วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ป้องกันพลังตีกลับทวนทิศ ด้วยเทคนิกง่ายๆ ดังนี้

โอว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้ว เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน อ๊ะ ก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยละครับ จะได้ไม่ป่วย ไม่เป็นหวัดเอา พลังของพระอาทิตย์เพิ่มขึ้นจริงๆ พี่ชายไปอ่านเจอคนๆ หนึ่งใช้ตาเนื้อเพ่งดวงอาทิตย์ ก็ไม่เลว แต่พี่ชายมีเคล็ดลับดีกว่านั้นครับ คือ "ใช้ตาที่สาม" รับพลังซะเลย ง่ายๆ ครับ หลับตาทำสมาธิ ท่ายืนหรือนั่งก็ได้ เหมือนเพ่งกสิณหรือเปิดตาที่สามน่ะหละ แต่หันหน้าไปหาดวงอาทิตย์ มันจะรู้สึกสว่างๆ ใช่ไหม นั่นละ ใช้ได้ละ ไม่มีความจำเป็นต้องเิปิดตาเนื้อดูโดยตรงก็ได้ หรือจะเปิดจักระที่เจ็ด (กระหม่อม) รับพลังโดยตรงก็ได้ แบบนี้เจ๋งกว่า เพราะทำงานกลางแจ้งไปตามปกติ ไม่ต้องนั่งหลับตาทำสมาธิ ก็รับพลังจากพระอาทิตย์ได้ครับ (จักระที่เปิดแล้วรับพลังได้เลยครับ) แบบที่เปิดตาเนื้อดู, บางคนย่างตัว, บ้างทรมานร่างกายนั้น พระำุพุทธเจ้่าไม่แนะนำนัก เป็นแบบฤษีโบราณครับ สุดท้าย ก็ได้ฤทธิ์เหมือนกัน แต่คนละแบบ แล้วแต่จะเลือกเอาเองครับ เอาละ เข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้ เรื่องเคล็บวิชาลับในการป้องกันพลังโคจรผิดทิศ หรือพลังตีกลับทวนทิศ ซึ่งไม่ยากเท่่าไรครับ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 


อย่างแรก พี่ชายขอปูพื้นฐานเบื้องต้นให้ก่อนดังนี้ กล่าวคือ ในการฝึกพลังพิเศษอะไรก็แล้วแต่ ไม่มีอะไรที่โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือราบรื่นไม่มีอุปสรรคเลย มันมีการฝึกที่ผิดเพี้ยนหรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการฝึกได้เสมอครับ เช่น การถูกพลังตรงข้าม, ต่างรูปแบบ, ไม่คุ้นเคย เข้าแทรก, การปะทะกันของพลังภายใน, การโคจรพลังที่ผิดพลาด ฯลฯ ซึ่งกว่าจะฝึกสำเร็จนั้น "ความผิดพลาด" เกิดขึ้นได้ก่อน มากมายครับ ในบทความนี้ พี่ชายจะเม้าท์เรื่องความผิดพลาดในการฝึกที่เรียกว่า "พลังตีกลับ" หรือ "ย้อนทวนทิศ" ซึ่งบางอย่างไม่อันตรายมาก แต่ในบางอย่างก็อันตรายมากครับ เช่น ทำให้คนแก่กลายสภาพเป็นเด็ก, ชายกลายเป็นหญิง, คนแข็งแรงกลายเป็นอ่อนแอขี้โรค ฯลฯ ดังนั้น จึงสำคัญมากครับที่ผู้อ่านจะต้องมีครูอาจารย์ที่ดี ดูแลอย่างใกล้ชิดและเคร่งครัดมาก (และท่านจะดุมากครับ ถ้่าพบว่าเราผิดพลาด ด้วยมันแก้ยากครับ ถ้าพลาดไปแล้ว) แต่ถ้าผู้อ่าน อ่านผ่านเฉยๆ ไม่ได้จะทำ หรือฝึกจริงๆ ก็ไม่เป็นไรครับ เอาละ มาเม้าท์กันเรื่อง "พลังตีกลับและย้อนทวนทิศ" ดีกว่า มันส่งผลได้หลายอย่างครับ เช่น ทำให้พลังที่มีมาก สูญเสียไปจนหมดก็ได้ (ตีกลับจากได้รับเป็นสูญเีสีย) หรือมันอาจทวนทิศดึงดูดพลังไม่ดีเข้ามาแทรกได้ เช่น พลังมาร, พลังด้านมืดต่างๆ ซึ่งอันนี้ อันตรายมากครับ เพราะมันแก้ยาก โดนเข้าไปแล้ว ครูบาอาจารย์ก็ช่วยได้ยากครับ เพราะมันจะดื้อด้าน ไม่ฟังครูอีกแล้ว 


อย่างที่สอง พี่ชายจะเม้าท์ละเอียดลงไปอีกนิดเรื่องนี้ครับ ต่อจากในบทวามที่แล้ว ที่พี่ชายแนะนำการฝึกพลังพิเศษแบบ "อี้จิง" หรือการใช้พลังสองอย่างคู่ตรงข้ามกัน โคจรไปทางเดียวกัน, ไม่ปะทะกันเอง, ไม่ปั่นป่้วน ฯลฯ ก็จะหมุนวนอย่างมีระเบียบดี ทว่า ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา มันก็จะเกิดปัญหาที่เรียกว่า "อี้จิงทวนทิศ" ได้ครับ มันเป็นอย่างไร ก็คล้ายๆ กับคนที่ฝึกพลังธรรมจักรแล้วมันตีกลับทวนทิศ นั่นหละครับ แต่ต่างกันตรงที่ว่า พลังธรรมจักรหมุนวนจากพลัง ๑ ชนิดแต่พลังอี้จิงหมุนวนจากพลังคู่ตรงข้าม ๒ ชนิด เท่านั้นเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาหลังอี้จิงทวนทิศคือ คนๆ นั้นจะมีอัตตาสูง ครูบาอาจาีรย์จะช่วยสอนหรือแก้ไขอะไรให้ ไม่ไ่ด้อีกแล้ว เขาอาจมีพลังมาก แต่พลังนั้นไม่ใช่พลังที่ดีหรือถูกต้องตามแบบเดิมอีกต่อไป เขาอาจรู้สึกเหมือนได้ค้นพบพลังงานชนิดใหม่ๆ ที่อาจารย์ไม่ได้สอน แต่ไม่รู้เลยว่าบั้นปลายพลังนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายเขาและผู้อื่นอย่างไรบ้าง นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราจำต้องมาค้นหา "เคล็ดวิชาลับ" เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งไม่ยากนะครับ เพราะเราจะใช้ "ใจนำกาย" มิใช่ "กายนำใจ" อย่าลืมครับว่าเราฝึกพลังภายใน ไม่ได้เน้นพลังกาย ดังนั้น "สำคัญที่ใจ" นะครับ ซึ่งมีเคล็ดลับต่างๆ เืพื่อป้องกันพลังตีกลับทวนทิศดังต่อไปนี้ 

๑. ปล่อยตามธรรมชาติ อย่าห้าม อย่าขวาง อย่ากดข่ม เพราะหากทำเช่นนั้นแล้ว พลังจะตีกลับได้ เช่น พอมีความรัก ก็ข่มใจไว้ ห้ามใจว่ามันผิด มันไม่ดี อะไรแบบนั้น พลังจะตีกลับกลายเป็นตรงข้ามได้ครับ ขอให้เข้าใจว่าทุกอย่างคือ ธรรมชาติ กิเลสก็เป็นธรรมชาติ และเราไม่ได้มีแต่กิเลส เรามีสติและปัญญาทำงานอยู่ด้วย เมื่อมันดำเนินไปตามธรรมชาติ มันจะ "พอดี" ของมันเอง ปล่อยให้มันดำเนินไปครบองค์

๒. ระบายพลังอย่างฉลาด ในกรณีที่พลังมีมากเกินไป และขับดันให้ไปทำสิ่งที่ผิดได้ เช่น มีกิเลสกำเริบมาก, โกรธรุนแรง ฯลฯ เราก็อย่าเพิ่งไปทำอะไรอย่างใจเราตอนนั้นมาก ให้เบี่ยงเบนพลังลงไปในจุดที่ปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่น แทนที่จะปล่อยพลังขับดันไปอย่่างโง่ๆ จนกลายเป็นโทษต่อตนเองและผู้อื่น เราก็ปลดปล่อยอย่างฉลาดแทน

๓. ซักฟอกพลังงาน ในบางกรณี พลังงานที่เป็นโทษบางอย่างอาจจะขับดันร่างกายหรือจิตใจอยู่ แต่เราไม่ห้าม ไม่กดข่ม เราปล่อยให้พลังนั้นออกมาตามธรรมชาติ แต่อาจเกิดเหตุร้ายได้ ดังนั้น เราก็จะปล่อยพลังออกไปสู่ "กระบวนการซักฟอกภายใน" แทน มันจะทำให้พลังที่ออกมานั้น ใสสะอาดมากขึ้น ไม่เป็นโืทษ แต่พลังจะไม่ถูกใช้ทำกิจ

๔. โคจรต่อเนื่อง หรือถ้าเราเข้าทาง ตรงทางแล้ว เราก็ควรทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง ความต่อเนื่องนี่เองที่จะช่วยป้องกันไม่ให้พลังตีกลับได้ เหมือนเราปั่นจักรยานไปข้างหน้าเรื่อยๆ นั่นแหละ ก็จะช่วยให้พลังไม่ถูกตีกลับได้ แต่ถ้าเราขาดความต่อเนื่อง ก็จะเกิดช่องโหว่ ทำให้พลังอาจถูกตีกลับได้ ดังนั้น เมื่อเราเห็นทางชัดเจนแล้วก็ควรแน่วแน่ต่อไป

๕. รับการช่วยเหลือ โดยการรับการช่วยเหลือจากท่านที่มีการโคจรพลังอย่างถูกทิศทาง ให้ใช้พลังของเขา ช่วยขับดันพลังของเราให้กลับมาโคจรถูกทิศทางอีกครั้ง ซึ่งไม่ยากเลย เหมือนเราเชื่อฟังและคล้อยตามใคร จิตเราก็จะเหนี่ยวนำพลังให้เคลื่อนตามเขาไปในทิศทางนั้นๆ แต่ถ้าเราต่อต้านหรือปะทะ พลังของเราจะยิ่งตีกลับทวนทิศ


อนึ่ง บางคนจะนิยมฝึกพลังพิเศษเป็นกลุ่ม แล้วมาแลกเปลี่ยนพลังภายในให้แก่กันและกัน เพื่อช่วยเหลือกันปรับความสมดุลของพลังภายใน ซึ่งก็ดีเหมือนกัน แต่ก็ต้องระวังด้วย เพราะถ้าผิดพลาดก็อาจจะเกิดปัญหาได้ เช่น ถ้าคนหนึ่งเป๋ออกนอกทาง ผิดทิศไปแล้ว อีกคนก็ช่วยปรับให้ตรงทางได้ ก็ดีไป แต่ถ้าชวนให้คนอื่น เป๋ออกนอกทาง ผิดทิศไปด้วย อันนี้ จะแย่ไปใหญ่ อย่างไรก็ดี การมีเพื่อนผู้ฝึกพลังที่คอยช่วยเหลือกัน จะดีกว่าการฝึกคนเดียวมาก โดยเฉพาะในบางครั้งที่ใครบางคน เกิดปัญหาพลังตีกลับ ทวนทิศ ก็จะได้ช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที ก่อนที่จะเกินเยียวยา เพราะช้าเนิ่นนานไป จะยิ่งแก้ยากครับ เม้าท์เรื่องการฝึกพลังภายในมากไป บางคนที่ไม่ไ้ด้ฝึกอยู่หรือไม่ชอบการฝึกอะไรแบบนี้ อาจเบื่อได้ แต่ก็จำเป็นต้องเม้าืท์ละครับ เห็นหลายท่านยังเป๋อยู่ หากหลงทิศผิดทางแล้วแก้ได้ยาก ก็จะกลายเป็นปัญหาได้ เลยต้องยกเรื่องราวเหล่านี้มาเม้าท์กันเสียหน่อย เอาละ นี่ก็คงถึงเวลานอนหลับพักผ่อนกันแล้วครับ เห็นทีควรจบลงเท่านี้ ราตรีสวัสดิ์



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน