วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เคล็ดลับในการถ่ายเท แลกเปลี่ยน พลังงานเชิงซ้อนสามชั้นในตัวมนุษย์

วันนี้พี่ชายรักชาติไปทำหน้าที่ผู้บริโภคที่ดีมา เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อวานก่อนลองเข้าไปหาข้าวราดแกงราคาถูกกินดู เออ ก็หาได้นะ ราคาจานละ 15 บาท วันต่อมาซื้อไ้ด้ 10 ได้กับหนึ่งอย่าง มีข้าวพอควรไม่น้อยเกินไป ขายที่โรงอาหารโรงเรียนประถมน่ะครับ นี่ถ้าพี่ชายไม่ลองทำตัวเป็นผู้บริโภคเสียเอง ก็คงไม่ทราบนะครับว่า ยุคนี้เราต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจหนักแค่ไหนกัน? เอาละ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้เรื่องพลังงานในตัวเราที่สามารถโยกย้ายถ่ายเทได้ หมายความว่า แม้เราจะมีพลังมากแต่ก็เสียไปได้ครับ ดังต่อไปนี้ครับ

อย่างแรก พี่ชายอยากจะปูพื้นฐานง่ายๆ เกี่ยวกับพลังงานในตัวมนุษย์ แบบพลังเชิงซ้อน ขอจำแนกออกเป็น ๓ ระดับง่ายๆ ก็แ้ล้วกัน ได้แก่

๑. พลังชีพพื้นฐาน คือ พลังชีพที่ทุกคนมีอยู่เป็นพื้นฐาน แต่อาจต่างกันในรายละเอียด เช่น ความมากน้อย, สมดุล, คุณภาพของพลังชีพชนิดต่างๆ เช่น พลังเอี๊ยง, พลังกุณฑาลินี, พลังฟื้นสภาพ ฯลฯ

๒. พลังแฝง คือ พลังงานที่ไม่ใช่พลังชีพพื้นฐานของมนุษย์ แต่แฝงอยู่ร่วมในตัวมนุษย์เสริมให้มนุษย์คนนั้นมีพลังมากขึ้นได้ ซึ่งพลังแฝงเหล่านี้ มีทั้งพลังด้านสว่างและด้านมืด ส่งผลทั้งดีและไม่ดีได้ทั้งสิ้น

๓. พลังระดับสูง คือ พลังงานที่อยู่นอกตัวมนุษย์ ไม่ใช่ของตัวตนนั้นๆ โดยตรงแต่เชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งพลังงานนี้เชื่อมโยงมาจากตัวตนในชั้นที่สูงขึ้น ตัวตนภาคสว่าง หรือเทพเบื้องบน เป็นต้น ซึ่งเป็นพลังที่ดี

พลังทั้งสามระดับมีความเหนียวแน่นกับแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน โดยพลังชั้นที่หลวมที่สุด คือ "พลังงานระดับสูง" ที่มาจากเทพคุ้มครองเราเป็นต้น คำว่า หลวม หมายถึง สูญเสียได้ง่ายที่สุดครับ เช่น ถ้าใจเราเป๋ไปทางมารแล้ว เราก็สูญเสียพลังเชื่อมโยงกับเทพที่คุ้มครองเราได้ครับ และคนอื่นอาจรับสายสัญญาณนั้นไปแทนเราได้ พลังงานที่สูญเสียง่ายระดับสอง รองลงไปคือ "พลังแฝง" ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพลังงานที่ไม่ค่อยดีนัก และอยู่ภาคพื้นดินเป็นสำคัญ (พลังที่มาจากภาึคพื้นดิน มีทั้ง ๑. พลังธรรมชาติ ซึ่งค่อนข้างบริสุทธิ์และดี ๒. พลังจากภพมืด ซึ่งไม่ค่อยดีนัก และไม่ค่อยสะอาด) พลังแฝงนี้ สูญเสียได้ง่ายรองลงไป และพลังที่สูญเสียยากที่สุด คือ "พลังชีพพื้นฐาน" ซึ่งถ้าสูญเสียมากเกินไป อาจส่งผลให้ป่วยหรือตายได้เลยครับ อนึ่ง เราต้องไม่ลืมกฏธรรมชาติข้อที่ว่า ไม่มีอะไรเที่ยง และไม่อาจยึดตัวตนของตนได้เสมอไป ด้วยนะครับ นั่นหมายความว่าพลังงานของเราไม่ว่าระดับใด ก็ไม่เที่ยง และไม่อาจยึดเป็นของเราได้ตลอดไปหรอกนะครับ เพื่อให้ท่านเข้าใจมากขึ้น ผมขอยกตัวอย่างคนที่สามารถดูดซับพลังจากตัวมนุษย์ด้วยกันได้ ให้ท่านเข้าใจมากขึ้นก็แล้วกัน เช่น ในผู้ที่มีพลังดูดซับระดับ "ปราณภูติอุดร" ปกติจะดูดซับได้ทั้งสามระดับถ้าเขาไม่โหดเกินไป เขาจะดูดซับพลังแ่ค่ระดับที่สาม (พลังงานระดับสูงหรือพลังเทพคุ้มครอง) ซึ่งส่งผลให้เราไม่ถึงกับตาย แต่ไม่มีพลังเทพคุ้มครองเราเท่านั้น เราจะเสี่ยงต่อการถูกมารครอบงำได้ง่ายๆ ครับ ในผู้ที่มีพลังดูดซับระดับพลัง "เก้าอิม" จะดูดซับพลังแฝง พลังธรรมชาติ  ได้ ปกติจะไม่ดูดซับพลังจากมนุษย์ เขาจะดูดซับพลังจากธรรมชาติครับ โดยเฉพาะพลังเย็นจากพวกหินแร่ ทำให้ลมปราณมีลักษณะแข็งเย็น (ที่เรียกว่า "อิม") ส่วนผู้มีพลังดูดซับระดับ "มหาเวทย์ดูดดาว" ก็จะดูดซับพลังชีพคนอื่นเป็นสำคัญ ซึ่งนับว่าค่อนข้างโหดที่สุดครับ


อย่างที่สอง พี่ชายอยากเม้าท์ให้ฟังเรื่องทำอย่างไร เมื่อเราทราบว่าพลังงานไม่เที่ยง ไม่อาจยึดเป็นตัวตนของตน และบางทีอาจมีคนที่มีพลังดูดซับพลังจากมนุษย์ด้วยกันได้อยู่? ก็ไม่ต้องตกใจหรือแตกตื่นไปครับ บางคนก็เลี่ยงที่จะพูดคุย, สนทนา ฯลฯ กับคนๆ นั้นไป ทว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะรอด เพราะเขามีวิธีหลากหลายในการดูดซับพลังครับ เช่น มองตา, จับมือ, ดูรูปของเรา, คิดถึงเรา ฯลฯ โอ้ยแล้วแต่ความสามารถจะทำได้ อย่างอ่านงานเขียนของเรานี่ เขาก็ดูดซับพลังเราไปได้ครับ พี่ชายไม่หวงเลย ทุกวัน พี่ชายก็หมดแรง 555 ไม่ใช่ไม่โดนหรอกครับ โดนตลอดแหละ หมดแรงไปเฉยๆ ยังกะจะตาย จะสลบไปเลย หลับไปเลย แต่ไม่ใ่ช่ปัญหาครับ ถ้าเราเข้าใจหลักการของพลังงานและความไม่เที่ยง ไปแล้วก็มาได้ หมดแล้วก็เพิ่มพูนใหม่ได้ ลองดูหลวงจีนกวาดลานสิ โดนดูดพลังไปเท่าไร? ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะคนที่เขาฝึกมาเพื่อ "ให้" โดยเฉพาะก็มี กล่าวคือยิ่งเขาให้ ยิ่งเขาถ่ายทอด พลังภายในของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูน ไต่ระดับสูงขึ้นได้เรื่อยๆ ครับ แต่เราก็ต้องเข้าใจตัวเราเองในเวลาที่เราหมดแรง หมดพลังด้วย ว่าเราควรจะทำอย่างไร? ดังนั้น ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องโดนดูดพลังแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของการเข้าใจความไม่เที่ยง, ไม่ใช่ตัวตนของตน ของพลังงานต่างๆ มากกว่า เช่น เราเข้าใจหรือยังว่าพลังของเรา เมื่อไหลออกไปแล้ว มันก็ไหลมาได้ หมดแล้ว ก็เพิ่มใหม่ได้ ฯลฯ ได้อย่างไร? นั่นละ ถ้าปัญญาแ้จ้ง เข้าใจได้ มันก็หมดปัญหา พลังงานของเราจะโยกย้าย ถ่ายเท ไปไหน เข้าหรือออก อย่างไร ไม่ต้องกลัวอีกละ สบายๆ ยิ่งไปกว่านั้น จะรู้จักการ "ให้" และการ "รับ" ด้วย เช่น รู้ว่าเราควรให้พลังใดแก่ผู้ใด เราควรรับพลังงานใด จากใคร เป็นต้น พี่ชายได้พลังระดับชั้นสูงๆ จากคนหลายคนเลย เป็นพลังเทพเบื้องบน คุยๆ กับใครแล้วเขาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เทพประจำตัวเขา พยายามสื่อกับเขา แต่พี่ชายกลับเป็นคนรับรู้ได้แทนเขาเสียอย่างนั้น บางครั้งได้รับรู้แล้วก็ทำตัวเป็นสะพาน บอกเขาด้วยภาษามนุษย์ทางอ้อมๆ ไป ช่วยเทพในการสื่อให้เจ้าตัวได้รู้เรื่องที่เทพประจำตัวเขาต้องการจะบอกเขา ก็เท่านั้นเอง


สรุป คือ พลังงานจะมีหรือหมดไม่ใช่ปัญหา ตราบเท่าที่ยังไม่ถึงที่ตาย พลังงานใหม่มาได้ครับ หมดแล้วหมดไป ของใหม่ก็มาเอง สำคัญอยู่ที่ว่่า "ขณะพลังผ่านมาทางเรา" เราได้ใช้่พลังนั้นทำอะไร? หรือก็แค่เอามันไว้เฉยๆ ให้ภูมิใจเล่นไปอย่างนั้น (พลังดีๆ นะ) แต่พอพลังงานไม่ดีผ่านปั๊บ ก็ไม่อยู่เฉยละ ทำมันเลย อ้าว เป็นงั้นไป ทีนี้ มันก็ขับดันเราให้ทำแต่สิ่งไม่ดี สิ่งดีๆ ไม่ยอมทำอ่ะสิ? เอาละ ให้เราจินตนาการอย่างนี้ เราล้วนเหมือนกับ "หญ้าต้องลม" พลังงานรอบตัวเราเหมือนกับลม พัดเราไป ทางดีบ้าง ทางเลวบ้าง ทีนี้ เราจะไหลตามลมไหนไปละ? ถ้าเราไหลไปตามลมไหน ลมนั้นก็จะไหลมาสู่เราเรื่อยๆ อ่ะนะ แปลกดี อันนี้ ไม่เหมือนหญ้า เป็นเรื่อง "กฏของการจูนกันทางพลัง" อ่ะ มนุษย์นี่แปลก เหมือนภาชนะว่างเปล่่า จะเป็นอะไร หรือเป็นเครื่องรองรับอะไรก็ได้แล้วแต่ "จิต" และ "พฤติกรรม" อะไรที่ประพฤติซ้ำๆ ก็จะเหนี่ยวนำเอาพลังเช่นนั้นมาสู่ัตัวเรื่อยๆ เอง เอาละ เม้าท์มายาวละ เดี๋ยวน้องๆ หนูๆ จะง่วงเกินไป เห็นทีต้องลาก่อน ราตรีสวัสดิ์ครับ ...




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน