อย่างแรก พี่ชายอยากปูพื้นฐานนิดหนึ่งก่อนว่า ยามนี้โลกอยู่ในยุคมืด ยังไม่ใช่ยุคสว่าง เหมือนเวลากลางคืน ไม่ใช่เวลากลางวัน ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาของยุคพระพุทธเจ้าสมณโคดมนะครับ เขาเลยเขียนไว้ในพระไตรปิฎกว่า "กลียุค" แต่พี่ชายไม่อยากให้ใช้คำนี้เพราะคำว่า "กลียุค" นั้น หมายถึง ยุคที่พระแม่กาลีเป็นใหญ่ ลงมาขับเคลื่อนโลก มันคนละอย่างกันครับ ในยุคมืด ที่พี่ชายกำลังเ้ม้าท์ให้ฟังนี้ พระแม่กาลี ไม่ได้มาเป็นใหญ่แต่จะเป็น "เทพพระจันทร์" เหมือนดวงจันทร์ส่องสว่างในเวลากลางคืน พอนึกภาพออกนะครับ ก็เมื่อผ่านยุคนี้ไปแล้ว พระพุทธศาสนาสิ้นลงแล้ว ก็จะเข้าสู่ "กลียุค" สมบูรณ์แท้จริง อุปมาเหมือนวันที่พระจันทร์อับแสง ท้องฟ้าไม่มีแสงสว่างส่องนำทาง ประมาณนั้น นี่ก็คือ จุดต่างนะครับ (ยุคนี้ ยังมีแสงจันทร์ส่องอยู่แต่หมดยุคนี้เข้ากลียุค ก็จะเหมือนมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์ มีแต่แสงจากดาวและมนุษย์ต่างดาว) เอาละ ทีนี้ เทพพระจันทร์ผู้เป็นอธิบดีของโลกในยุคนี้ ท่านก็จะพบเจอกับ "กลุ่มพลังงานสี่กลุ่ม" ที่สำคัญและต้องมาเกี่ยวข้องกับเทพพระจันทร์นั้น ที่พี่ชายเรียกว่า "ขุมพลังทั้งสี่" ดังต่อไปนี้
๑. ขุมพลังเทพนักษัตรรัตติกาล หรือเทพนักษัตรที่บำเพ็ญบารมีมาจากสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน เช่น หนู, นกฮูก, ค้างคาว เป็นต้น
๒. ขุมพลังเทพหมู่ดาวต่างๆ ที่สำคัญก็คือ หมู่ดาวจักราศีทั้ง ๑๒ ราศี ซึ่งจะหมุนเวียนกัน ผลัดกันมีอำนาจ กลุ่มนี้ ก็คือ "พลังจากต่างดาว"
๓. ขุมพลังเทพสัมพันธ์ คือ เทพที่เกี่ยวข้องกับเทพพระจันทร์ ซึ่งไม่เข้ากลุ่มอื่น เช่น เทพอสูรราหู ซึ่งมีฐานะเป็นพี่ของเทพพระจันทร์
๔. ขุมพลังมืด คือ เทพที่ออกนอกรีตแล้วเข้าสู่ภาคมืด ก็จะกลายเป็นขุมพลังให้กับกลุ่มนี้ครับ ซึ่งพวกเขาจะไม่ทำตามบัญชาสวรรค์ใดๆ
เอาละ โลกของเราจะถูกขับเคลื่อนไปด้วย "ขุมพลังทั้งสี่" นี้ มากเป็นพิเศษนะครับ แต่ใช่ว่าจะมีแต่ขุมพลังนี้ ยังมีขุมพลังอื่นๆ อีกมากมายนะครับ เพียงแต่ว่าพลังทั้งสี่ ค่อนข้างมีบทบาทมาก ก็เท่านั้นเอง จึงได้นำมาศึกษาและเม้าท์ให้กันฟังในบทความนี้ อย่างไรละครับ
อย่างที่สอง คือ เทพพระจันทร์จะเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนพลังทั้งสี่ชนิดนี้ ซึ่งขุมพลังหลายชนิด ก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเทพพระจันทร์โดยตรงนะัครับ จำต้องใ้ช้กลยุทธ์เพื่อควบคุมทางอ้อมเอาครับ สรุปง่ายๆ คือ มีเพียงขุมพลัง ๒ กลุ่มเท่านั้นที่จัดอยู่ในข่ายเป็น "บริวารของเทพพระจันทร์" โดยตรง ได้แก่ ๑. เทพจักราศีทั้ง ๑๒ ราศี และ ๒. เทพนักษัตรรัตติกาล ทว่า ก็ไม่ใช่ว่าทั้งหมดหรอกนะครับ ที่เป็นบริวารของเทพพระจันทร์ เฉพาะบางส่วนเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดต้องพึ่งพาแสงสว่างของพระจันทร์ทั้งสิ้น ส่วนเทพส่วนอื่นๆ ก็จะมีบทบาทน้อยลงไปครับ เช่น พระสุริยเทพก็จะลดบทบาทตัวเองไปอยู่ทางธรรมแทน เราจึงไม่ค่อยเห็นบทบาทของพระสุริยเทพมากนักในทางโลก (แต่ก็มีเหมือนกันที่เป็นพลังหมุนเวียนรายปีก็จะมีบทบาทมากขึ้นครับ ) หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ สั้นๆ คือ เทพพระจันทร์จะมีหน้าที่ปกครองเทพต่างดาว (หมู่ดาวต่างๆ) และเทพนักษัตรที่หากินในเวลากลางคืนในช่วงยุคพุทธกาลของพระสมณโคดม ก็แค่นี้แหละ ซึ่งพวกนี้มีอำนาจ, มีพลัง, มีบทบาทมากเลยทีเดียว เช่น ในอเมริกาก็มีองค์กรที่บูชา "นกฮูก" ด้วยครับ (สัตว์หากินกลางคืน), การบูชาเทพภาคมืด (ซาตาน), ความเชื่อเรื่อง "มนุษย์ต่างดาว" ที่เริ่มจากอเมริกา เห็นไหมครับว่า คนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ มักมีบทบาทและเป็นตัวขับเคลื่อนโลกอย่างยิ่งทั้งนั้น ถ้าเราไม่มีพลังเหล่านี้มาเกี่ยวข้องเลย หรือไม่ได้ใช้ขุมพลังทั้งสี่นี้เลย เราก็อาจจะต้องลดบทบาทตัวเองลงไป แล้วอยู่ในทางธรรมเงียบๆ แทน ไม่ค่อยได้ออกมาเคลื่อนไหวหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโลกมากนัก ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการมีบทบาทมากขึ้น ก็ไม่ยากครับ เพียงแค่ใช้พลังของขุมพลังทั้งสี่ นี้ก็จะส่งผลให้เรามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโลกในยุคนี้ได้แล้ว ทั้งนี้ พี่ชายอยากแทรกเรื่องเล่านิดหนึ่ง ถือว่าเป็นนิทานก็แล้วกันนะครับว่า ครั้งหนึ่ง เทพพระจันทร์ใช้ "พิณทิพย์" ควบคุมเหล่า "หมู่ดาวจักราศี" พลังของพิณเป็นพลังเย็น และคลื่นเสียงพิณ ส่งผลต่อความคิดหรือจิตใจของพวกเขาได้ ไม่ต่างอะไรกับการใช้ "ยาสั่ง" เลยละ ดังนั้น แม้เทพพระจันทร์จะเป็นเพียงสตรีเพศ แต่ก็สามารถคุมผู้ชายได้อย่างไรละครับ อนึ่ง เทพพระจันทร์เมื่อมีพลังไม่มาก จะใ้ช้ "กระจกทิพย์" ซึ่งจะส่องสะท้อนแสงจากพระสุริยเทพ ปกป้องคุ้มครองสิ่งต่างๆ ทั้งยังให้แสงสว่างชี้นำทางแก่ปวงสัตว์ได้ (พลังกระจกนี้ สะท้อนสิ่งที่ไม่ดีให้กระเด็นออกไปได้ครับ) แต่ถ้ามีพลังมากขึ้น ก็จะใช้ "พิณทิพย์"
เอาละ เม้าท์จนเพลิน อย่าคิดมากละ ฟังเป็นนิทานอาหรับราตรีก่อนนอนนะ พี่ชายว่ามันแปลกดีอ่ะ ที่มีผู้หญิงอยู่ท่ามกลางผู้ชายที่ดุร้าย แวดล้อมไปด้วยพวกมีพลังพิเศษแต่ก็สามารถควบคุมพวกเขาได้ด้วยพลังพิเศษที่ไม่ต้องต่อสู้ เช่น กระจกทิพย์ และ พิณทิพย์ มันคงเท่ห์ดีไหม ถ้ามีใครเก่งกว่าผู้ชายได้ด้วยการไม่ใช้การต่อสู้ หรือทำสงคราม แค่ดีดพิณเท่านั้น ผู้ชายที่ดุร้าย ห้อมล้อมอยู่ ก็ต้องยอมจำนน โฮ่ๆๆ ก็น่าสนุกดีนะ เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไปพักกันดีกว่านะ ราตรีสวัสดิ์จ้า
เอาละ โลกของเราจะถูกขับเคลื่อนไปด้วย "ขุมพลังทั้งสี่" นี้ มากเป็นพิเศษนะครับ แต่ใช่ว่าจะมีแต่ขุมพลังนี้ ยังมีขุมพลังอื่นๆ อีกมากมายนะครับ เพียงแต่ว่าพลังทั้งสี่ ค่อนข้างมีบทบาทมาก ก็เท่านั้นเอง จึงได้นำมาศึกษาและเม้าท์ให้กันฟังในบทความนี้ อย่างไรละครับ
อย่างที่สอง คือ เทพพระจันทร์จะเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนพลังทั้งสี่ชนิดนี้ ซึ่งขุมพลังหลายชนิด ก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเทพพระจันทร์โดยตรงนะัครับ จำต้องใ้ช้กลยุทธ์เพื่อควบคุมทางอ้อมเอาครับ สรุปง่ายๆ คือ มีเพียงขุมพลัง ๒ กลุ่มเท่านั้นที่จัดอยู่ในข่ายเป็น "บริวารของเทพพระจันทร์" โดยตรง ได้แก่ ๑. เทพจักราศีทั้ง ๑๒ ราศี และ ๒. เทพนักษัตรรัตติกาล ทว่า ก็ไม่ใช่ว่าทั้งหมดหรอกนะครับ ที่เป็นบริวารของเทพพระจันทร์ เฉพาะบางส่วนเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดต้องพึ่งพาแสงสว่างของพระจันทร์ทั้งสิ้น ส่วนเทพส่วนอื่นๆ ก็จะมีบทบาทน้อยลงไปครับ เช่น พระสุริยเทพก็จะลดบทบาทตัวเองไปอยู่ทางธรรมแทน เราจึงไม่ค่อยเห็นบทบาทของพระสุริยเทพมากนักในทางโลก (แต่ก็มีเหมือนกันที่เป็นพลังหมุนเวียนรายปีก็จะมีบทบาทมากขึ้นครับ ) หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ สั้นๆ คือ เทพพระจันทร์จะมีหน้าที่ปกครองเทพต่างดาว (หมู่ดาวต่างๆ) และเทพนักษัตรที่หากินในเวลากลางคืนในช่วงยุคพุทธกาลของพระสมณโคดม ก็แค่นี้แหละ ซึ่งพวกนี้มีอำนาจ, มีพลัง, มีบทบาทมากเลยทีเดียว เช่น ในอเมริกาก็มีองค์กรที่บูชา "นกฮูก" ด้วยครับ (สัตว์หากินกลางคืน), การบูชาเทพภาคมืด (ซาตาน), ความเชื่อเรื่อง "มนุษย์ต่างดาว" ที่เริ่มจากอเมริกา เห็นไหมครับว่า คนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ มักมีบทบาทและเป็นตัวขับเคลื่อนโลกอย่างยิ่งทั้งนั้น ถ้าเราไม่มีพลังเหล่านี้มาเกี่ยวข้องเลย หรือไม่ได้ใช้ขุมพลังทั้งสี่นี้เลย เราก็อาจจะต้องลดบทบาทตัวเองลงไป แล้วอยู่ในทางธรรมเงียบๆ แทน ไม่ค่อยได้ออกมาเคลื่อนไหวหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโลกมากนัก ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการมีบทบาทมากขึ้น ก็ไม่ยากครับ เพียงแค่ใช้พลังของขุมพลังทั้งสี่ นี้ก็จะส่งผลให้เรามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโลกในยุคนี้ได้แล้ว ทั้งนี้ พี่ชายอยากแทรกเรื่องเล่านิดหนึ่ง ถือว่าเป็นนิทานก็แล้วกันนะครับว่า ครั้งหนึ่ง เทพพระจันทร์ใช้ "พิณทิพย์" ควบคุมเหล่า "หมู่ดาวจักราศี" พลังของพิณเป็นพลังเย็น และคลื่นเสียงพิณ ส่งผลต่อความคิดหรือจิตใจของพวกเขาได้ ไม่ต่างอะไรกับการใช้ "ยาสั่ง" เลยละ ดังนั้น แม้เทพพระจันทร์จะเป็นเพียงสตรีเพศ แต่ก็สามารถคุมผู้ชายได้อย่างไรละครับ อนึ่ง เทพพระจันทร์เมื่อมีพลังไม่มาก จะใ้ช้ "กระจกทิพย์" ซึ่งจะส่องสะท้อนแสงจากพระสุริยเทพ ปกป้องคุ้มครองสิ่งต่างๆ ทั้งยังให้แสงสว่างชี้นำทางแก่ปวงสัตว์ได้ (พลังกระจกนี้ สะท้อนสิ่งที่ไม่ดีให้กระเด็นออกไปได้ครับ) แต่ถ้ามีพลังมากขึ้น ก็จะใช้ "พิณทิพย์"
เอาละ เม้าท์จนเพลิน อย่าคิดมากละ ฟังเป็นนิทานอาหรับราตรีก่อนนอนนะ พี่ชายว่ามันแปลกดีอ่ะ ที่มีผู้หญิงอยู่ท่ามกลางผู้ชายที่ดุร้าย แวดล้อมไปด้วยพวกมีพลังพิเศษแต่ก็สามารถควบคุมพวกเขาได้ด้วยพลังพิเศษที่ไม่ต้องต่อสู้ เช่น กระจกทิพย์ และ พิณทิพย์ มันคงเท่ห์ดีไหม ถ้ามีใครเก่งกว่าผู้ชายได้ด้วยการไม่ใช้การต่อสู้ หรือทำสงคราม แค่ดีดพิณเท่านั้น ผู้ชายที่ดุร้าย ห้อมล้อมอยู่ ก็ต้องยอมจำนน โฮ่ๆๆ ก็น่าสนุกดีนะ เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไปพักกันดีกว่านะ ราตรีสวัสดิ์จ้า
แล้วยุคสว่างจริงๆ จะมีมาเมื่อไหร่ อีกสักกี่พันปี
ตอบลบนึกถึงเนเลเนียกับเซเลอร์มูน ในเรื่องเซเลอร์มูนมาทันทีเลยแฮะ
ตอบลบปัจจัยที่ทำให้เกิดยุคมืดและสว่าง นอกจากระยะเวลาแล้ว มันมีอะไรบ้าง
ตอบลบเมื่อไหร่ยุคมืดจะหมดไปสักที
โทดทีนะ มันไม่มีตำแหน่งว่างสำหรับ "เทพกะเทย" อ่ะ มีแต่ "เทพสตรี" 555
ตอบลบแล้ว "แมว" เป็นเทพนักษัตรมั้ย เพราะมันหากินตอนกลางคืนอ่ะ
ตอบลบ