วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

แปรเปลี่ยนพลังมารและอุปสรรคขัดขวาง ให้กลายเป็น "ความเหนือชั้นกว่า" ได้อย่างไร?

เอ้า บทความนี้เหมาะกับคนที่มักพบกับอุปสรรคมากๆ หรือมีมารขวาง มากๆ นะครับ เพราะมันคือ "เคล็ด (ไม่) ลับ" และเทคนิกที่จะจัดการกับอุปสรรคขัดขวางและมารที่เข้ามารุมก่อกวนทั้งหลาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นอะไรเลย มันเป็น "เคล็ดลับสั้นๆ เอง" ที่ไม่ต้องท่องจำอะไร แต่เพียงปรับมุมมอง, ทัศนคติของท่านที่มีต่อมารหรืออุปสรรคที่เข้ามาขัดขวางท่านทั้งหลาย ก็เท่านั้นเอง ซึ่งผมจะได้อธิบายดังต่อไปนี้


อย่างแรก ผมอยากจะบอกอย่างหนึ่งว่า "ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ มันไม่มีอะไรผิดหรือถูก?" ในเมื่อมันถูกสร้างขึ้นมา มันก็ต้องมีหน้าที่ของมันครับ แม้แต่ศัตรูของเรา ก็ดี, มารร้ายที่ก่อกวนเรา ก็ดี ทุกอย่างล้วนมีหน้าที่ของมันทั้งสิ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นไปเืพื่อคานสมดุลให้เราหรือว่าเพื่อภาพรวมของทั้งหมดทั้งมวล ก็ดี ดังนั้น เราจึงควรเข้าใจ "พลังที่ตรงข้ามกับเรา" ครับ เพื่อให้เราเล่นเกมนี้ได้อย่างดีที่สุด ได้ผลคุ้มค่า ที่สุด เราต้องรู้จักใช้พลังทุกอย่าง ทั้งพลังของเราเอง และพลังของฝ่ายตรงข้ามด้วยครับ โดยเฉพาะพลังของภาคมารและอุปสรรคต่างๆ


อย่างที่สอง ผมอยากจะบอกว่าเราจะพลาดท่าทันทีถ้าเราหลงกลพลังฝ่ายตรงข้ามทั้งหลาย เช่น ฝ่ายมาร, ฝ่ายศัตรู ฯลฯ ถ้าถูกเขาครอบงำได้ เราก็จะเสียเวลาและอะไรต่อมิอะไรไปให้ฝ่ายตรงข้ามมากมาย นี่ทุกคนทราบดีนะครับ แต่ถ้าเราต่อต้านหรือขัดขืนอย่างไม่ถูกทาง มันก็จะทำให้เราสูญเสียอีกอย่างหนึ่งได้เช่นกัน สรุป มันจึงไม่ใช่ทั้งการยอมคล้อยตามไปเพราะความหลงหรือยอมเขาเสียหมด และก็ไม่ใช่การขัดขืนอย่างไม่ถูกทางนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ภาคมารอาจมาในรูป "หญิงงาม" พัวพันเราให้เราหลงงมงายอยู่ด้วยนานๆ จนเสียงานเสียการ ถ้าเราหลงเขาเข้า เราอาจเสียงานเสียการไปเลย แต่ถ้าเราเก่งมากไป เล่นงานเขาได้หมด เราอาจเสียอีกอย่างหนึ่งก็ได้ นั่นคือ บางทีบริวารของเรา อาจกำลังบำเพ็ญบารมีตามเรามา เขากำลังจะมีฐานะเป็นบริวารเราได้แล้ว แต่ถ้าเราทำงานสำเร็จ บารมีเราก็เพิ่มขึ้นไปอีก เขาก็จะตามเราไม่ทัน อดเลย คือ เขาก็อดไม่ได้เป็นบริวารเรา เราก็อดไม่ได้เขาเ็ป็นบริวาร (แต่บารมีเราสูงขึ้น อาจได้เจอบริวารที่ดีกว่าในภายภาคหน้า ซึ่งอาจทำให้เราต้องรอไปอีกเช่นกัน) เห็นไหมครับ บางที การกระทำของภาคมาร, อุปสรรคขัดขวางต่างๆ ฯลฯ อาจมีหน้าที่ของมันเอง ทุกครั้งที่มีอุปสรรคขัดขวาง มันคือ "โอกาสทองที่ยิ่งใหญ่ที่เราจะสำรวจหน้าที่หรือสิ่งดีๆ ที่เราหลงลืม" นะครับ ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปแล้วนั้น ดังนั้น ถ้า่เรามีปัญญาจริง เราอาจจะดูเหมือนมีกิเลสและลุ่มหลงนางมารตามปกติ เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง แต่พอถึงวาระโอกาสปั๊บ เราก็หายหลงปุ๊บทันที เพราะไม่ยึดไงครับ เราก็จะทำงานที่ควรทำได้ทันที ซึ่งถ้าทำเร็วกว่านั้น มันอาจจะเร็วเกินไปจนคนทั่วไปรับไม่ไ่ด้ บริวารตามไม่ทัน, คิดไม่ทัน, ปรับตัวไม่ทัน ฯลฯ ก็ ได้ครับ ดังนั้น ไม่ต้องยึดว่าต้องถูกตลอด, บริสุทธิ์ตลอด, ไร้กิเลสอยู่ตลอด, ดีงามตลอด ฯลฯ ก็ได้ครับ นั่นไม่มีปัญญาแล้ว ทำไมกล่าวว่าไม่มีปัญญาหรือครับ? เพราะไม่มีปัญญาที่จะเข้าใจในหน้าที่ของความหลง-กิเลส ฯลฯ ไงละครับ มันก็เข้าใจได้ครึ่งเดียว เหมือนมีสีขาวอยู่ครึ่งเดียว นั่นแหละ ทีนี้ พอเข้าใจ "ทางสายกลาง" ในแบบของผมนะ


เอาละ ทุกครั้งที่มีมารมาขวางหรืออุปสรรคขวางทางมากมาย ก็ให้มีสติตื่นขึ้นฉุกคิดให้ได้ว่า "ทำไมธรรมชาติส่งพวกเขามาขวางทางเรา" ถ้าคิดได้ ปัญญาสว่างไสว ก็จะเข้าใจทุกอย่างโดยรอบ ไม่ใช่เข้าใจแต่มุมมองของเรา เรื่องของเรา ตัวเราของเรา ที่คิดจะทำอยู่แต่แค่นั้น บางทีผู้มีปัญญาก็เหมือนหลงๆ ไปกับธรรมชาติ, กิเลส, อวิชชา บ้าง แต่มันไม่ใช่ความหลงจริงๆ มันเป็นแค่ "ความไม่ยึดว่าต้องไม่หลง" ก็เลยทำให้คนทั่วไปคิดว่า "เขาหลง" ก็เท่านั้นเอง เอาง่ายๆ เลยผมจะให้สูตรง่ายๆ เป็นตัวอย่างเอาไว้ก็ได้ ถ้าเจอพญามารฯ มาขวาง ก็ให้ทราบว่า "บริวารตามท่านไม่ทัน ให้รอบริวารด้วย" ถ้าเจอมารเทวทัตมาขวาง ก็ให้ทราบว่า "การฝึกฝนของท่านยังไม่สมบูรณ์ ยังต้องฝึกตัวเองต่ออีก" แต่ัทั้งหมดทั้งมวลนี้ "เราไม่จำเป็นต้องเชื่อมาร ให้เราใช้ปัญญาของเราเอง ส่องทางให้ตัวเอง คิดเองว่างั้นเหอะ เพราะสิ่งนี้ มารไม่อาจบอกเราได้ ไม่ใช่เรื่องของมาร มันเป็นเรื่องของเรา ไงละครับ มารจึงไม่ใช่ที่พึ่ง ไม่ใช่เทวทูตมาบอกเรื่องอันควรเชื่อตาม แต่เป็นเทวดาที่เป็นตัวแทนของอะไรบางอย่าง ให้เราฉุกคิดด้วยตัวเอง ในขณะที่เทพหรือเทวทูตจะบอกเราตรงๆ ไม่ใช่วิธีแบบมารนะครับ (ถ้าเจอมาร ให้เราคิดเอง ถ้าเจอเทวทูต เราจึงค่อยเชื่อถือได้ครับ)


เอาละ ถ้าท่านไหนยังมีความคิดหรือทัศนคติเชิงลบกับภาคมาร ก็ดี, ศัตรูของท่านก็ดี ให้ท่านทราบไว้ ณ ที่นี้่ หลังอ่านบทความของผมเลยนะครับว่า "เลิกได้แล้ว ความคิดเก่าๆ แบบนั้น เชยมาก" ลองดู แนวคิดของผมละกัน ใหม่ล่าสุด เอาไปทดลองดู ว่าแต่ "นายแน่อ่ะป่าวอ่ะ" กล้าลองอ่ะป่าว โด่เอ้ย ไม่แน่จริงอ่ะดิ ชอบทำอะไรเดิมๆ เชยจะตายชัก โฮ่ๆๆ เดี๋ยวนี้มันต้่องลองอะไรใหม่ๆ แผลงๆ กันได้แล้ว นะ บักหำน้อยเอ้ย สิบอกไห่ ฮ่าๆๆ ขำๆ ก่อนนอนนะครับ เอาละ ถึงเวลานอนของเด็กๆ กันแล้ว หมดเวลาเม้าท์ของผมเสียที ราตรีสวัสดิ์นะครับ 



8 ความคิดเห็น:

  1. เมื่อไหร่จะมีเงินใช้

    ตอบลบ
  2. เป็นแค่มายาภาพกับความรู้สึก ทำไมไม่เป็นคน เป็นเนื้อหนังจริงๆล่ะ

    ตอบลบ
  3. เรื่องมันก็ทียังงี้นะครับ
    "นานแสนนานแล้ว กาลครั้งหนึ่ง บนดาวเคราะหืที่มีชื่อว่า "ดาวเบจิต้า" มีสิ่งมีชีวิต 2 เผ่าพันธ์ อยู่ที่นั่น ชาวไซย่าก็เหมือนญาติๆกับชาวซีฟูล คือ ชาวไซย่ากับชาวซีฟูล ดาวเคราะหืเบจิต้าน่ะเป็นดาวที่มีแรงโน้มถ่วงมากถึง 10 เท่า!!!
    แต่ทว่าคนที่อยู่บนดาวดวงเนี่ย สาวนใหญ่เป็นชาวซีฟูล ถึงร่างกายของพวกเขาจะเล็กกว่าชาวไซย่ามากก้ตามแต่ก้เป็นเผ่าพันธ์ที่มีวิทยาการก้าวไกลล้ำยุคเลย อีกด้านก็เป็นฟากของชาวไซย่าดาวนักเลงนี่ไง แม้ว่าจะมีจำนวนน้อยกว่ามากก็จริงนะ
    แต่ก็มีร่างกายอันกำยำคือสมองน้อยแต่ร่างกายแข็งแรงแต่ยังเป็นเผ่าพันธ์ที่มีพรสวรรค์ทางการต่อสู้นะจริงๆ ตีต่อยเก่ง ชาวไซย่ามีหางทุกคนมาตั้งแต่เกิดอ่ะ และชาวไวย่าทุกคนเนี่ยเขาจะต้องเป้นนักรบครั้งหนึ่งนักรบพวกนั้นมันเหิมเกริมไง

    ตอบลบ
  4. และเข้าโจมตีรุกรานชาวซีฟูล ชาวซีฟูลต้องการต่อสู้และต้องการปกป้องตนเองจึงได้จับอาวุธขึ้นต่อสุ้ แต่ทว่าพวกชาวไซย่ามันแข็งแกร่งเกินไป อาวุธของพวกชาวซีฟูลไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลยแม้แต่น้อยนิดกะจิดริดกะจ๊อยร่อย
    และมันก้เป้นไปตามแผนที่วางไว้ตอนแรกเป๊ะเดีะเชะเดะเลย พระจันทร์ของดาวเบจิต้าที่จะเต็มดวงทุกๆ 8 ปี ก้ปรากฏขึ้น เมื่อชาวไซย่ามองดูพระจันทร์เต็มดวงก็กลายร่างเป็นลิงยักษ์ทันทีเลย ด้วยเหตุการณ์นั่นนะถือเป็นโศฎนาตกรรม
    ที่ทำให้เกิดการสูญเสียแต่ชาวซีฟูลมากที่สุดเลยเชียว หลังจากนั้นวิทยาการของชาวซีฟูลก้ได้ลุคหน้าขึ้นในขณะที่พวกชาวไซย่าเองก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเหมือนกันและในที่สุด ดาวเบจิต้าก้ถุกทำลายจนมหดสิ้น จากนั้นพวกชาวไซย่าก้เริ่มที่จะต้องการออกไปสู้ในอวกาสอีก

    ตอบลบ
  5. และมันก้เป้นไปตามแผนที่วางไว้ตอนแรกเป๊ะเดีะเชะเดะเลย พระจันทร์ของดาวเบจิต้าที่จะเต็มดวงทุกๆ 8 ปี ก้ปรากฏขึ้น เมื่อชาวไซย่ามองดูพระจันทร์เต็มดวงก็กลายร่างเป็นลิงยักษ์ทันทีเลย ด้วยเหตุการณ์นั่นนะถือเป็นโศฎนาตกรรม
    ที่ทำให้เกิดการสูญเสียแต่ชาวซีฟูลมากที่สุดเลยเชียว หลังจากนั้นวิทยาการของชาวซีฟูลก้ได้ลุคหน้าขึ้นในขณะที่พวกชาวไซย่าเองก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเหมือนกันและในที่สุด ดาวเบจิต้าก้ถุกทำลายจนมหดสิ้น จากนั้นพวกชาวไซย่าก้เริ่มที่จะต้องการออกไปสู้ในอวกาสอีก

    ตอบลบ
  6. แต่ทว่าจำนวนของชาวซีฟูลน้อยนิดไปและแต่ว่าวิทยาการของชาวซฟูลกลับลุคหน้าไปมากกว่าจำนวนคนไง ถึงพวกชาวไซย่าจะต้องการต่อสุ้ในอวกาศแต่ว่าพวกนั้นก้รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่สามารถออกไปสู่อวกาสได้ไง
    พวกมันก้เลยหันมาจับมือกับพวกซีฟูลที่มีวิทยาการล้ำยุคทำสัญญาเพื่อขอแลกวิทยากรต่างๆและก้เงิน กับการแบ่งให้ครอบครองดาวเคราะหืที่พวกมันหามาได้ด้วย สำหรับพวกที่ชอบต่อสู้ เกเรนักเลงอย่างชาวไซย่าเนี่ย

    ตอบลบ
  7. ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว พวกชาวไซย่าเริ่มส่งทหารของตนออกไป แม้เด้กอย่างโงกุนยังถูกส่งตัวออกมายังดาวอื่นเช่นเดียวกันเลย พวกมันน่ะต้องการให้เด็กที่ส่งไปน่ะจัดการกับประชากรดาวนั้นๆเมื่อโตขึ้น
    พวกมันตั้งใจจะให้เด้กต่อสู้ตั้งแต่เกิดเลยใช้แรงงานเด้กแย่ แมแต่พระเจ้าพวกมันยังไม่ละเว้นเลย เลวมากสมกับเป็นชาวไซย่าเลย เลวมากๆเลย แต่ในที่สุดกรรมก็ตามทัน ดาวเบจิต้าพวกมันน่ะ ถุกโจมตีด้วยมนุษย์ดาวอื่นที่ต้องการความเป็นไท
    ดาวของพวกมันก้เลยระเบิดและพวกมันก้แทบจะสูญพันธ์เลย"
    ช่วยจัดการต่อให้ด้วยนะครับบบบ

    ตอบลบ
  8. โอเค เอาเท่าที่พอได้นะ

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน