วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"โชคลาภ" จากหน้าที่ของมนุษย์ที่ไม่ใช่อาชีพ กำลังรอคุณอยู่ทุกวัน ง่ายยิ่งกว่าแทงหวย!

วันนี้ พี่ชายรักชาติไปซื้อของในตลาด เพื่อสนับสนุน SMEs รายเล็ก ก็ไปซื้อของตามตลาดนัดครับ แล้วก็มีคนมองพี่ชาย พร้อมกับพูดว่า "หน้าแปลกๆ ว่ะ" อ๊ะ จะให้พี่ชายหน้าไม่แปลกได้อย่างไร? ก็พี่ชายไม่ได้ทำศัลยกรรมนี่ จะได้หน้าโหล เหมืิอนๆ ใครเขา ดูแล้วไม่มีความแปลกใหม่อะไรแบบนั้น เดี๋ยวนี้พี่ชายอาบน้ำมากขึ้นแล้ว เพราะว่าแผ่นดินเริ่มแห้งแล้ง พี่ชายสงสารว่าแผ่นดินจะไม่่ค่อยมีน้ำ จึงยอมเสียค่าน้ำปะปาเพิ่ม อาบน้ำแล้วครับ เอาละ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า วันนี้ มาเรื่อง "โชคลาภ" ที่หาได้ง่ายๆ ใกล้ตัวทุกวัน โดยไม่ต้องไปหาพระหรือหมอดูที่ไหน อ๊ะ มันเป็นอย่างไร ลองอ่านดูละกันครับ


อย่างแรก ผมอยากจะอธิบายคำสองคำนี้ก่อนครับ คือ คำว่า

๑. หน้าที่ของมนุษย์ คือ สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเป็นอาชีพ ไม่จำเป็นต้องนำมาซึ่งรายได้, เงินเดือน, ตำแหน่ง, ชื่อเสียง ฯลฯ อะไรใดๆ เลย แต่มันก็คือ "หน้าที่ของมนุษย์" ครับ ซึ่งผู้ที่ยังมีจิตใต้สำนึกแห่งความเป็นคนอยู่ (มนุษย์ผู้เป็นสัตว์อันประเสริฐ) จะสามารถรู้ได้เองทั้งสิ้น ไม่ต่างจากสัญชาติญาณการล่าหรือหนีของสัตว์เดรัจฉานเลย เช่น ถ้ามีคนได้รับความเดือดร้อนตรงหน้าเรา เราจะช่วยไหม? มนุษย์เขาจะช่วยเหลือกันครับ แต่ถ้าสูญเสียความเป็นมนุษย์แล้ว ก็จะไม่ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันครับ ไม่สนใจ เพราุะถือว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เรามีอาชีพอยู่ต้องรับผิดชอบหนักมากอยู่แล้ว อะไรแบบนั้น 

๒. อาชีพของคนปัจจุบัน คือ สิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของมนุษย์ปกติทั่วไป แต่ได้ถูกสร้างขึ้นโดย "สมมุติทางโลก" ให้เกิด ให้มีขึ้นมา เพื่อสนองตอบต่อการดำรงอยู่ของสังคมมนุษย์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น และห่างไกลไปจากความเป็นมนุษย์ดั้งเดิมมากขึ้น หมายความว่าเดิมที่ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่มากนั้น ไม่มีอาชีพอะไรหรอกครับ เช่น ชาวแอฟริกาที่ไม่มีอาชีพอะไร แต่ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง (หน้าที่ของมนุษย์) จะต้องช่วยเหลือกันครับ แต่ภายหลังโลกสมมุติได้สร้างอาชีพขึ้นมา เพื่อให้คนได้ทำงานเพื่อแลกกับอามิสสินจ้าง (เดิมมนุษย์ทำงานโดยไม่หวังว่าจะได้แลกมาซึ่งอะไร นี่คือ มนุษย์แท้ๆ ครับ) ภายหลังก็ซับซ้อนขึ้น

โอเคนะครับ ว่่าสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทว่า อย่าเพิ่งคิดว่าผมปฏิเสธโลกหรือต่อต้านสิ่งที่โลกปัจจุบันเป็นอยู่ละ ผมก็แค่เตือนให้ระลึกถึง "ความเป็นมนุษย์ดั้งเดิมที่เคยมี เคยเป็นกันมา" ก่อนที่จะมีสังคมที่ซับซ้อนและอาชีพ, ตำแหน่ง, หน้าที่, การงาน ฯลฯ ต่างๆ เพิ่มมาภายหลัง ก็เท่านั้นเอง เพื่อไม่ให้คุณๆ ที่เกิดมาไม่ทัน หลงลืมไปจนเตลิดเปิดเปิง หาจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง ไม่ได้ ก็ต้องมาทบทวนกันหน่อยก็เท่านั้นเอง อ้อ แล้วสัมมาอาชีวะนี่ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาชีพนะครับ มันไม่ใช่เรื่องทางโลก มันเป็นมรรคทางธรรม มันคือ "หน้าที่ของความเป็นมนุษย์" ที่ผมกล่าวถึงนั่นแหละ มันไม่ใช่อาชีพทางโลกใดๆ เลย


อย่างที่สอง เคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า "ลาภสัตว์สองเท้า" ไหมครับ มันหมายความว่าอะไร? มันไม่ได้หมายความว่าใครจะได้แฟนนะครับ แ่ต่มันหมายถึง ถ้ามีสัตว์สองเท้า ซึ่งก็คือ คน ยากลำบากมาถึงเรา ก็ให้เราช่วยเหลือไว้ คนโบราณเขาเลี้ยงดูกันได้ เพราะเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย คือ เจ้านายที่มีเงินทองเยอะๆ พอเลี้ยงดูผู้คนได้นี่ เขาจะขุนคนเอาไว้ (ขุนแปลว่าเลี้ยง คำว่า พ่อขุน ก็เหมือนพ่อเลี้ยง ซึ่งออกจะคล้ายๆ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ นิดๆ เหมือนกันครับ แต่คนละโทนกัน) เพราะคนเหล่านี้จะกลายมาเป็นบริวารบ่าวไพร่ แก่เราได้ ช่วยเหลือเกื้อหนุนให้เราเป็นใหญ่ได้ นั่นเอง นี่คือ "ภูมิปัญญาเกี่ยวกับเรื่องการปกครองของคนโบราณ" ครับ ใช้ได้ทุกระดับชนชั้น แต่ไม่มีปิดบัง สอนกันอยู่ พูดกันอยู่ ติดปากทั่วไป ที่ผมยกตัวอย่างสุภาษิตนี้มา ก็เืพื่อที่จะเม้าท์ถึงคำว่า "โชคลาภ" ไงละครับ จึงได้ยกสุภาษิต "ลาภสัตว์สองเ้ท้า" มาอธิบาย ผมอยากอธิบายคำว่า "โชคลาภ" จากหน้าที่ของมนุษย์ที่ไม่ได้มาจากอาชีพ เสียหน่อย คือ อย่างนี้ครับ แม้มนุษย์จะไม่มีอาชีพใดๆ เลยก็ตาม แต่เขาจะสามารถอยู่ได้ด้วย บุญบารมีเก่าของเขา, กิจของเขาที่ทำอยู่เสมอๆ, หน้าที่ของความเป็นมนุษย์ ฯลฯ ครับ โดยจะมีการจัดสรรบุญกรรมอย่่างพอควรแก่การดำรงอยู่อย่างมนุษย์โลก ให้แก่มนุษย์ทุกคน ที่แม้จะไม่มีอาชีพเลยก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคนที่ยังไม่มีอาชีพ แต่ทำหน้าที่มนุษย์โลกได้ดี เขาจะอยู่บนโลกนี้ได้อย่างดี พอดี พอได้ครับ ไม่ใช่รวยมากมาย หรืออยากได้อะไรก็ได้นะครับ มันก็แค่เพื่อการพออยู่ไปบนโลกนี้แต่พอดีๆ เท่านั้นเอง หน้าที่ของแต่ละคนก็ผันแปรไปตาม "บุญกรรม" ของแต่ละคน นั่นแหละครับ เขาวางไว้ให้มาเคลียร์กัน เช่น บางทีให้เจ้ากรรมนายเวรเรามาเป็นขอทาน ก็ขอเงินเรา เราอาจไม่ได้ให้เงิน แต่ให้อาหารแทน อะไรแบบนั้น ทันใด วิบากกรรมบางอย่างของเราก็จะได้รับการเคลียร์บัญชีครับ เราไม่ต้องโดนแล้ว นี่เรียกว่า "โชคดี" ไงครับ โดยที่เราไม่รู้ตัวแต่ถ้าเราไม่ได้ทำ  เราก็อาจโชคร้าย ได้รับวิบากกรรมถึงตัว ก็ได้ หรือบางที เราไม่เจตนา ขับรถเร็วจนน้ำโคลนข้างถนนสาดโดนคนเดินเท้าเข้าถ้าเราทำหน้าที่ของมนุษย์ ลงไปรับผิดชอบดูแลเสีย ทุกอย่างจะจบด้วยดี เราอาจจะพ้นวิบากกรรมบางอย่างได้ แต่ถ้าเราไม่สนใจ เราอาจต้องรับวิบากที่รอเราอยู่ข้างหน้า ก็ได้ หรือยิ่งกว่านั้น ถ้าเราลงไปทะเลาะหาเรื่องกับเขาอีก เราอาจยิ่งโดนหนักไปใหญ่ เลยก็เป็นได้ ซึ่งระบบทั้งหมดนี้ มีการวางแผนไว้อย่างดีแล้ว โดยเราไม่ต้องไปหาหมอดูให้หมอดูคิดหาทางแก้ สะเดาะเคราะห์อะไรให้เราเลย ถ้าเราทำหน้าที่ของมนุษย์ได้ดี สมบูรณ์แล้ว ชีวิตของเราจะราบรื่น ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเราบกพร่องในหน้าที่เมื่อไร มันก็จะเปิดช่องโหว่ ให้วิบากกรรมเข้ามาถึงตัวเรา ทำให้เราเหมือนคนโชคร้ายอยู่บ่อยๆ ได้ครับ อันนี้ ก็ฝากไว้ให้พิจารณากัน


สุดท้าย พี่ชายอยากจะฝากไว้ว่าขอเพียงเรามีจิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ มันก็จะทำหน้าที่ของมันเองตามธรรมชาติ พี่ชายไม่ได้บอกให้ใครไปทำ หรือไปเป็นอย่างที่ตัวเองไม่ได้เป็นตามธรรมชาติหรอกนะ เพราะพี่ชายก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูด ๑๐๐% เหมือนกัน เป็นในแบบที่พี่ชายเป็นครับ เพราะการ "ทำให้เป็น" มันย่อมไม่ใช่ "เป็นตามธรรมชาติ" ใช่ไหมละครับ เอาละ ถ้าเมื่อไรที่เรามีความเ็ป็นมนุษย์ครบ ๑๐๐% มันก็เต็ม ๑๐๐% เองนั่นแหละ ตอนนี้ เป็น X-men กันไปก่อนก็แล้วกัน โฮ่ๆๆ เอาละ ดึกแล้ว เด็กๆ จะต้องรีบไปนอนนะ ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน