วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สายโซ่บุญบารมีสู่พระนิตยโพธิสัตว์ ที่ท่านควรเชื่อมถึงให้ได้!

พี่ชายรักชาติมีเรื่องมาเม้าท์อีกแล้ว ก็คุณป้าข้างบ้านนี่สิ แกตีหมาแกใหญ่ พี่ชายสงสัยเลยถามว่า "ป้าตีมันทำไม ตีจริง ตีจัง" ป้าแกก็เลยตอบว่า "ป้าสงสาร กลัวมันออกไปนอกบ้าน ไปโดนเขาตี" อ้อ ป้าแกฉลาด กลัวหมาออกไปนอกบ้านแล้วจะถูกเขาตีเขา ก็เลยตีหมา ไม่ให้มันออกนอกบ้าน เรียกว่ากลยุทธ์ "ชิงลงมือก่อน" แหมป้า ทำไมไม่คิดบ้างละว่าเขาอาจจะไม่ได้ตีหมาป้าก็ได้ ถ้าเขาเบื่อหมาป้าขึ้นมาละ ป้าจะทำยังไง เอาละ เม้าท์ให้ฟังเล่นๆ ไม่ขำเท่าไร ถ้าใครยังไม่ถึงออกัสซั่มทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก พี่ชายแนะนำให้ไปต่อที่เว็บน้องเนยได้ค่ะ เอาละ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้เรื่องง่ายๆ แต่สำคัญ คือ เรื่องที่เรียกว่า "สายโซ่บุญบารมี" มันเกี่ยวข้องกับเรามากเลยทีเดียว ดังนี้ 


อย่างแรก อยากบอกว่าเพื่อไม่ให้ปวงสัตว์กลายเป็นพระปัจเจกฯ จึงมีการเชื่อมโยงบุญบารมีเข้ากับผู้นำกลุ่มที่จะนำพาปวงสัตว์ให้หลุดพ้นทุกข์ถึงนิพพานได้ ซึ่งผู้นำนั้นก็คือ พระนิตยโพธิสัตว์ ทั้งหลายนี่เอง ดังนั้น ชาวโลกจึงถูกโซ่แห่งบุญนี้ เชื่อมโยง ผูกใยกันไปมา เพื่อให้เป็นกลุ่มก้อน เป็นสัตว์สังคม ไม่ใช่ปัจเจกชน ไม่ว่าจะเป็นการผูกกันด้วยกรรม, บุญ หรือบารมี ก็ตาม เช่น สัตว์บางตัวทำบุญ สร้างความดี ไม่ไ่ด้เลย มาเกิดเป็นยุง มากัด แล้วถูกตบตาย กรรมนี้ก็จะผูกกันไว้ ก็จะได้เจอกันชาติต่อไป ถ้ายุงที่ถูกตบตาย เป็นเจ้ากรรมนายเวร แล้วก็อโหสิกรรมให้เขาได้ ก็ยังได้บุญบ้าง แ่ต่ถ้าไม่ยอมอโหสิกรรม ก็จะไม่ได้อะไรเลย เสียชาติเกิดไป ซึ่งปกติ การผูกโยงกันด้วยกรรมนี้ ผู้ที่ทำกรรมจะต้องเป็นผู้มีบุญบารมีมากกว่า ไม่ใช่ให้คนมีบุญบารมีน้อยอยู่แล้ว ไปก่อกรรมอีก อันจะส่งผลให้ไม่อาจฉุดตัวเองออกจากบ่วงกรรมนั้นได้ ดังนั้น ไม่แปลกครับ ถ้าบางครั้ง โลกกำหนดคนๆ หนึ่งมาให้ แล้วเขาอาจโกงกินชาติบ้านเมือง แล้วประชาชนกลับให้อภัยเขาได้ นี่ไง ธรรมชาติกำลังจัดสรร ผูกโยงสายโซ่แห่งบุญบารมีให้อยู่    


อย่างที่สอง สายโซ่แห่งบุญนี้ก็มีคำว่า "ระดับชั้น" ด้วยเช่น ลำดับที่ ๑  หมายถึงคนที่มีระดับรองลงไปจากผู้นำกลุ่มของตน ลำดับที่ ๒ ก็คือคนที่มีระดับรองลงไปจากลำดับที่ ๑ นั่นเอง ดังนั้น ถ้าเราไปเชื่อมโยงกับผู้นำกลุ่มได้ เราก็จะได้ลำดับที่ ๑ แต่ถ้าเราไปเชื่อมโยงกับคนที่มีลำดับที่ ๑ เราก็จะได้แค่ลำดับที่ ๒ ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องน่าเสียดายว่าอดีตชาติ เราอาจเคยสร้างบุญบารมีไว้กับท่านผู้นำคนนั้นมาก แต่พอมาชาตินี้ อาจตกระดับจากควรที่จะอยู่ลำดับที่ ๑ ก็กลายเป็นลำดับที่ ๒ ไป ถ้าเราผิดพลาด จำเขาในอดีตชาติไม่ไ่ด้ แล้วมัวไปเกาะเกี่ยวกับคนในลำดับล่างลงไปแทน อย่างนี้เรียกว่า เสียชาติเกิด เกิดมาแล้วไม่คุ้ม หรือขาดทุนนั่นเอง (ชาติที่แล้วทำไว้ได้ดีกว่านี้ ชาตินี้กลับแย่ลง) ดังนั้น พี่ชายแนะนำว่าเราควรฉลาด อย่าขาดทุนที่อุตส่าห์มาเกิดในชาตินี้ครับ ใครระลึกชาติได้ก็ทำต่อให้ดีกว่าชาติที่แล้ว ใครระลึกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทำให้ดีขึ้น แต่อย่าคิดแคบๆ หรือจมปลักแค่สิ่งแคบๆ ที่อยู่รอบตัวเราเท่านั้น เพราะบางครั้ง โอกาสดีๆ ที่สายโซ่แห่งบุญบารมีจะส่งมาถึงเรานั้น อาจมีไม่มาก และชั่วไม่นานนัก ถ้ามันมาถึงคุณแล้วก็ทำสิ่งที่ควรทำซะ อย่างเช่น พี่ชายเองได้เคยไปที่วัดแห่งหนึ่งแล้วพบหลวงพี่คนหนึ่ง ยังหนุ่มอายุน้อยกว่าพี่ชายอีก ท่านบอกว่าไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มาคุยกับพี่ชาย ซึ่งตอนนั้นพี่ชายกำลังดูพระธาตุเจดีย์อยู่คนเดียว หลวงพี่เล่าว่าไม่อยากสึก ไม่อยากมีครอบครัวแล้ว เอานิพพานดีกว่า ก็สนทนาธรรมกันนิดหน่อย ตอนนั้นพี่ชายยังเป็นวุ่นอ่ะ ยังไม่มีเส้น ยังไม่สวย ตอนนี้สวยแล้วเป็น "วุ้นเส้น" ละ อ่ะ ไม่ช่าย คือ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนักก็พูดมั่วไปตามประสาไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก พี่ชายก็เลยเอ้า สนับสนุนให้ท่านไปต่อ ถวายไตรจีวรไปชุดหนึ่งน่ะ ก็เล่าให้ฟังว่าถ้าเราทำอะไรได้ก็ทำเลย เราไม่รู้หรอกว่าอดีตชาติแต่ละคนเป็นมาอย่างไร นั่นไม่สำคัญ เท่าเราได้ทำแล้ว มาถึงตอนนี้ พี่ชายก็ไม่มีโอกาสได้ไปวัดนั้นละ เพราะไกลมากพอดู แต่ไม่เสียดาย เพราะได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้ว เห็นมะ ง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก ถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีก็ทำมันซะ จะเป็นใครก็ช่าง พระหนุ่มหรือ? ไม่มีธรรมหรือ? ช่างเถอะ ก็ใครจะไปรู้อนาคตหรืออดีตละ ไม่แน่ท่านอาจจะไปได้ไกลก็ไ้ด้ ใช่มั้ย


หลายคน มักถูกขัดขวางหรือถูกตัดทางต่อของสายโซ่และบุญบารมีด้วย "ความคิดดลใจ" บางอย่าง เช่น คิดว่าโอ้ย ไม่ต้องทำแล้วบุญฯ หรืออะไร นิพพานเลยดีกว่า เออ ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี พี่ชายก็อนุโมทนาด้วย แต่บางที มันก็ไม่ได้หรอก มันแค่หลอกเราด้วยนิพพาน ทำให้เราไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำเท่านั้น กลายเป็นว่าเราไม่ได้สร้างอะไรดีๆ เป็นเครื่องต่อสายโซ่แห่งบุญบารมีกับท่านที่เราหวังมาไม่รู้กี่ชาติภพ แล้วสุดท้าย เราก็ไม่ได้นิพพาน พอไปโผล่บนสวรรค์เราก็น้อยใจว่าทำไม เรานั่งอยู่ท้ายๆๆ ของลำดับในวิมานนั้นๆ แล้วเราก็โดดลงมาจากที่นั่น  เพราะความอยากได้พัฒนาลำดับของตัวเองต่อไปเมื่อทราบวาระของเราแล้วว่า ยังไม่ได้นิพพานในยุคนี้ ไม่ใช่สาวกของพระสมณโคดม จะต้องไปนิพพานในยุคหน้า ของท่านนั้นท่านนี้ แต่พลาดท่า โดนดลจิตดลใจให้พลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้ต่อสายโซ่บุญบารมีที่ดีๆ ตำแหน่งดีไป แล้วสุดท้าย ก็โดดสวรรค์ลงมาเกิดใหม่ เกิดเพื่อพัฒนาลำดับตัวเองให้ดีขึ้น แล้วก็ลืมทุกอย่าง แล้วก็เจอผู้มีบุญบารมีบนโลกอีก แล้วก็โดนดลใจให้เป๋็ไปคิดอย่างอื่นอีก เช่น โอ้ย ใครไม่รู้จัก จะให้ไปทำไม พ่อแม่ที่บ้านเราก็มี ทำไมไม่ให้ละ ว่าแล้วก็กตัญญูผิดเวลาขึ้นมาเฉยเลย อดอีกรอบ ชาตินั้นไม่ได้เจอกันอีก อ้าว ขึ้นสวรรค์มา ตกอันดับไปอีก โดดลงมาเกิดอีก วนๆ ซ้ำๆ อย่างนี้ ไม่รู้กี่รอบ กี่ชาติ ฮ่วย ขี้เกียจที่จะอธิบายละ ฮ่าๆๆ ไม่มีหน้ากระดาษพอจะเม้าท์ หลายชาติเหลือเกิน เอาเป็นว่าทำซะ ก่อนที่จะพลาดโอกาสที่จะไม่ได้ทำ เช่น เจอขอทาน เฮ้ย คิดมากว่ะ ทำดีไหมวะ? อะไรแบบนั้น ใจหนึ่งอยากให้ ใจหนึ่งมันอาจจะยิ่งให้ยิ่งทำร้ายไหม? พี่ชายก็เคยให้ เกรงว่าเงินจะไปส่งเสริมขบวนการค้ามนุษย์ พี่ชายเลยให้น้ำผลไม้, นม แบบว่าใครๆ ก็กินได้เลยน่ะ แค่นั้นจบ แต่ถ้าไม่มีของแบบนั้น ก็ไม่ค่อยกล้าให้เป็นเงินนัก เหมือนกัน แต่ถ้าได้ทำแล้ว ก็จบ สบาย คือ เราได้ทำแล้ว ไม่ต้องมาเสียดายโอกาสทีหลัง บางทีใครจะรู้ เขาอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา พอเราให้เขาแล้ว เราอาจพ้นกรรมบางอย่างไปได้ ไม่้ต้องไปหาหมอดู สะเดาะ์เคราะห์ เสียเงินเสียทองอะไรมากมายเลยก็ได้ อันนี้ไม่ใช่เรื่องการต่อสายโซ่บุญบารมีนะ อันนี้ เม้าท์ให้ฟังกันเล่นๆ ไม่ต้องคิดมาก


เอาละ เม้าท์มายาวมากเลย เดี๋ยวเด็กๆ จะง่วงเกินไป กินนมแล้วนอนซะนะ นมสีขาวอมชมพูอ่ะ เย้ย ไม่เอาละ ไม่พูด นอนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน