วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

สี่อัศวิน และการดำเนินไปสู่หนทางของนักรบแห่งแสงสว่าง

ใกล้่วันพิพากษาตัดสินแล้วว่า ใครจะไ้ด้ยึดครองเืมืองหลวงของไทย ระหว่างพรรครัฐบาล, พรรคฝ่ายค้าน หรือว่า "ผู้สมัครอิสระ" ที่มีทั้งอิสระจริง และแบบมีเบื้องหลังโยงใย ฮ่าๆๆ อย่าซีเรียสครับ อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด พระเขาสอนกันมาอย่่างนั้น แหม จะว่าไปนะ ถ้ารัฐบาลได้ทั้งเมืองหลวง และภาคใต้นะ ทีนี้ละ ไม่ต้องคิดแล้วว่ามันจะสนุกขนาดไหน เอ้า กลับมาเรื่องของเราดีกว่า เดี๋ยวคนอ่านจะเครียดเกินไป วันนี้เรื่องต่อจากบทความที่แล้ว เล่าเรื่องอัศวินแห่งแสงสว่างที่มีัลำดับขั้นของพัฒนาการ ๔ ขั้น อธิบายเพิ่มเติมให้มากขึ้น ดังนี้


อย่างแรก พี่ชายอยากจะปูพื้นฐานนิดหนึ่ง กล่าวคือ พี่ชายใช้คำว่่าสี่อัศวินนั้น หมายถึง คนที่ใสแล้วได้รับการห่อหุ้มเกราะในความหมายของพี่ชายนะครับ ไม่ใช่ความหมายอื่น ดังที่ได้บอกแล้ว ในบทความก่อน พี่ชายขอย้อนซ้ำง่ายๆ อีกครั้ง ถึงบุคคล ๔ ประเภท ดังนี้ครับ

๑. ใสหุ้มกรรม คือ คนที่ภายในใสมากๆ แล้วถูกอำนาจแห่งวิบากกรรมห่อหุ้มภายนอก ทำให้ดูแปลกผิดปกติทางร่างกายหรือจิตใจได้นะครับ เช่น ถ้าถูกเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นมารเล่นงาน ก็จะดูเหมือนบ้าๆ หรือดูผิดเพี้ยนไปได้ ถ้าถูกเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นพวกชั้นต่ำเล่นงาน ก็อาจทำให้ป่วย นอนซมได้ เรียกช่วงนี้ว่าช่วงชำระวิบาก หรือช่วงแห่งการชำระล้างบาปของตัวเราเองก็ได้ (ล้างบาปไม่ได้หมายความว่าลบล้างความผิดบาปนะครับ โปรดเข้าใจด้วย) ช่วงนี้ ตันตระยานมักให้เก็บตัวก่อน ภายหลังจึงเกิดเป็น "นิกายลับ" ขึ้น ตามแนวคิดการเก็บตัวนี้

๒. ใสหุ้มพรหม คือคนที่ภายในใสมากๆ แล้วถูกอำนาจแห่งวิบากกรรมห่อหุ้มภายนอกแต่เป็นวิบากกรรมส่วนดีหน่อย เข้ามาบำเพ็ญบุญบารมีร่วมกับคนๆ นั้นครับ ทำให้ดูเหมือน X-men มีพลังพิเศษ เช่น เ็ป็นคน ทรง มีญาณหยั่งรู้ ทำนายทายทักคนได้ อะไรแบบนั้น เคยเห็นไหมละ คนที่เคยย่ำแย่ ป่วยแย่ แล้วต่อมา ก็กลายเป็นคนทรง แล้วดีขึ้นน่ะ มันก็พัฒนามาจากขั้น "ใสหุ้มกรรม" นั่นแหละ ช่วงนี้ เรียกว่่า สบายตัวขึ้น ออกมาพบปะกับผู้คนได้แล้ว เพราะวิบากกรรมเบาบางลงเริ่มมีบุญเข้าแล้วครับ หรืออีกมุมหนึ่งก็คือ ชดใช้กรรมด้วยการทำกิจต่างๆ นั่นเอง

๓. ใสหุ้มเซียน คือ คนที่ภายในใสมากๆ แล้วไม่ถูกอะไรครอบงำ ทว่า ตรงสู่นิพพานได้เอง คล้ายๆ ว่าเกือบจะตรัสรู้เองเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าอะไรแบบนั้น (ถ้าตรัสฯ ผิดเวลาละยุ่งเลย สามภพจะแปรปรวนอ่ะ) เขาก็เลยต้องใช้ "พลังแห่งชุดเกราะเซียน" หุ้มไว้ก่อน ป้องกันไม่ให้กลายเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าไป แบบนี้ ใสโคตรๆ เกือบจะรู้ธรรมเท่าๆ กับพระปัจเจกพุทธเจ้าเลย ทว่าเพราะไม่ได้รับธรรม ไม่ได้ต่อสายธรรมตรงต่อพระพุทธเจ้าก็เลยยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล เราจะนับว่าเขาเป็นเซีัยนก่อนนะครับ ปกติ พวกนี้จะอยู่เฉยๆ ไม่ทำกรรมอะไรครับ

๔. ใสหุ้มพระ คือ คนที่ภายในใสมากๆ แล้วได้รับธรรม ได้ต่อสายธรรมตรงจากพระพุทธเจ้าก็จะบรรลุธรรมอย่างแท้จริงเป็นพระอรหันต์ได้ซึ่งมักจะตามมาด้วยการบวชเป็นพระครับ ดังนั้นผมจึงใช้คำเรียกง่ายๆ ว่า "ใสหุ้มพระ" คือ ความเป็นพระมันไม่ใสหรอก มันก็เป็นตัวตนอะไรสักอย่างหนึ่งอ่ะนะ แต่ว่ามันก็แค่ "เปลือกนอก" ที่ห่้อหุ้มสิ่งที่ใสๆ นั้นให้มีสถานภาพอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้ ก็เท่านั้นเอง ซึ่งท่านเหล่่านี้จะเป็นพระแท้ ทั้งโดยสมมุติและวิมุติ ไม่ใช่แ่ค่ได้บวชแล้วห่มผ้าเหลือง

เอาละ พี่ชายได้แนะนำให้รู้จักบุคคลทั้ง ๔ แบบแล้ว ซึ่งสามารถที่จะพัฒนาไปได้เป็นขั้นๆ ครับ กล่าวคือ จากแบบที่ ๑ ไป ๒ ไป ๓ แล้วไป ๔ ครับ พวกที่บวชพระตั้งแต่เล็กๆ เติบโตมาทางสายพระ ไม่่ค่อยได้ทำกรรมทางโลกอะไร เมื่อใสแล้วมักมีช่วงที่ ๑ สั้นๆ เช่น แค่ช่วงเร่งปฏิบัติธรรม อาจพบว่ามีมารแทรก มารครอบงำ หรือเจ็บป่วยบ้าง แล้วก็จะเข้าสู่ช่วงที่ ๒ ได้ไม่ยากครับ เช่น สายพระป่าทั้งหลาย ซึ่งมักจะติดอยู่ในขั้นที่ ๒ นี้มาก คือ สร้างบุญบารมีร่วมกับเทพพรหมเสียมาก ก็เลยไม่ก้่าวหน้าไปสู่ขั้นที่ ๓ ครับ ส่วนพวกที่อยู่ขั้นที่ ๓ มักจะสันโดษ มากๆ ไม่ค่อยได้คลุกคลีเข้าสังคมกับใครเขา จนเมื่อรู้แจ้งชัดแล้วว่ามันไม่ใช่วิถีแห่งพระพุทธศาสนา มันเป็นวิถีปัจเจกฯ ก็จะเคลื่อนต่อไปยังขั้นที่ ๔ คือ แสวงหา "สายธรรม" ของพระพุทธเจ้าในลำดับต่อไป


อย่างที่สอง พี่ชายอยากบอกว่่าในยุคนี้ คนไทยจำนวนมากครับ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะอะไร? เพราะว่าพวกเขามาจากเบื้องบน พวกเขาเคยใสมาก่อน แล้วลงมาเกิดเพื่อช่วยกิจครั้งสำคัญในยุคกึ่งกลางพุทธกาลนี้ เมื่อถึงวาระ พวกเขาจะกลับไป "ใสได้เหมือนเดิม" พอเข้าใจไหมครับ เริ่มจากเขาใสมาก่อนแล้วเขาก็อาศัย "บาปกำเนิด" มาเกิด อาศัยกามกิเลสกำเนิด ปราณที่ไม่บริสุทธิ์ของพ่อและแม่มากำเนิด เขาก็เลยได้รับกิเลส บาปกำเนิดไปช่วงต้นๆ พอถึงจุดหนึ่ง พวกเขาจะได้รับการ "ชำระล้างภายใน" ตามธรรมชาติ ตามระบบร่างกาย ตามการใช้ชีวิต ตามปกติครับ จากนั้น พวกเขาก็จะ "ใสปิ๊ง" เหมือนเดิม และที่นี้แหละที่พวกเขาเริ่มอยู่ร่วมกับมนุษย์โลกได้ยากแล้ว ใสเหมือนมนุษย์ต่างดาว จนแตกต่างจากคนอื่นๆ มากเกินไป กระบวนการหุ้มเกราะก็จะเริ่มขึ้นครับ โดยมีพลังชุดเกราะมาให้เราได้ใช้เป็นขั้นๆ ไปเริ่มจากขั้นที่ ๑ ไปจนถึงขั้นที่ ๔ นั่นแหละ แล้วแต่ว่าจะมีอายุยาวไปถึงไหนแต่ถ้าตายก่อนก็จบอ่ะครับ จบขั้นไหน ก็ได้ขั้นนั้น ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะจบในขั้นที่ ๔ หรอกนะครับ ทีนี้ ก็ลองมาดูพวก X-men กันมากๆ หน่อย คือคนที่อยู่ในขั้นที่ ๒ นั่นเอง พวกนี้ มักมีอาชีพหรือการงานที่ดีนะครับ ตามแบบของพลังชุดเกราะที่ได้รับครับ เช่น บางคนก็เป็นหมอดู ดูดวงได้เงิน มีชีวิตอิสระ ไม่ต้องขึ้นกับใคร บางคนก็เป็นหมอนวด หมอรักษาโรคแผนโบราณไป ก็มีครับ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้ทำกิจร่วมกับเทพพรหมต่างๆ เพื่อการชำระล้าง และการเกิดใหม่นะครับ กล่าวคือ เทพพรหมที่มาร่วมบารมีด้วย จะมาำชำระล้างตัวเองโดยการทำกิจร่วมกับเราจนหมดหน้าที่ไปครับ เขาก็จะตรงต่อนิพพานไป แต่เราจะได้บารมีไปต่อครับ (ดีใจไหม คุณได้ไปต่อนะ!) ซึ่งในการทำกิจทั้งหลายช่วงนี้ "ล้วนไม่ได้ตรงต่อนิพพาน" อะไรหรอกนะครับ เช่น การที่พระสร้างวัดนั้น ก็ไม่ใช่วิถีทางตรงต่อนิพพานหรอกครับ มันเป็นแค่กระบวนการ "ชำระล้าง" อย่างหนึ่ง ชดใช้ และเคลียร์กรรมกับเทพพรหมทั้งหลายอย่างหนึ่งเท่่านั้นเอง ก่อนที่เทพพรหมเหล่านั้น ท่านจะเข้านิพพานไป เพราะท่านไม่อยากไปต่อแล้ว อยากตรงต่อนิพพานกันละ ว่างั้นเหอะ เทพพรหมเหล่านี้ ก็เลยต้องหาร่างสังขารมาร่วมทำกิจ บำเพ็ญบารมี เพื่อชดใช้กรรมทำหน้าที่ของตนให้หมดสิ้นไป จะได้หมดภาระ ปลดเปลื้องภาระของตนให้หมดสิ้นเสียที ก็เท่านั้นเองครับ


และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มนุษย์หลายคนกลายเป็น X-men ครับ แต่ว่าหลายคนก็ใช้พลังงานมากเกินไป ทำให้ช่วงท้ายๆ ของชีวิต ได้รับผลกรรมมากได้ครับ โดยเฉพาะท่านที่ได้รับพลังพิเศษมาก่อน ทั้งๆ ที่ยังไม่ใสมากนัก (ซึ่งแบบนี้ก็มีครับ เรียกว่า "เป็นพาหะของพลังงาน") ก็เมื่อมีคนรับช่วงเอาพลังชุดเกราะเหล่านั้นไปแล้ว พวกเขาจึงหมดกิจ หมดภาระไปได้ แต่ถ้ายังไม่มีใครรับช่วงต่อไป พวกเขาก็ยังต้องฝืนที่จะต้องทำกิจนั้นๆ ต่อไป และด้วยการฝืนกำลังมากเกินไปนี่เอง ทำให้พวกเขาต้องยากลำบากในช่วงท้ายของชีวิตนะคับ เอาละพี่ชายเม้าท์มายาวแล้ว เริ่มง่วง ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ ...



1 ความคิดเห็น:

  1. แล้วเหล่าเทพเทวดา ที่มาทำงานนวด เค้ามีกรรมอะไรมาก่อน ถึงต้องมาทำงานนี้

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน