วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ตัดต่อพันธุกรรมต่างดาวให้ก้าวล้ำ ด้วย "พลังไกอา"!

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับวันพุธกลางสัปดาห์ที่บางคนอาจเริ่มล้ากับการทำงาน อย่าลืมหาอะไรกระตุ้นพลังให้ไปต่อได้อย่างสนุกต่อไปละ แต่หวังว่ามันคงไม่ใช่ยากระตุ้นกำลังนะครับ เอาละมาเข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้เป็นเรื่องของการตัดต่อพันธุกรรมในระดับพลังงาน ซึ่งพลังของไกอาเข้ามาเกี่ยวข้องกับพลังของมนุษย์ต่างดาวด้วย เพื่ออะไร? ทำไมจึงต้องทำเช่นนั้น? เอาละ ลองดูในรายละเอียดกันดีกว่าครับ


อย่างแรกที่อยากให้ท่านเข้าใจก่อนคือ "พลังต่างดาว" ที่มาสู่โลกนั้น ก็ล้วนต้อง "ปรับตัวเข้ากับโลก" ทั้งสิ้นและมีสองอย่างที่เป็นไปได้ คือ  ๑. ปรับตัวได้ดี ๒. ปรับตัวไม่ไ่ด้ ส่วนหลังที่ปรับตัวไม่ไ่ด้ มีสองแบบคือ

๑. ถูกโลกขจัดทิ้งไป คือ เมื่อปรับตัวไม่ได้แล้ว ก็จะอ่อนแอลง และจะตายไปเอง ซึ่งพันธุกรรมต่างดาวที่เข้ามาจำนวนมาก ก็มีสภาพเช่นนี้

๒. กำจัดโลกและสิ่งอื่น คือ เมื่อมีกำลังแก่กล้า แข็งแรงกว่าโลก ก็อาจกลายเป็นผู้รุกรานโลก ทำลายโลกหรือสัตว์โลกที่อยู่มาก่อนได้ครับ

แบบที่หนึ่งนี่ไม่มีปัญหา เป็นไปตามหลัก "คัดเลือกโดยธรรมชาติ" นะครับ แต่แบบที่ ๒ นี่สิ ที่เป็นปัญหา คือ จะส่งผลกระทบต่อโลกหรือสิ่งมีชีวิตในโลกได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารหรือระบบนิเวศได้ ซึ่งแบบที่ ๒ นี้ จะต้องเป็นกลุ่มที่มีพลังไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เช่น ดาวมฤตยู พวกนี้ มีพลังแก่กล้า และสามารถอยู่บนโลกได้โดยการรุกรานสัตว์โลก หรือแม้แต่ชาวไซย่าร์เอง ก็อาจจะกลายเป็น "ผู้รุกรานโลก" ได้เช่นกัน ในช่วงแรกๆ ดังนั้น การปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาอยู่ร่วมกับสัตว์โลกและโลกนี้ได้ดี


อย่างที่สองที่เราควรเข้าใจคือ แล้วทำอย่างไรละ เหล่าชาวต่างดาวจึงจะปรับตัวเข้ากับโลกและสัตว์โลกได้ดี? ก็มีวิธีที่ง่าย ลัดสั้น อยู่ครับ คือ การตัดต่อพันธุกรรมในระดับมิติพลังงาน ซึ่งเมื่อเกิดการตัดต่อในระดับมิติพลังงานแล้ว จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับวัตถุสสารเองในลำดับต่อไป ซึ่งในขั้นตอนแรก คือ การตัดต่อพันธุกรรมในระดับพลังงานนี้ จะใช้ "พลังไกอา" เป็นตัวช่วยที่สำคัญที่สุดครับเพราะเมื่อชาวต่างดาวได้รับพลังไกอาแล้ว เขาก็จะมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับโลก มีมุมมอง และแนวคิดแบบชาวโลกหรือสัตว์โลกไ้ด้เลย อย่างง่ายดาย อุปมาง่ายๆ ก็เหมือนกับ "โงกุนตอนที่ถูกตัดหาง" อะไรอย่างนั้น แต่ถ้าชาวต่างดาวนั้นไม่ได้รับพลังไกอา หรือไม่อาจปรับตัวเข้ากับโลกได้แล้วก็จะนำปัญหามาสู่โลกได้มากทีเดียวครับ อย่างแรกคือ พวกเขาอาจไม่ทำงาน ทำงานแบบมนุษย์โลกไม่เป็นแล้วแก่งแย่งทรัพยากรของสัตว์โลกไปเฉยเลย เหมือนกับสัตว์ในป่าที่แย่งอาหารกันอะไรแบบนั้นน่ะครับ และจะกลายเป็นปัญหาของโลกได้อย่างยิ่งนะครับ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปครับ เพราะชาวต่างดาวที่เข้าข่ายแข็งแรงและอยู่เหนือโลกได้แบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีมากครับ เป็นส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนมากของชาวต่างดาวจะอ่อนแอและปรับตัวเข้ากับโลกได้ยาก จึงจำเป็นที่จะต้องพึ่งพามนุษย์ และแลกเปลี่ยนอะไรกับพวกมนุษย์ เช่น การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีขั้นสูงกับการได้รับความช่วยเหลือจากชาวโลกบางกลุ่ม เป็นต้น เอายกตัวอย่างง่ายๆ เลย เทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรมนั้น คุณก็รู้ว่าโลก เรียนรู้ตามหลักวิวัฒนาการของชาล ดาร์วิน คือ พันธุกรรมจะพัฒนาไปตามการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมแต่ทำไมจึงมีคนคิดได้ว่า ใช้รังสีบางประเภททำให้เกิดการกลายพันธุ์ หรือการพัฒนาสายพันธุ์จากการใช้รังสีตัดต่อพันธุกรรมได้? อันนี้ มันไม่ใช่เทคโนโลยีหรือความรู้ที่มีอยู่เดิมของโลกเลยนะครับ เห็นไหมละว่าเทคโนโลยีบางอย่าง "มันมาจากไหน?" ไม่มีของโลกเก่าเดิมเป็นรากฐานให้มัน แต่มันมาได้ยังไง? เอาละ นี่เป็นแค่ตัวอย่างสมมุติเท่านั้น ก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปไกลเกินไป เดี๋ยวจบไม่ลงครับ


เอาละ เม้าท์เรื่องของการตัดต่อพันธุกรรมในระดับพลังงานโดยใช้พลังไกอามาช่วยให้ชาวต่างดาว ปรับตัวเข้ากับโลกได้มากขึ้น มาพอควรแล้ว คงเกิดความสงสัยว่าแล้วทำอย่างไรละ? ใช่ไหม? เอาเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเราที่จะกระทำครับ เป็นเรื่องของผู้ที่อยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปจะทำกับเราเอง ถ้าเราสมควรจะได้รับมัน และเมื่อเราได้รับแล้ว เราก็อาจมีวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น อาจจะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายมากขึ้น เหมือนคนโบราณมากขึ้น จากที่เคยอยู่เหมือนคนเมือง ก็อาจกลายเป็นต้องอยู่เหมือนฤษีบ้าง, เกษตรกรบ้าง, ชาวป่าบ้าง, ชาวเลบ้าง ฯลฯ สำหรับท่านที่ได้รับการจัดสรรแล้ว อย่างเป็นไปทีละน้อย ก็อาจจะยังไม่ถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตทั้งหมด มันจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเพียงบางส่วนครับ ก็มีบ้าง บางคนที่ได้รับการจัดสรรแบบเต็มๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนอีกคนเลยก็มี คือ เหมือนกำเนิดใหม่เลย นั่นแหละ ก็อย่าตกใจไปครับ ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นกับใครหรือคุณ โดยหาเหตุผลอธิบายได้ยาก หรือไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็ตั้งสติไว้ และยอมรับมันว่าถึงวาระของคุณแล้วที่จะได้รับพลังของไกอา เืพื่อเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าสู่โลกให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้นเอง อย่าคิดมาก วันนี้ ขอจบบทความลงเพียงเท่านี้ก่อนครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ




4 ความคิดเห็น:

  1. ชาวดาวมฤตยูกับพวกโรคจิตนี่เป็นพวกเดีียวกันใช่ป่ะ

    ตอบลบ
  2. เมื่อไหร่เรื่องชาวไซย่าแบบดราก้อนบอลจะมาเหรอครับ ขอแค่ชื่อดาวหรือว่า ชื่อชาวอะไรก็ได้ครับ พลังงานของพวกเขาถ้ามีจริง มันจะสุดยอดมากมายครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ก็ได้ข้อมูลแ่ค่นิดหน่อยเอง เดี๋ยวนี้เหนื่อยไม่ค่อยได้รับข้อมูลมากๆ แล้ว แต่คิดว่าพอดีนะ ไม่มากเกินไปสำหรับท่านอื่นๆ จะได้ค่อยๆ ไปได้ด้วยครับ

      ลบ
  3. นักวิทย์เผยมนุษย์กลายพันธุ์ได้ทุกคน
    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์เผย มนุษย์ทุกคนมียีนกลายพันธุ์ในตัวเองเป็นปกติ ทำให้เรื่องการกลายพันธุ์ของตัวละครจากภาพยนตร์ดัง X-Men กลายเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน

    โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และสถาบันวิจัยอีก 2 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา ได้ร่วมกันทำการทดลองเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของมนุษย์ ซึ่งผลการทดลองได้สร้างความตกตะลึงในวงการวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เมื่อพบว่า มนุษย์ทุกคนมีลักษณะการกลายพันธุ์อยู่ในตัวเองประมาณ 60 ลักษณะในยีนทั้งหมด โดยไม่ต้องได้รับการถ่ายทอดจากพ่อหรือแม่เลย ซึ่งส่งผลให้มนุษย์ อาจมีลักษณะทางร่างกาย และพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากบรรพบุรุษ หรือที่เรียกว่าการผ่าเหล่าได้ทุกคน โดยการกลายพันธุ์นี้จะสามารถกลายพันธุ์ได้ทั้งในเซลล์ไข่และเซลล์สเปิร์มตั้งแต่ยังไม่มีการปฎิสนธิ และอาจเกิดขึ้นระหว่างการปฏิสนธิก็ได้ หรือบางคนอาจจะมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นหลังจากเกิดเลยก็เป็นได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษายีนจากครอบครัว 2 ครอบครัว เพื่อที่จะสืบหาว่า มนุษย์มีการกลายพันธุ์มากน้อยเพียงใด พบว่า ทารกจากครอบครัวแรกนั้นมียีนกลายพันธุ์ที่ได้รับจากพ่อถึง 92% ขณะที่ทารกจากอีกครอบครัวหนึ่งได้รับเพียง 36% เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในบางครอบครัว ทารกก็ได้รับยีนกลายพันธุ์มาจากแม่เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่อีกครอบครัวก็ได้รับมาจากพ่อมากกว่า

    ทั้งนี้ ผลการทดลองดังกล่าว ถือเป็นการค้นพบครั้งใหม่ที่หักล้างทฤษฎีแบบเดิม ๆ ที่ว่า ลักษณะการกลายพันธุ์ของมนุษย์แต่ละคน ล้วนได้รับมาจากพ่อและแม่เท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว ลักษณะทางพันธุกรรมสามารถกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา ดังนั้น คงไม่แปลกหากจะบอกว่า หากลักษณะการกลายพันธุ์เหล่านี้แสดงออกมาทางร่างกายชัดเจนเมื่อไหร่ การเป็นมนุษย์กลายพันธุ์อย่าง X-Men ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกคนเลยทีเดียว

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน