทุกสิ่งมาได้ด้วยการยอมสละดวงตาของตนกับการได้ดื่มน้ำศักดิสิทธิ์แห่งการหยั่งรู้ และได้ยอมแขวนตัวเองกับต้นอิกดาซิลเพื่อญาณหยั่งรู้นี้ (ในขณะที่ลูซิเฟอร์ใช้วิธีแอบขโมยกินไม่ใช่การแลกเพื่อให้ได้สัพพัญญูญาณ) ซึ่งท่านจะเห็นความคล้ายคลึุงกันของเทพโอดินและพระเยซูด้วยอย่างหนึ่ง คือ พระเยซูก็ถูกตรึงกางเขนทั้งยังถูกหอกแทง ส่วนเทพโอดินก็ห้อยตัวเองแขวนกับต้นอิกดราซิลและยังถูกหอกแทงจนตาย แล้วจึงฟื้นคืนชีพมาใหม่ เหมือนกันจริงๆ การที่เราจะใช้พลังของลูซิเฟอร์ต่อไป เพื่อให้ได้มีผู้รู้ทุกสิ่งในโลกนี้ ทำกิจต่อไป มันก็มีด้านที่ไม่ดี ข้่อเสีย บางประการ สำคัญที่สุดก็คือ คนที่ได้อำนาจนานๆ มักมีข้อเสียเพราะหลงในอำนาจนั้น สุดท้ายจึงต้องมีการเปลี่ยนมือกันบ้าง ก็เท่านั้นเอง ระบบของสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น โลกจะตกอยู่ในมือของลูซิเฟอร์ไปตลอด แทนที่จะช่วยให้ปวงสัตว์ได้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร จะกลายเป็นไม่ได้ผุดได้เกิด แต่ต้องแอบซ่อนอยู่ในภพมืดไปตลอดกาล นั่นแหละ คือ สาเหตุว่าทำไม จะต้องมีการ "ปรับเปลี่ยนพลังงานใหม่" และผู้ที่มาดำเนินการครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครเลย แต่เป็น "จักรวาล" ผู้เป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร ไม่ได้รักใครมากกว่า


สุดท้ายนี้ อยากให้ดู "เทพธอร์" ว่ามีความคล้ายคลึงกับ เทพซูส ด้วย หลายประการ เช่น การเป็นเทพแห่งท้องฟ้า หรือแสงสว่างบนท้องฟ้าเหมือนกัน การเป็นอธิบดีผู้เป็นใหญ่ในหมู่เทพทั้งหลาย เหมือนๆ กัน ทำให้สงสัยว่าทำไม ความเชื่อในดินแดนที่แตกต่างกันของมุมโลกในยุคที่คนยังเดินเท้าอยู่ ไปมาหาสู่กันได้ลำบาก ยากที่จะสื่อสารหรือใช้การก้อปปี้ตามๆ กันได้เหมือนในยุคนี้ ทำไมจึงมีความเื่ชื่อที่คล้ายคลึงกันได้ ไม่เว้นแม้แต่ประวัติของพระเยซู็ก็มีความคล้ายคลึงกันด้วย ?? เอาละ เรื่องราววันนี้ ดูหนักไปนิดหนึ่งนะเด็กๆ อย่าคิดมาก นึกว่าฟังนิทานอาหรับราตรีไปก็แล้วกัน ฟังนิทานจบแล้วก็กินนม นอนตามเคย นอนหลับฝันดี ตื่นเช้ามาหน้าจะผ่องใส ไม่แก่ง่าย ราตรีสวัสดิ์ครับ!



6 ความคิดเห็น:

  1. แบบพลังงานเก่าคือ ลูซิเฟอร์เป็นเทพที่ถูกลงทัณฑ์
    ก็หนีมาอยู่โลก จึงกลายเป็นภาคมืด อยู่ภา่คพื้นโลก
    ระบบเก่าจึงมี "ภาคมืด-ภาคสว่าง, พระเจ้า-ซาตาน"


    แบบพลังงานใหม่ อาจจะเป็น "ธอร์" ที่เคยเป็นเทพ
    แต่ทำผิดแล้วถูกลงโทษให้เป็นมนุษย์ อยู่ภาคพื้น
    โลก เพื่อทำกิจบางอย่าง แต่จะมี "พระบิดา" ผู้มี
    ญาณหยั่งรู้ทุกอย่าง คอยบอกอีกที

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มีคนเอาขนมที่เซ่นไหว้เจ้าที่แล้วเอามาให้กินด้วยอ่ะ กินดีมั๊ยยย แนน๊น๊น๊าาาาาาาา :)

      ลบ
  2. เทพธอร์ คือ "รามสูร" ในตำราไทยและฮินดูใช่ป่ะ

    และเ็ป็นคนที่มีบุคลิกแบบขวานผ่าซากด้วยใ่ช่ป่ะ

    ตอบลบ
  3. เทพธอร์กับเทพซุสมีอะไรที่คล้ายคลึงกันอยู่ แล้วมีอะไรบ้างล่ะที่แตกต่างกัน

    ตอบลบ
  4. เอาอีกแล้ว จะจบแบบสวยๆ ไม่ได้บ้างเลยรึไง ช๊ออบบบจัง จบแบบพระเอกตกม้าตายตอนจบเนี่ย เฮ้ออ............

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน