วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

การยืมบุญ-เบิกบุญในอนาคต ที่อาจทำให้คุณต้องจ่่ายดอกแพงลิบลิ่ว

อย่างแรกที่อยากให้เข้าใจก่อนคือ เรื่องของบุญกรรมนั้น มีการจัดสรรโดยเทพเทวดานะครับ ถ้าไม่มีการจัดสรรโดยเทพเทวดา มันก็จะออก ดอกผลอย่างไม่มีระบบระเบียบ และอาจทำให้บางชาติเราได้บุญแบบล้นจนไม่รู้จะเสวยยังไงหมด บางชาิติก็อาจขาดแคลนและยากลำบาก จนแทบจะอยากฆ่าตัวตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดเลย นั่นเพราะ มันไม่มีการจัดสรรอย่างมีระบบไงครับ ดังนั้นจึงต้องเ็ป็นหน้าที่ของเทพสวรรค์ ที่จะจัดสรรอย่างมีระบบเพื่อตะล่อมให้ปวงสัตว์ตรงสู่นิพพานตามวาระอย่างที่ควรจะเป็น ใครที่นิพพานช้า ก็มีบุญกรรมเหลือเยอะ ใช้ไปทีละน้อยก็พอไม่ต้องรีบใช้ๆ ให้มันหมด ใครที่นิพพานเร็วก็ต้องรีบๆ ใช้บุญ ใช้กรรมให้หมดเร็วๆ ดังนั้น ระบบกฏแห่งกรรมที่ดูแลโดยสวรรค์และเหล่าเทพจึงเกิดขึ้น ซึ่งไม่ไ่้ด้เป็นไปแบบ "ปล่อยตามธรรมชาติ" และทำให้มีรูปแบบที่แน่นอน ทำนายได้ ในแต่ละชาติ ที่เรียกว่า "พรหมลิขิต" อะไรแบบนั้น ทั้งหมดนี้ดูแลโดยพระยูไล ๗ องค์ ที่เรียกว่าดาวเทพนพพระเคราะห์ทั้ง ๙ องค์ ซึ่งภายหลังก็มีคนมาศึกษาและหาวิธีจับเคล็ดให้รู้ถึงสิ่งนี้กันโดยสังเกตุจากการเปลี่ยนแปลงของดวงดาว ที่เรียกว่า "ดวง" นั่นเอง ดังนั้น บุญกรรมและชะตาชีวิตจึงเป็นไปอย่างมีการดูแล, ควบคุมและกำหนดโดยเบื้องบน "ฝ่ายเทพ" ทำให้ฝ่ายอื่น เช่น เทวดาฝ่ายมาร ไม่เห็นด้วยว่าทำไม เทพดูแลได้แต่ตนไม่ได้ดูแล ฝ่ายมารจึงเข้ามายุ่งในกระบวนการนี้ เช่น ดลจิตดลใจคนให้ออกนอกทางที่พรหมลิขิตไว้ หรือตามระบบสวรรค์วางไว้ นั่นเอง ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากธรรมชาติหรอกนะครับ ด้วยเหตุว่า เทพนั้นไม่ได้ควบคุมธรรมชาติทุกอย่างดังใจได้ ก็ต้องมีฝ่ายมาร เข้ามาสร้างดุลยภาพร่วมด้วยแบบนี้ 


และเพราะเหตุว่ามีฝ่ายมารและซาตานที่ไม่ยอมและไม่เชื่อในการทำกิจของฝ่ายเทพภาคสว่างนี่เอง จึงทำให้เกิดการออกนอกกรอบ นอกระบบขึ้น ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษของมารบางตนหรือซาตานบางตัวนะครับ ไม่ใ่ช่ว่าใครๆ ก็จะืทำกันได้ ดังนั้น จึงมีการยืมบุญ, เบิกบุญ ฯลฯ ได้ครับ เช่น ถ้าบุญนั้นอยู่ในคลังบุญของเรา แต่ยังไม่ถึงวาระที่จะได้ หรือเทพเทวดายังไม่เปิดให้เราได้รับ แต่เมื่อเราอาศัยพลังของภาคมืดหรือภาคมาร เขาก็จะทำให้เราครับ ทำให้เราได้รับอย่างที่เราอยากได้ ตามที่เราต้องการนั้นๆ ในมุมมองของเทพ มันก็คือ การเอาบุญในอนาคตมาใช้ แต่ในมุมมองของมาร ก็มองว่ามันไม่ผิดอะไรด้วยบุญนั้นเป็นของเขาเอง เขาจะใช้ก็ได้ตามใจเขา (มารชอบทำตามใจตัวเองนะครับ แต่เทพจะทำตามบัญชาสวรรค์ไม่ทำตามใจตัวเอง) ก็จัดสรรให้ด้วยฤทธิ์ของภาคมารหรือภาคมืดครับ ผลคือ บุญบางอย่างที่เราควรได้ในอนาคต สมมุติง่ายๆ เรามีบุญจะได้บ้านใหม่นะ แต่ต้องรอไปอีก ๑๐ ปี เรารอไม่ไหว เพราะป่านนั้นเราก็แก่กันพอดี สู้เสวยเอาตอนยังไม่แก่นี่ละ อะไรแบบนั้น ภาคมืดภาคมารก็จัดให้ครับ แต่เราจะต้องแลกครับ ไม่ใช่ของฟรี (บุญในอนาคตของเราเองนี่แหละ บุญเราเองแท้ๆ) เป็นค่าบริการที่ภาคมืดภาคมารจัดสรรให้เรา โดยเอาบุญเราเองมาให้เราก่อนเวลาอันควร จากนั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องจ่ายให้เขาละ เช่น เรากู้เงินมาสร้างบ้านแล้วแต่ไม่พอจ่ายในบางเดือนขึ้นมาแถมไปไหนก็ไม่ได้จริงๆ สุดท้าย ก็เลยต้องโกงกินครับ พอเราทำกรรมโกงกินแล้ว เราก็สูญเสียจิตวิญญาณดวงที่ซื่อสัตย์ไป ภาคมืดภาคมารจะเอาจิตวิญญาณยักษ์อสูรที่ชอบโกงกินมาให้เราแทน ทำให้เราเสียนิสัย ก็คือโกงกินครั้งที่หนึ่งแล้วก็ต้องมีครั้งต่อๆ ไป ก็เราสูญเสียจิตวิญญาณ จิตสำนึกที่ดีไปแล้วนี่ครับ มีแต่จิตวิญญาณโกงกิน มันก็เลยต้องมีครั้งต่อๆ ไปไง นี่แหละ ที่ผมบอกว่าต้องจ่าย และจ่ายอย่างไม่คุ้มค่าเลย ก็จิตวิญญาณที่ดีมีค่ากว่าจิตวิญญาณที่โกงกินตั้งมากมาย ไงละครับ


คำถามก็คือ เราจะทราบได้อย่างไร ว่าเรากำลังยืมบุญหรือเบิกบุญในอนาคตมาใช้อย่างไม่ควรแล้ว? ก็ง่ายๆ ครับ อะไรที่เราไม่ได้คิดจะเอาหรืออยากจะได้ แต่มันมาเอง มันเป็นวิบากกรรม แต่มันก็ไม่ได้เลวร้าย มันเป็นสิ่งที่จัดว่าดีนะ เช่น พ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ไ่ด้รัก แต่ดูๆ แล้ว เขาก็ไม่เลวนี่น่า เพียงแต่ไม่ใช่คนที่เรารัก ก็เท่านั้นเอง นี่เรียกว่า "บุญ" เป็นคู่บุญครับรับไว้ได้แม้เราไม่ได้รักก็ไม่ต้องไปเกลียดอะไร แต่ถ้าเราฝืน เราดื้อดึงจะเอาให้ได้ตามใจเรา เช่น เรารักอีกคนหนึ่งจะเอาให้ได้ จะแต่งงานกับเขาให้ได้ เราก็อาจจะได้ด้วยพลังของภาคมืดภาคมาร ช่วยจัดสรรให้แบบมีข้อแลกเปลี่ยนดังกล่าว ซึ่งสิ่งใดที่อยู่ในข่ายแลกเปลี่ยนได้สิ่งนั้นต้องเป็นสินค้าในโลกมืดมาก่อนแล้วครับ เช่น ถ้าเราอยากได้ผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ เลย แต่เขาไม่ใช่คนในโลกมืด ไม่เคยสูญเสียจิตวิญญาณให้ภาคมืด เราจะไม่มีทางแลกเอาเขามาครองได้เลยครับ แต่ถ้าเขาผิดประเวณี เสียตัวแล้วโดยยังไม่ได้แต่งงาน แล้วเราอยากได้เขามากเลย เราก็แลกได้ครับ แล้วเราก็จะได้เขามาครองได้ เพราะเขาตกอยู่ในฐานะ "สินค้าตัวหนึ่งในโลกมืดแล้วไงครับ" แม้แต่เราเองเมื่อแลกเปลี่ยนเอาสิ่งที่ต้องการมาได้แล้ว ก็จะกลายเ็ป็น "สินค้าตัวหนึ่งในโลกมืด" ได้เช่นกันครับ และชีวิตของเราจะถูกบงการโดยเจ้าแห่งโลกมืด ก็คือ ซาตาน ถ้าใครอยากได้เราไป เช่น ไปเป็นทาสรับใช้ เราก็จะถูกซาตานบงการให้ต้องเป็นเช่นนั้น ไม่อาจหนีได้ ซึ่งจะส่งผลให้ชีวิตของเราเข้าสู่ความมืดมนลงเรื่อยๆ ครับ


คำถามอีกข้อ ก็คือ อย่างนั้น เราก็ไม่ต้องพยายามทำอะไรเลยน่ะสิ คือ รอไปวันๆ ว่าบุญอะไรจะมาึถึงเรา เราก็ค่อยรับ ไม่ต้องพยายามที่จะได้อะไรมาเลย อย่างนั้นหรือ? ก็ไม่ใ่ช่อีกแหละครับ นั่นยังไม่มีความเพียร เรามีความเพียรที่เป็นกลางและถูกวิธีได้ครับ โดยไม่ได้เพียรเพื่อหวังให้ได้ผลเป็นอะไร เ่ช่น เราอาจเพียรในการช่วยเหลือคนในสังคมโดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะได้รับอะไรตอบแทนกลับคืนมา เราก็ทำไปสิ ก็เพียรไปสิครับ นั่นคือ ความเพียรที่บริสุทธิ์ไม่หวังผลใดๆ ตอบแทนคืนมา ความอดทนก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้อีกประการหนึ่งครับ คือ อดทนและรอคอยจนกว่าจะถึงวันที่ "บุญที่แท้จริง" ของเราจะออกดอกผลให้เองครับ เอาละ วันนี้ ไม่มีเล่นมุขอะไรเลย ต้องขออภัย สื่อสารจากใจแบบนี้ บังคับให้มีหรือไม่มีอะไรไม่ได้ เอาไว้ วันหลังถ้ามีมุขเด็ดๆ ก็ได้เองนะครับ เม้าท์มานานพอควรแล้ว เห็นควรจบเสียที ราตรีสวัสดิ์ครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน