วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

จัดระบบพลังงานในร่างกายให้เข้าที่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคุณ

วันนี้เนื้อหาค่อนข้างเยอะ พี่ชายเลยไม่เล่นมุขละ เดี๋ยวรายการไทยแลนด์คอมมาดี้ เขาจะไม่มีมุขไปเล่น เพราะไปแย่งเขาเล่นหมดอ่ะ ก็มาเข้าเรื่องของเราเลยละกัน คือ เรื่องของการจัดระบบพลังงานของร่างกาย เพื่อให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นแบบองค์รวมนะครับ แต่จะไม่ลงรายละเอียดมากครับ จะกล่าวสรุปคร่าวๆ สั้นๆ พอเห็นภาพครับ ที่เหลือสามารถติดตามรายละเอียดได้ตามร้านขายยาทั่วไป เย้ย มะช่าย ตามแหล่งเรียนรู้ทั่วไปครับ เอาเป็นว่าเม้าท์ให้เห็นภาพรวมง่ายๆ ก็แล้วกัน จะได้ไปหาทางต่อยอดกันได้ต่อไป ดังรายละเอียดต่อไปนี้


อย่างแรก พี่ชายอยากปูพื้นก่อนว่าในร่างกายของเรามีพลังงานหลายชนิด ถ้าไม่มีพลังงานเราก็จะไม่มีชีวิตไม่ีมีแรงขยับเขยื้อนหรือทำอะไรได้นะครับ ทว่า พลังงานหลายชนิดที่อยู่ในร่างกายมีชนิดที่สำคัญๆ ที่เราควรรู้จักและทำความเข้าใจ เพื่อใช้พลังงานให้เป็นประโยชน์สูงสุด หรือก้าวไปสู่การจัดระบบพลังงานในร่างกายเราได้อย่างเหมาะสม ซึ่งพลังงานหลักๆ นั้น จำแนกได้ตามแหล่งกักเก็บพลังงาน ที่มีอยู่ทั้งสิ้น ๗ แห่ง เรียกว่า จักระ ๗ นั้นเอง อนึ่ง เวลาเราเรียก "จักระ" เราจะเรียกในฐานะที่เป็นระบบพลัง มีการขับเคลื่อนและหมุนเหมือนจักรวาล แต่มันไม่ได้มีแต่ระบบหมุนนะครับ ณ จักระแต่ละจักระ ก็มีระบบ "กักเก็บ" พลังงานได้ด้วย อุปมาเหมือนเป็นเหมือนแอ่งน้ำใหญ่ๆ อะไรประมาณนั้น นอกจากนี้ แต่ละแอ่งทั้ง ๗ แอ่้งนี้ มีความเหมาะสมในการกักเก็บพลังงานที่แตกต่างกันไป บางแอ่ง ไม่เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานครับ มีเพียงบางแอ่งเท่านั้นที่สามารถเก็บสะสมพลังงานได้ดี และได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทว่า อย่างไรก็ตามทั้ง ๗ แอ่งนี้ก็เป็นบ่อเกิดของพลังงานต่างๆ อันแตกต่างกันไปอีกด้วยสำหรับแหล่งกักเก็บพลังงานนี้ ขอสรุปเลยนะครับว่ามีแหล่งที่เหมาะสมอยู่ ๓ แห่งที่ดีที่สุดคือจักระที่สองนะครับ บริเวณท้องน้อยครับ อีกสองแหล่งรองลงไปได้แก่ ใต้ลิ้นปี่และหน้าอก สองแหล่งนี้สามารถกักเก็บพลังงานได้จำกัด ดังนั้น ผู้ฝึกจึงมักเก็บพลังงานไว้ที่ท้องน้อยเ้ป็นสำคัญ ส่วนแหล่งอื่นๆ จะไม่ค่อยนิยมไว้กักเก็บพลังงานมากนักครับ อย่างไรก็ตาม แหล่งอื่นๆ จะมีพลังงานอยู่เหมือนกัน แม้จะไม่มากเท่ากับพลังจากจักระที่สองนี้ และเราจะใช้พลังงานในการทำกิจต่างๆ มากจากพลังงานจากจักระที่สองนี้เป็นสำคัญนะครับ การดึงเอาพลังงานจากจักระอื่นๆ ออกมาใ่ช้ อาจทำให้มีพลังเพิ่มขึ้น เช่น เมื่อตกใจเพราะไฟใหม้ ทว่า นั่นคือ พลังงานที่ไว้ใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ ครับไม่ควรนำมาใช้บ่อยเกินไป นอกจากนี้ ยังมีพลังงานบางชนิดที่ควรปล่อยไว้เฉยๆ เพื่อรักษาดุลยภาพในร่างกายเท่านั้น ดังนั้น เราจะนับพลังงานจักรที่ ๒ นี้ เรียกว่า "พลังงานหลักในร่างกายที่จะใช้ในการทำกิจต่างๆ" ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้หรือทำงานในชีวิตปกติครับ ส่วนพลังงานอีกแหล่งหนึ่งซึ่งนำเข้ามาจากภายนอก ก็คือ พลังงานที่มาจากจักระที่ ๗ (พลังจักรวาล) พลังงานส่วนนี้ ดึงเข้ามาเพิ่มได้เรื่อยๆ ครับ ทว่า จะเป็นพลังเกี่ยวเนื่องกับ "ปัญญา" ไม่เน้นพลังที่ใช้่ในการทำกิจ หรือทำงานของร่างกายครับ ดังนั้น เราจะมาดูพลังงานสองแหล่งที่สำคัญนี้จากจักระที่ ๒ และ ๗ มากขึ้น ต่อไปครับ 


เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ผมขอเรียกพลังจากจักระที่ ๒ ว่าพลังภายในตัวเราเอง และพลังจากจักระที่ ๗ ว่าพลังจากภายนอกหรือพลังจักรวาล ซึ่งเราจะใช้พลังจากจักระที่ ๒ นี้ในด้านบู๊โดยตรง และใช้พลังจากจักระที่ ๗ ในด้านบุ๋นนะครับ ส่วนพลังงานอื่นๆ เ่ช่น พลังงานจากจักระที่ ๑ นี้ เราจะไม่ดึงออกมาใช้นะครับ แต่เราจะเก็บไว้เพื่อรักษาสมดุลภายในที่เกี่ยวข้องกับร่างกายในด้่านอื่นๆ หรือใช้ตามหน้าที่ ก็แล้วกัน ทีนี้เราก็มีการใช้่พลังงานที่มีระบบแล้ว อย่างแรกที่เราควรเข้าใจคือ พลังงานในจักระที่ ๒ (บู๊) นี้ มาจากการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ดังนั้น เราจึงสามารถกินอาหารเพื่อเพิ่มพลังงานนี้ได้เรื่อยๆ นะครับ ซึ่งเวลาร่าง กายเราจะเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไป ทำให้เกิดพลังงานนั้น จะผ่านการหายใจครับ อากาศที่เราหายใจเข้าไปช่วยให้เกิดการเผาผลาญที่ดี ดังนั้น การฝึกพลังในจักระนี้ จะเกี่ยวข้องกับการหายใจโดยตรง ซึ่งผมได้แนะนำการฝึกหายใจบางแบบไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการหายใจที่เกี่ยวข้องกับพลังส่วนนี้ คือ เราจะหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วรวมสมาธิที่ท้องน้อยครับ เวลาหายใจออกเราจะใช้เพื่อ "ปลดปล่อยพลังส่วนที่เกิน" เช่น เวลาเราใ้ช้พลังไปแล้ว อาจจะมีพลังบางส่วนที่ปลดปล่อยออกไปไม่หมด เราจะระบายออกมาพร้อมการหายใจออกเท่านั้นเอง เอาละ หลักการง่ายๆ แค่นี้เอง คือ รวมสมาธิที่ท้องน้อย ก็แค่นั้น ง่ายนะ ต่อไป คือเรื่องจักระที่ ๗ บ้าง ซึ่งจักระนี้ มีพลังงานที่เกี่ยวข้องมาจากธรรมชาติทั่วจักรวาล จึงมักเรียกว่า "พลังจักรวาล" เวลาเราฝึก ก็จะเปิดจักระที่ ๗ นี้ เพื่อเปิดรับพลังจักรวาลครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในรูปพลังบุ๋น ทำให้เรามีปัญญานะครับ ข้อควรระวังเกี่ยวกับพลังนี้คือ จะมีพลังงานที่มากมายในจักรวาลเข้ามาเยอะ เหมือนคลื่นแทรกนะครับ ดังนั้น หากเรายังไม่ชำนาญเราก็จะถูกรบกวนด้วยพลังแทรกหรือคลื่นแทรกเหล่านี้ได้ หลักการที่ดีคือ เราจะเลือกเปิดรับพลังงานเฉพาะที่เราคุ้นเคยหรือเหมาะสมกับเราครับแทนที่จะเปิดกว้างรับพลังทุกอย่างจนทำให้สับสนไปหมดเคล็ดลับง่ายๆ ในกรณีนี้คือการใช้จิตเหนี่ยวนำ หรือการจูนคลื่นพลังงานให้ตรงอย่างหนึ่งอย่างใดครับ เช่น การที่เรามีศรัทธาต่อพระยูไล เราสามารถเปิดรับพลังของพระยูไลที่ประทับอยู่ในจักรวาลนี้ได้ ผ่านจักระนี้ แต่เพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราไม่ถูกพลังแทรกหรือคลื่นแทรกมากเกินไป ก็จะรับพลังที่บริสุทธิ์ได้ดีครับ 


เอาละ พี่ชายเม้า์ท์มายาวพอควรทีเดียว แบบสรุปรวบลัดนะครับ ไม่ขยายรายละเอียดมากไปกว่านี้ ยิ่งขยายจะยิ่งงง และไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไรครับ เอาเป็นแนวทางเบื้องต้นไปก็แล้วกัน ที่สำคัญคือ ควรมีผู้ใหญ่หรือครูบาอาจารย์ดูแลครับ ไม่ควรฝึกตามลำพัง เพราะท่านจะได้ช่วยเหลือเราได้ เมื่อเราก้าวพลาดไป สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ



5 ความคิดเห็น:

  1. นี่ๆเค้าฉงฉัยว่า เค้าโดนคุณไสย์อ่ะ

    ตอบลบ
  2. ใครๆ เขาก็โดนกันทั้งนั้นแหละ ตกใจทำไมกัน
    เดี๋ยวนี้เยอะจะตาย ไม่ต่างจากควันพิษในอากาศหรอก

    ตอบลบ
  3. จะดึงพลังจักระที่ 2 มาใช้ต่อสู้ยังไงอ่ะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฝึกใช้จิตนำไง จากจักระที่สอง มายังฝ่ามือ หรือหมัด
      เมื่อฝึกจนชำนาญ ก็จะดึงพลังมาได้มากขึ้นไงละ


      ไปวัดเส้าหลิน เขาก็ยังสอนกันอยู่นะ
      มีสาขามาเปิดที่ประเทศไทยด้วย
      แต่เขาคงไม่บอกเคล็ดลมปราณ
      บอกแต่ท่าทาง แล้วแ่ต่ว่าเราจะจับ
      เคล็ดลับเองได้หรือไม่ (ใครจะบอก
      ง่ายๆ เล่า ของแบบนี้)

      ลบ

เม้าท์ด้วยคน