วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ซาตานครอบงำโลกและบงการมนุษย์อย่างไร? ตอน Invisible hand

เมื่อเช้าพี่ชายไปแย่งเด็กประถมกินข้าว เพราะราคาข้าวราดแกงในนั้นถูกดี ราดหนึ่งอย่าง ๑๐ บาทเอง ในขณะที่ข้างนอก ๒๕ ถึง ๓๐ บาทไปแล้ว เม้าท์ให้ฟังเล่นๆ หัดเป็นผู้บริโภคที่ฉลาดไว้ จะได้เท่าทันกับยุคสมัยของบริโภคนิยม, วัตถุนิยม และทุนนิยมครับ เอาละ มาเข้าเื้นื้อหาของเราวันนี้ดีกว่าต่อจากเมื่อวานอีกหน่อย หลายคนอา่จเริ่มเบื่อละ  แต่อยากขอให้ศึกษาต่อไปอีกนิดครับ เพราะมันสำคัญจริงๆ พี่ชายจึงเลือกเอามาเตือนกันไว้ครับ เรื่อง "มือที่มองไม่เห็น" (ฝรั่งเขาใช้คำว่า Invisible Hand เป็นคำศัพท์ที่มีในตำราฝรั่งด้วยนะ) ดังต่อไปนี้่ครับ


อย่างแรก พี่ชายอยากจะปูพื้นฐานด้วยการอธิบายความหมายของคำว่า Invisible hand หมายถึง มือที่มองไม่เห็น ซึ่งสามารถควบคุมหรือบงการผู้คนต่างๆ ได้ ซึ่งมีสองลักษณะ คือ ๑. Light Invisible Hand ๒. Dark Invisible Hand ซึ่งในบทความนี้จะเน้นรายละเอียดในส่วน Dark Invisible Hand เป็นหลัก ส่วน Light Invisible Hand นั้น จะหมายถึง "พรหมลิขิต" ก็ได้ อันนี้ อธิบายแค่ง่ายๆ เป็นพื้นฐานนะ ของจริงจะซับซ้อนกว่านี้ ให้เราลองนึกถึงภาพง่ายๆ อย่่างนี้ คนบางคนที่มีชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิตหรือวิบากกรรม ก็แล้วแต่ (ใช้ได้หมด ตามศาสนาของท่านที่ท่านนับถือนะครับ) ก็จะมีชีวิตที่เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาวางแผนชีวิตให้ดำเนินไปตามแผนการนั้นๆ ทางคริสตร์เขาจะมีคำเรียกว่า "พระเจ้ามีแผนการของพระองค์" ที่จะให้มนุษย์ทุกคน รวมทั้งเราด้วย ดำเนินไปอย่างไร เมื่อเราเชื่อในพระเจ้า ไว้วางใจในพระองค์ เราก็จะเชื่อในแผนการของพระองค์ด้วย แล้วเราก็จะสบายใจ พร้อมรับกับทุกอย่างในชีวิตของเราได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ประมาณนั้น ทีนี้ มันมี "วิถีนอกรีต" อยู่อีก ที่แตกต่างไปจากนี้คือ ไม่ยอมให้ใครมาวางแผนชีวิตให้เราแม้แต่พระเจ้าอะไรแบบนี้ คืออยากจะวางแผนชีวิตของตัวเอง ทำตามใจตัวเอง อย่างที่ตัวเองต้องการ (ก็เหมือนคนเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งน่ะแหละ) คนกลุ่มนี้ถ้าหลุดออกจากระบบซึ่งสิ่งศักดิสิทธิ์ในศาสนาของเขาดูแลอยู่ ไปแล้ว ก็อาจจะถูกภาคมืดดึงไปได้ ภาคมืดจะเข้ามาทำหน้าที่แทนภาคสว่างทันที มือที่มองไม่เห็น ก็จะเปลี่ยนไป กลายเป็น "มือจากภาคมืด" แทนที่จะเป็น "หัตถ์ของพระเจ้า" อะไรประมาณนั้น พอนึกภาพออกนะครับ ซึ่งปกติแล้ว คนเรามีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตตัวเองได้อยู่แล้วทุกครั้งที่มีทางเลือกครับแต่เราไม่อาจเลือกผลที่จะตามมาได้ เมื่อเลือกทางแล้วอย่างไร ก็จะต้องยอมรับผลของมันอย่างนั้น ดังนั้น บางคนจึงไม่ค่อยสนใจหนทาง แต่สนใจ "ผลสุดท้ายของมัน" มากกว่า คือ เล็งให้ชัดก่อนว่าผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไร เป็นสำคัญ อะไรแบบนั้น แต่ด้วยวิธีนี้ก็เสี่ยงมากนะครับ เพราะถ้าเราเอา "ใจเรา" เป็นที่ตั้ง แล้วใจเราฝึกมาไม่ดี นำทางเราผิดๆ เราก็กลายเป็นคน "เอาแต่ใจตัวเอง เป็นที่ัตั้ง" ไปได้ แล้วในที่สุด มันจะนำเราไปสู่ "เงื้อมมือที่มองไม่เห็นของภาคมืด" ครับ ทั้งนี้ พี่ชายจะขยายเนื้อหาในส่วน "มือที่มองไม่เห็น-ส่วนภาคมืด" ต่อไป


สำหรับคนที่ถูกซาตานครอบงำนั้น พวกเขาจะได้, จะมี, จะเป็นตามใจที่พวกเขาต้องการ แต่นั่นจะทำให้คลังบุญของเขาถูกเผาผลาญจนสิ้น  เมื่อซาตานมาร่วมเสวยผลบุญกับร่างมนุษย์ ร่างใดหมดแล้ว ซาตานก็จะจรจากไป จะทอดทิ้งร่างนั้นอย่างไม่ไยดี แล้วปล่อยใ้ห้ร่างสังขารที่ไม่เหลือบุญแล้ว ต้องรอรับกรรมอย่างเดียว ทำให้ร่างสังขารนั้นๆ ต้องทุกข์ทรมานกับวิบากกรรมที่ถาโถมเข้ามา และทำให้เกิดความทุกข์ที่นำพาชีวิตของคนๆ นั้นให้มืดมนลงอย่่างยิ่งยวด จนกระทั่งไม่อาจเป็นภาคสว่างได้อีกต่อไป แม้ว่าช่วงแรกของชีวิตพวกเขาจะดูดี ได้ตามใจต้องการก็ตาม แต่เมื่อใดที่พวกเขาหมดพลังบุญแล้ว พวกเขาก็จะสิ้นสภาพ ต้องมีชีวิตอยู่อย่างน่าเอน็จอนาถ หาความสุขแทบไม่ได้เลย

ซาตานจะมีวิธี "หลอกล่อ-ดลจิตดลใจ" เราสารพัดครับ ถ้าเขาหลอกล่อไม่เก่ง เขาคงไม่สามารถหลอกล่อแม้แต่เทพภาคสว่าง ให้ตกลงมาสู่ภาคมืดได้ (เช่น หลอกให้อดัมทำผิดกฏสวรรค์ เป็นต้น) ทว่า คนในยุคนี้้ ขาดความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ไปมากแล้ว พวกเขาเชื่อแต่สิ่งที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า, วัตถุมีค่าวัดได้, การพิสูจน์ที่เห็นได้ชัด ฯลฯ เป็นต้น ดังนั้น ภาคมืดจึงใช้สิ่งเหล่านี้ในการหลอกล่อพวกเราอยู่ทุกวัน เอาง่ายๆ เลยครับ แค่เราเดินออกไปนอกบ้าน จะเห็นร้านค้าโชว์ของล่อตาล่อใจให้เราอยากได้อยู่ตลอดเวลา มีเพื่อนๆ หรือสังคมที่มีวัตถุต่างๆ มาแสดงโชว์ อวดกันอยู่เสมอๆ รวมทั้งสื่อต่างๆ ที่ล้วนเต็มไปด้วยการหลอกล่อให้เรา อยากได้, อยากมี, อยากเป็น ในสิ่งที่ไม่ใช่บุญของเรา อันเราควรจะเสวยได้ เมื่อเราหลง พลาดท่า ภาคมืดก็จะดึงเราเข้าไปสู่วังวนของการเสวยผลบุญเกินความพอดี ได้ในที่สุด

อนึ่ง "มือที่มองไม่เห็น" นี้ สามารถบงการและดลจิตดลใจคนได้ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้ถูกสั่งจากมนุษย์คนไหนเลยเช่น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้มนุษย์คนไหนสั่งให้ "หน้าม้า" เข้ามาเอออวยกับเราอย่างผิดปกติ แต่เมื่อใดที่มือที่มองไม่เห็นนี้ ลงมือแล้ว ก็จะมีหน้าม้าที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกมือที่มองไม่เห็น บงการอยู่ มาเอออวย ใครบางคนมาก "ผิดปกติ" เช่น ปกติแล้ว ไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้ ทำพฤติกรรมอย่างอื่น หรือทำพฤติกรรมเหล่านี้กับคนบางคนโดยไร้เหตุผล ไม่รู้ตัว เวลาทำกับบางคน จะทำด้วยอคติมากๆ แต่พอทำกับ "ใครบางคน" ที่ภาคมืด บงการไว้ให้เอออวย ก็จะหลงเผลอ เอออวยไปไม่รู้ตัวได้ เคยเห็นคนที่มีความรู้สึกร่วมกันโดยไร้เหตุผลไหม? แบบคล้ายๆ จิตวิทยาหมู่น่ะ แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนทำนะ จับผิดคนไม่ได้สักคน ไม่มีคนๆ ไหนทำผิดเลย คือ ไม่มีคนๆ ไหนทำจิตวิทยาหมู่ แต่มันก็เกิดขึ้นได้เฉยเลย โดยมี "มือที่มองไม่เห็น" นี่ละ กระทำให้ เคยไหมครับ กำลังจะเล่นตลก ยังไม่ทันปล่อยมุกเลย เฮ้ย คนขำกันเต็มไปหมด? หรือดาราดัง ยังไม่ทันทำอะไรเลย โผล่มา คนกรี๊ดกันสนั่น (งงว่ะ อะไรวะ ตูยังไม่ ทันทำอะไรเลย ออกอาการกันเพี้ยบแล้ว) นั่นละ "มือที่มองไม่เห็น" เขากำลังจะปั้นคุณ ทำให้คุณเป็นคนเด่นดังในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

ทางหนึ่งที่จะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของซาตานได้ คือ การยอมพลีชีพ ซึ่งการยอมพลีีชีพนี้ สามารถพลีชีพให้แก่พระเจ้า ก็ได้, พระบุตร ก็ได้ เช่น ถ้าพระบุตรที่ถูกส่งลงไปยังโลก กำลังยากลำบากและต้องฝ่าฟันอุปสรรคบางอย่างอยู่ เช่น เรียนไม่จบเพราะลูซิเฟอร์เล่นงาน บีบให้มีการยอมแลก ถ้ายอมแลก ซาตานก็จะให้จบ แล้วอาจารย์ท่านหนึ่ง มีจิตที่ต้องการช่วยให้จบ แต่อาจารย์ได้เป็นอาจารย์ก็เพราะอำนาจของลูซิเฟอร์ อาจารย์ท่านนั้นก็จะต้องตาย ไม่ได้ป่วยตาย แต่จะตายโหง เช่น ถูกฆ่า หรือประสบอุบัติเหตุ เป็นการพลีชีพแด่พระบุตร จึงจะได้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของลูซิเฟอร์ แบบนี้ มีอยู่เ่ช่นกัน อีกวิธีที่ดีกว่าคือ การชำระล้างจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ และการกำเนิดใหม่ แบบนี้่จะไม่้ต้องพลีชีพ และสามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือของลูซิเฟอร์ได้เ่ช่นกัน


สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรมากครับ อย่าซีเรียสและไม่ต้องตกใจ โดยเฉพาะเราๆ ท่านๆ ที่ใช้เน็ตอยู่นี้ เน็ตคือมิติหนึ่งของภาคมืดครับ เขาทำไว้ให้ภาคมืดก่อนโดยเฉพาะ แต่ภายหลังภาคสว่างพยายามเข้ามาจัดการให้เข้าที่เข้าทางทีหลัง (ดังนั้นคุณจึงเห็นอะไรไม่ดีในเน็ตยังเยอะอยู่) ดังนั้น เราทุกคนก็มีบางส่วนอยู่ในภาคมืดกันอยู่แล้วครับ ไม่ต้องตกใจไป เราสามารถชำระล้าง และกำเนิดใหม่ได้ครับ มีทางแก้ มีทางออกอยู่ บอกให้รู้ไว้จะได้ไม่หลงเพลิน เอาละ เม้าท์มายาว เดี๋ยวเด็กๆ จะเครียดเอา เพราะไม่ชอบอะไรขมๆ งั้นลาเลยละกัน ราตรีสวัสดิ์ครับ




3 ความคิดเห็น:

  1. ขึ้นชื่อว่า "มนุษย์" ถูกสร้างขึ้นให้มามีสภาวะที่สมดุลย์ในตัวอยู่แล้ว "มีทั้ง ขาว-ดำ, ดี-ชั่ว" ที่สมดุลย์อยู่ในตัวอยู่แล้ว

    ตอบลบ
  2. ก็ถึงว่า เวลาเราคิดที่จะทำอะไรบางอย่าง เหมือนคนรอบข้าง บางที "จะกลายเป็นตัวขวางเราไปโดยอัตโนมัติ"

    หรือบางที "เขาก็จะมา อวยเรา มาสนับสนุนเรา" เช่น พอเราคิดจะทำอันนั้น อันนี้ คนรอบๆข้างเรา ก็จะมาสนับสนุนหรือเห็นด้วยทันที 555

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณนะคะ ^_^

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน