วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"บารมีพิเศษ" อันเป็นอาญาสิทธิ์ อาญาธรรม เฉพาะของเรา เป็นไฉน?

เมื่อวานพี่ชายไปตลาดขากลับขี่จักรยานมามีคนขี่จักรยานตามพี่ชาย มาอ่ะ คนแปลกหน้าด้วย น่ากลัวอ่ะป่าว? ไม่หรอก เขาแค่ถามเส้นทางน่ะครับ คือ เขามาจากอีสานแล้วไม่รู้เส้นทาง มาขี่จักรยานเล่น เจอพี่ชายพอดี เลยขี่จักรยานคุยกัน ไม่รู้จักกันมาก่อนหรอก เขามาทำเขื่อนกั้นน้ำน่ะครับ พี่ชายก็เคยช่วยคนกั้นน้ำเหมือนกัน แปลกดีเนอะมาเจอกันได้ เลยเก็บมาเม้าท์ให้ฟังเล่นๆ ว่าถ้ามีคนแปลกหน้ามาเจอพี่ชายๆ ก็คุยด้วยปกติน่ะแหละ มาตามธรรมชาติ ก็คุยตามธรรมชาติ มาตามเน็ต ก็ต้องคุยตามเน็ตครับ หุๆๆ เอาละ เข้าเรื่องเราัวันนี้ดีกว่า เรื่องคือ บารมีพิเศษที่มีเฉพาะ ไม่เหมือนใคร มันเป็นอย่างไร ลองอ่านดูครับ


อย่่างแรก พี่ชายขอปูพื้นฐานจากคำว่า "บารมีพิเศษ" ก่อนนะครับ มันก็คือ บารมีเฉพาะที่ดีที่คนอื่นเขาไม่ค่อยมีกันนั่นเอง โอเคมั้ย ง่ายดี ก็ยกตัวอย่างเช่น บารมีที่โปรดสัตว์นรกได้ จะมีแต่ตัวตนในรูปกายแบบ "พระกษิติครรภ์" เท่านั้นครับ ถ้าเราอยากจะมีบารมีแบบนั้น ได้บารมีแบบนั้น เราก็ต้องลงไปเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีตามพระกษิติครรภ์องค์ต้นแบบ เราก็จะได้ตัวตนในรูปแบบนั้นได้ สัก ๑ ตัวตน ในภพสวรรค์ก็ได้ครับ ไว้เชื่อมโยงประสานงานกับตัวตนอื่นๆ ของเราต่อไป แต่ถ้าเราไม่เคยบำเพ็ญบารมีแบบนี้ ไม่มีตัวตนในรูปแบบนี้เลย เราก็จะไม่มีบารมีเฉพาะที่จะลงไปโปรดหรือช่วยเหลือสัตว์นรกได้ครับ เมื่อเรามาเกิดบนโลก เราจะช่วยคนป่วยที่นอนรับการทรมานอยู่ ไม่ได้ครับ ด้วยเราไม่มีบารมีแบบนั้นไงครับ (คนป่วยที่นอนให้เขาทรมานอยู่ ก็มีบางตัวตนที่เสวยกรรมอยู่ในนรกครับ) นั่นคือ เราก็ไม่อาจจะเป็นหมอได้ไงละ ดังนั้น ถ้าเราสร้างบารมีเอาไว้หลายๆ แบบ มันจะช่วยเสริมตัวตนที่เป็นเครือข่ายทั้งหมดของเราได้ครับ (เรามีหลายตัวตน ให้หลายมิติที่เชื่อมโยงกัน เรียกว่า เครือข่ายตัวตนหลากมิติครับ) บางตัวตนของเราก็อาจมีปัญญามาก หยั่งรู้ดินฟ้าไปหมด เหมือนกับมีสัพพัญญูญาณก็มีได้ครับ ถ้าเราเคยบำเพ็ญบารมีไว้นะครับ หรือบางตัวตนของเราก็อาจจะมีบารมีเฉพาะแบบแปลกๆ เช่น มีหลายชีวิต ตายแล้วเกิดใหม่ได้อีก อะไรแบบนั้น แปลกดี แต่ก็มีครับ เพราะบารมีนั้น สร้างกันได้หลายรูป หลายลักษณ์ สุดคาดหยั่งครับ ใครที่ทำได้เป็นคนแรก ก็จะกลายเ็ป็น "องค์ปฐมต้นแบบ" ให้คนอื่นทำตามได้ครับ เหมือนองค์ปฐมต้นแบบของพระโพธิสัตว์แบบต่างๆ เช่น พระกษิติครรภ์, พระมัญชุศรี เป็นต้น 


อย่างที่สอง คือ แล้วทำอย่างไรเราจึงจะมีบารมีเฉพาะแบบต่างๆ กับเขามั่งละ ก็ไม่ยากครับ เราก็ทำิสิครับ ทำให้สำเร็จ บำเพ็ญบารมีให้ได้ ในชาติใดชาติหนึ่ง ก็จะมีบารมีและตัวตนในภาคนั้นๆ ของเราเก็บไ้ว้ในธนาคาร เอ้ย ไม่ช่าย ในมิติใดมิติหนึ่งครับเช่น ถ้าเราอยากมีปัญญามากๆ แบบเหมือนมีสัพพัญูญาณเลย หรือหยั่งรู้ฟ้าดินได้เลย ก็ต้องทำครับ ในชาติไหนก็ได้ ทำซะให้สำเร็จ มันก็ได้เองแหละครับ พอชาติต่อไปเราก็ไปทำบารมีอย่างอื่น แบบอื่นอีก ก็จะได้บารมีแบบอื่นที่ต่างออกไปอีกครับ เห็นไหม ก็แค่นั้นเอง พูดไม่ยาก แต่ทำจริง ยากโคตรๆ เลยครับ ฮ่าๆๆ ทว่า ก็ไม่เกินความพยายามและความตั้งใจจริง ใช่มั้ย ละครับ อย่าไปหลงกับ "อาชีพ" มากเกินไป เพราะอาชีพมันไม่ได้ทำ ให้เราได้บารมีเฉพาะใหม่ๆ หรอกนะครับ มันปลายหางแถวแล้ว คนอื่นที่เขาเคยสร้างบารมีแบบนั้นมาแล้ว เช่น เคยเกิดเป็นหมอมาแล้ว เขาไม่ต้องมาเป็นหมออีกแล้ว เขาก็ทำอย่างอื่นต่อไปเลย เรียนรู้เรื่องอื่นไปเลยครับ เราก็ไม่ต้องวนรอบกลับไปทำอย่างเดิมซ้ำๆ อีก เราก็จะได้ทำเรื่องอื่นๆ ทำให้ชาตินี้ของเรา ไม่เสียชาติเกิดไงครับ อย่างเช่น การบำเพ็ญบารมีโปรดจิตวิญญาณมืด อันนี้ ของใหม่และยาก มากๆ ครับ ขอบอก หรือการโปรดปีศาจให้กลายเป็นเทพ ก็ไม่ใช่ของง่ายๆ นะ บางท่านเคยทำได้แล้ว ก็มาโปรดปีศาจให้ได้เป็นมนุษย์ไปอีก เรียกว่าพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นไปเลย เจ๋งมั้ยละ เดี๋ยวนี้ พี่ชายเห็นคนบำเพ็ญบารมีแข่งกันเอาๆ เยอะแยะ ส่วนใหญ่จะสร้างวัดแข่งกันนะ ก็เป็นบารมีพื้นฐานมากๆ เลย บางคนสร้างวัด, สร้างเขื่อน, สร้างสะพาน , สร้างถนนหนทาง โอ้ย ทำมาหมดแล้ว เรียกว่า ของพื้นๆ เป็นบารมีที่เรียกว่า "ผู้สร้าง" นั่นเอง ถ้ายกตัวอย่างเป็นตัวตนก็คือ "องค์พรหม", "องค์อิศวร" หรือ "องค์วิษณุเทพ" อะไรแบบนั้น ก็ทำกันไปครับ ส่วนท่านไหนได้อะไรไปไกลแล้ว ก็หาอะไรใหม่ๆ ทดลองทำดู อะไรที่ทำไม่ได้ ไม่เคยทำ ก็ลองทำให้มันได้ซะ สิ่งดีๆ อ่ะนะ ทำได้แล้วก็จะได้เป็นบารมีเฉพาะเก็บไว้ได้ ไม่เสียหลาย ไม่บูดเน่า ไม่ต้องแช่เย็นครับ


อย่างหนึ่งที่อยากจะบอกไว้ก่อนคือ "ไม่มีบารมี อย่าไปทำครับ" เพราะมันจะ "ตาย" ได้เด้อ สิบอกให้ เช่น เราไม่มีบารมีไปห้ามเขารบกัน เราก็ฝืนไปทำมันยิงเราสวนกลับใส้แตกตายได้ครับ นี่เพราะเราไม่มีบารมี ถ้าเราอยากได้บารมีแบบนั้นจริงๆ ตายแล้วก็ไปเกิดใหม่ ทำใหม่ เอาจนกว่าจะได้บารมีนั้นครับ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ซวยไปเสียไปชาติหนึ่ง อ่ะนะ อย่างการเขียนตำรา ก็ดี, เรียบเรียงคัมภีัร์ ก็ีดี, หรือแม้แต่วิทยานิพนธ์ก็ดี มันก็ต้องอาศัยบารมีเก่าครับ (ยกเว้นว่าไม่ใช้บารมีทำ แต่ยืมพลังภาคมืดทำ ก็ได้เช่นกัน แต่จะกลายเป็นภาคมืดไปครับ) อันไหนที่เราไม่มีบารมีจะไปทำ ก็ไม่อาจทำได้ครับ ดังนั้น เราจึงควรทำอะไรที่เราไม่เคยทำ แล้วทำให้มันได้ครับ จะได้กลายเ็ป็นบารมีใหม่ๆ สะสมไว้อย่างไรละครับ เอาละ เม้าท์มายาวพอควรละ วันนี้วันหยุด เด็กๆ จะได้พักผ่อนนอนดูหนังกันบ้าง ไม่เ้ม้าท์ยาวละ ลาไปก่อน ราตรีสวัสดิ์ครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน