วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

พระนิตยโพธิสัตว์ที่กรรมมากบารมีน้อยจะมาก่อน คนใจง่ายจะได้ของไม่ดี

เดี๋ยวนี้เราจะเห็นคำว่า "นายใครนายมัน" เยอะขึ้นในสังคมไทยและสังคมโลกนะครับ สังคมจะไม่ได้รวมศูนย์เหมือนเก่าก่อน แต่จะถูกจัดแบ่งออกไปเป็นกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มสายบุญก็จะมีพระนิตยโพธิสัตว์อยู่ เพื่อนำพาปวงสัตว์ให้ถึงซึ่งพระนิพพาน และในยุคนี้นั้น ก็มีพระนิตยโพธิสัตว์ลงมาเกิดเยอะครับ ให้เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย "ได้เลือกตามใจชอบ" รักใครชอบใคร ก็เลือกกันได้เต็มที่ครับ เลือกแล้วอย่าเสียใจในภายหลัง มันเปลี่ยนยากแล้วครับ ประเมิณกำลังของตัวเองให้ดี แล้วก็เลือกไปตามเหมาะสมกับกำลังของตนครับ เอาละ มาเข้าเรื่องของเราในวันนี้ดีกว่าคือ เรื่องพระนิตยโพธิสัตว์ที่จะปรากฏกายให้สาธารณชนได้รู้จัก, ได้เลือกกัน ซึ่งจะมีลำดับเรียงกันอย่างไร ลองอ่านดูนะครับ


อย่างแรกต้องบอกว่านี่ไม่ใช่คำทำนายนะครับ แต่เป็นข้อมูลที่ผมได้รับมาจากต่างมิติ สั้นๆ ก็คือ พระโพธิืสัตว์มากมายจะลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีกันในชาตินี้ ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไปง่ายๆ ครับ เพราะเป็นช่วงเวลาทองที่ดีที่สุด ในการสร้างบุญบารมีให้ได้มากๆ นั่นเอง ดังนั้น จึงลงมาหมดครับ ไม่เว้นแม้แต่พระศรีอาร์ฯ ก็ต้องลงมาทำกิจครับ แหม งานใหญ่งานช้างอย่างนี้ จะนั่งนอนอยู่บนวิมานตัวเองได้อย่างไร แต่ว่า ท่านมีบารมีเยอะ ก็เลยแบ่งส่วนเล็กๆ มาครับ ดังนั้น ท่านที่ถอดกายทิพย์ไปเจอท่านบนสวรรค์ ขอให้เข้าใจคำว่า "ตัวตนหลากมิติ ที่อยู่ในมิิติที่สูงขึ้น" นะครับ ถ้าเข้าใจตรงนี้่ได้ ไม่ยากแล้วละ คุยกันง่ายจะตายไป แต่ถ้าไม่ยอมเข้าใจตรงนี้ ก็อย่าศึกษาอะไรที่ลึกซึ้งไปเลยครับ เอาแบบอนุบาลท่อง "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" เท่านั้นแหละ ๓ คำ ไปก็พอครับ  เอาละ มาต่อว่า ท่านลำดับกันมาอย่างไร ก็คือ องค์ที่มีบารมีน้อยๆๆๆ และมีกรรมมากๆๆๆ ต้องเวียนว่ายตายเกิดไปอีกยาวๆๆๆ ท่านจะต้องมาก่อน มาทีหลังไม่ได้ เพราะอะไร? ง่ายๆ ครับ เป็นการกระจายปวงสัตว์ นั่นเอง สมมุติว่าถ้าทุกองค์ปรากฏโฉมออกมาพร้อมกันนะ องค์ที่กวาดเรียบไปหมดก็คือ พระศรีอาร์ฯ น่ะเอง ดังนั้น จะไม่เหลือปวงสัตว์เป็นบริวารให้แก่พระนิตยโพธิสัตว์องค์อื่นๆ เลย ดังนั้น จึงต้องให้องค์ที่แย่หน่อย บารมีน้อยหน่อย กรรมเยอะหน่อย มาก่อน ได้เด่นดังก่อน ส่วนองค์ที่เจ๋งๆ ไว้ทีหลัง เหมือนขายของแหละครับ ของดีๆ เราก็เอาไว้ก่อน ระบายของไม่ดี ให้หมดก่อน ไงละครับ พอเข้าใจหลักการนี้นะ


เอาละ มาดูโลกแห่งความเป็นจริงกันบ้าง มันจะมีคนที่ทำตัวเป็นผู้นำออกมาเยอะแหละครับ เพราะนั่นคือ หน้าที่ของการเป็นนิตยโพธิสัตว์ ทำให้เกิดภาวะที่ไม่มีการรวมศูนย์อำนาจได้เบ็ดเสร็จ อย่างเช่น มีทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง ฯลฯ ให้เลือก ให้เข้ากลุ่ม ครับ เลือกกันเลยครับ อยากเข้ากลุ่มของพระนิตยโพธิสัตว์องค์ไหน เลือกได้ตามสบาย ก็ดีทั้งนั้น ดีกันทุกคน ดีทุกองค์แหละครับ แล้วแต่ชอบครับ ทีนี้ ภัทรกัปหน้าที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมได้ให้คำทำนายไว้แก่พระนิตยโพธิสัตว์แล้ว ๒ องค์ ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภัทรกัปหน้า ก็ยังจะมีพระนิตยโพธิสัตว์บำเพ็ญได้อีก ๓ องค์ รวมเป็น ๕ องค์นะครับ โดยจะมีภาคแบ่งหนึ่งของพระศรีอาร์ฯ แบ่งไปบำเพ็ญเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมให้ภัทรกัปหน้าด้วย ไม่อย่างนั้นไม่ได้พระพุทธเจ้าครบ ๕ องค์ในภัทรกัปครับ กำลังของพระรามเจ้า ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมแล้ว จะนำพาพระนิตยโพธิสัตว์องค์น้องๆ ได้ไม่ึถึง ๕ องค์ ทำภัทรกัปไม่ไ่ด้ เลยจะต้องเอาภาคแบ่งหนึ่งของพระศรีอาร์ฯ ไปขึ้นเป็นองค์ปฐมอีกองค์ ขอเรียกเป็นชื่อเล่นว่า "องค์อัลฟ่า" ก็แล้วกัน (ส่วนพระศรีอาร์ฯ อีกองค์ คือองค์โอเมก้าจะตรัสรู้เ็ป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้) ส่วนอีกสององค์ ที่จะได้ร่วมในภัทรกัปด้วย ก็มี "เทพสำราญตือโป้ยก่าย" ติดโผมาเป็นองค์สุดท้ายปิดกัปด้วยครับ เป็นน้องสุดท้องในภัทรกัปหน้าก็เลยสร้างผลงานไว้ ไม่ดีเท่าไรนัก เช่น ในชาติที่เกิดเป็น "หยวนซือไข่" เป็นต้น


เอาละ แต่เนื่องจากพระนิตยโพธิสัตว์แต่ละองค์ จำจะต้องมีบริวารที่ผูกมัดใจกันเพื่อร่วมใจกันสร้างยุคสมัยและชาติที่ตนจะได้ตรัสรู้ครับ ดังนั้น เขาจึงต้องมาแรงแซงโค้งและโดดเด่น ได้อำนาจไปก่อนพระนิตยโพธสัตว์องค์แรกๆ ที่ดีๆ เป็นปกติและองค์ที่ดี เจ๋งๆ ก็ยังออกโรงไม่ได้ ต้องอดทนครับ "ขันติ" เข้าไว้ ถึงจะได้ภัทรกัป ได้น้องๆ ตามมาเป็นพระพุทธเจ้าร่วมกัน ครบห้าองค์นะครับ เลยต้องยอมให้ "น้องได้ไปก่อน" ส่วนพี่ก็รอรับทีหลัง ไม่งั้นก็จะกลายเป็น "พี่กวาดเรียบ" ได้คนเดียวทั้งกัป ทำให้ทั้งกัปมีพระพุทธเจ้าองค์เดียวไป ทำไงได้ละ จะสร้างภัทรกัปทั้งทีก็ต้องเหนื่อยยากกันหน่อย ไม่ใช่ของง่าย ไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ ดังนั้น ไม่แปลกเลยครับที่บางท่านจะได้รับสัญญาณทางต่างมิติว่าให้ "รอ" ถ้าท่านต้องการร่วมบุญบารมีกับพระนิตยโพธิสัตว์บางองค์ และจำต้องอดทนปล่อยให้พระนิตยโพธิสัตว์องค์อื่นๆ ได้มีอำนาจขึ้นมาก่อน ซึ่งอาจดูไม่ดีนัก เพราะพระนิตยโพธิสัตว์เหล่านั้นมีบารมียังไม่มาก มักจะทำเพียงเรื่องพื้นๆ ที่ไม่ต้องใช้ปัญญามาก เช่น การสร้างถาวรวัตถุ เป็นต้น ในขณะที่เรื่องกิจที่ยากกว่านั้น เช่น การขับเคลื่อนระบบกรรมให้ดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น อันจะช่วยในการขับดันให้ปวงสัตว์ตรงสู่นิพพานนั้น เป็นหน้าที่ของพระนิตยโพธิสัตว์องค์ที่มีบารมีมากกว่าขึ้นไป เป็นผู้กระทำ ดังนั้น เราอาจเห็นการทำกิจที่ยังไม่สมบูรณ์นักในช่วงการบำเพ็ญแรกๆ ของพระนิตยโพธิสัตว์ที่มีบารมีอ่อนนะครับ อย่างไรก็ตาม ทำให้เราทั้งหลายจะได้เห็นผู้มีบุญมาเกิดเยอะเลยทีเดียว สุดท้าย ก็แล้วแต่เรา ว่าเราจะเลือกเดินตามทางของใคร ท่านไหน หรือตามรอยพระพุทธเจ้าเข้านิพพานไปยุคนี้เลย


นี่แหละ ผมถึงบอกว่า "คนใจง่ายจะได้ของไม่ดี" แต่คนที่รักแน่วแน่ไม่แปรอื่น ก็จะได้ของที่ตนเองต้องการแน่นอนครับ เพราะยังรอกันอยู่ไม่ไปกับคนอื่นเขาเสียก่อน ส่วนคนที่ใจง่ายจะรักจะชอบผู้มีบุญบารมีคนอื่นๆ ไปเสียหมด แล้วก็ศรัทธาเจ้านายของตนไป เสียก่อนที่พระนิตยโพธิสัตว์บางพระองค์จะปรากฏกายต่อสาธารณชน เอาละ วันนี้ เรื่องราวค่อนข้างจริงจังไปนิด ไม่ค่อยมีเรื่องเล่นๆ สักเท่าไร เด็กๆ อาจไม่ชอบใจนัก เป็นการสลับกันไปนะครับ จะลงตัวพอดีในระดับฆราวาสคือ มีเรื่องธรรมะบ้างนิดหน่อย พอควร เรื่องการบำเพ็ญบารมีไปต่อในยุคหน้่าบ้าง กำลังดี อะไรแบบนั้น สำหรับบทความวันนี้ ก็เหมาะสมไม่มากไม่น้อยเกินไป เอาแต่วันละพอดีๆ นะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ  




3 ความคิดเห็น:

  1. งงอ่ะ แล้วตกลงจะได้ทำงานมั้ยอ่ะ งานขายของธรรมดาๆจะได้ทำมั้ยอ่ะ

    จะเป็นท้องฟ้า เป็นฉากหลังให้กับพระอาทิตย์ดวงอื่นๆไม่ได้เหรอ

    ไม่ก็ "เทพดาวนภเคราะห์"

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ตััดต่อให้เลย ดูในวีดีดอจะได้เยอะกว่าครับ ฝากด้วยนะครับบบ
    http://www.youtube.com/watch?v=A_qPjYUS7WI

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน