วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

บางครั้งจำเป็นที่คุณจะต้องศรัทธาตัวเองดั่งพระเจ้าองค์หนึ่ง

เดี๋ยวนี้มีแนวคิดใหม่ของลัทธินิวเอทครับ เขาสอนว่าให้่เราเชื่อว่าเราคือพระเจ้าองค์หนึ่ง หรือมนุษย์ทุกคนมีความเป็นพระเจ้าในตัว ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกนะครับ เพราะที่สุดของวิวัฒนาการแล้ว เราควรจะเป็นเช่นนั้น ทว่า ถ้าเรายังอยู่ในระหว่างการวิวัฒนาการ และยังไม่เหมาะควรที่จะได้รับการยอมรับในฐานะพระเจ้า แล้วเราไปหลงตัวเองว่าเราคือพระเจ้าขึ้นมาละ อ๊ะ มันจะยุ่งกันหรือเปล่า? เอาละ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่้องนี้ให้มากขึ้น พี่ชายจึงขอยกเอามาเป็นประเด็นในบทความดังนี้


อย่างแรก พี่ชายอยากจะปูพื้นก่อนว่า ความเป็นหนึ่งเีดียวกันของเราและสิ่งศักดิสิทธิ์นั้น เป็นสิ่งที่เข้าใจยากพอควร และจำต้องแยกแยะให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราก็จะสุดโต่งนะครับ กล่าวคือ มันไม่ใช่ว่าเราคือสิ่งศักดิสิทธิ์องค์นั้นๆ หรือเราเป็นพระเจ้าแล้วเราก็เลยหลงตัวเองไปเลย อันนี้ ไม่ใช่ละ และก็ไม่ใช่ว่าเราเป็นตัวต้อยต่ำวิ่งไปเร่หาพระเจ้าที่อยู่นอกตัว ไปไหว้วัตถุสิ่งของหรือใครๆ แล้วทำให้พลังจิตของเราเสียไป เพราะการที่จิตเราไปเสริมสิ่งที่เรานับถือศรัทธานั้นๆ นี่เรียกว่า สุดโต่งสองส่วนคือ คนที่สูญเสียความศรัทธาในตัวเองก็เร่ไปหาความศรัทธาจากแหล่งอื่นๆ ส่วนคนที่หลงตัวเองมากๆ ก็จะศรัทธาตัวเองเป็นเช่นพระเจ้าไป ซึ่งไม่ใช่ทั้งสองอย่างนะครับ พี่ชายอยากให้เราเข้าใจคำว่าทางสายกลางของผู้มีปัญญา มันจะพอดีๆ ครับ คือ เราจะไม่สูญเสียพลังศรัทธาที่อยู่ในตัวเราไปให้สิ่งอื่นใด ที่ไม่ควรได้รับ ขณะเดียวกัน เราก็ไม่หลงตัวเองจนเกินไป นี่คือความพอดีของการเป็นหนึ่งเดียวกันของเราและสิ่งศักดิสิทธิ์" ครับ ที่เรียกว่่า "หลักตรีเอกานุภาพ" คือ เรา ผู้เป็นพระบุตร, พระจิต (ในตัวเรา) และพระบิดา (จิตสิ่งศักดิสิทธิ์ที่อยู่เหนือกว่าสังขารเราขึ้นไป) เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่าเราต้องเป็นพระเจ้าหรอกนะครับ แบบนั้นจะสุดโต่ง ทำให้เราหลงตัวเองไปได้เหมือนกัน และก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเร่ไปหาพระเจ้าหรือสิ่งศักดิสิทธิ์ที่ไหนนอกตัวเรา จากตัวเรานี้เชื่อมโยงถึงพระเจ้าหรือสิ่งศักดิสิทธ์ได้เลยครับ ไม่เช่นนั้น เราจะสูญเสียพลังจิตไปให้แก่คนที่เรามีใจศรัทธาหรือรักชอบเขาครับ และตอนนี้ คนที่ทำแบบนี้เยอะครับ แบบที่ทำตัวเองเป็นศูนย์กลางของมวลชนให้มวลชนส่งพลังจิต พลังศรัทธา หรือพลังแห่งความรักความชอบไปที่เขา ทำให้เขามีพลังอำนาจมากขึ้น และเราก็สูญเสียพลังจิต พลังอำนาจไป กลายเป็นตัวต้อยต่ำไงละครับ นี่เราทำตัวเราเองนะ ทั้งสองแบบนี้ สุดโต่งทั้งคู่ ไม่ใช่สิ่งที่พี่ชายจะแนะนำทั้งสองแบบเลยครับ เพราะสิ่งที่พี่ชายจะแนะนำคือ เราควรเคารพและศรัทธาในตัวเราเองด้วย ว่าตัวเราคือ "ทางผ่าน-ทางเชื่อม" ไปสู่พระเจ้าหรือสิ่งศักดิสิทธิ์ใดๆ โดยที่เราไม่ต้องไปเร่หา หรือไปให้พลังจิต พลังศรัทธาแ่ก่คนอื่นมากเกินไป ซึ่งในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ศรัทธามนุษย์คนไหนนะครับ เราศรัทธาคนที่ทำความดีได้ ทั้งหมด แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าเขาดีจริงๆ เราก็แ่ค่เป็นเหยื่อของสื่อที่ครอบงำให้เีรารับรู้ข้อมูลมาอย่างนั้น อย่างนี้ เราไม่เคยรู้อะไรได้แท้จริง เราจึงเป็นเหยื่อเสมอ ดังนั้น ในการศรัทธาคนอื่น หรือมนุษย์ด้วยกัน ก็มีได้ ถ้ามีอย่างพอดีครับ คือ ไม่ใช่ว่าไม่ศรัทธาใครเลย แต่ศรัทธาในส่วนที่ดีของคนทุกๆ คน อย่างเท่าเทียมกันครับ ไม่ใช่คนหนึ่งคนใดมากเกินไป จนเรากลายเป็นทาสของเขาโดยไม่รู้ตัว และเราควรมีความเชื่อครับว่า "มนุษย์ในโลกนี้ ไม่มีใครที่ไม่มีส่วนดีครับ" 


อย่างที่สอง พี่ชายอยากจะกล่าวถึง พลังศรัทธาที่ เมื่อเรามีต่อตัวเองแล้วจะส่งผลอย่างไร? มีหลายแบบครับ พี่ชายจะจำแนกให้ดู ดังนี้

๑. แบบซาตานแทรก คือ แบบที่เราหลงตัวเองและเรามีอะไรดีในตัวเราด้วย สุดท้าย ถูกซาตานแทรกเข้าร่างเอา เราก็จะมีพลังพิเศษครับ

๒. แบบเชื่อมกับเทพ คือ แบบที่เราไม่ได้หลงตัวเอง เข้าใจถึงเราและเทพว่าเชื่อมโยงกันอย่างไร และสามารถรับพลังพิเศษจากเทพมาได้

๓. แบบบ้าหลงตัวเอง คือ แบบที่เราหลงตัวเอง แต่เี่ราก็ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักอย่าง บ้าหลงตัวเองไปวันๆ แต่ก็ดีกว่าถูกซาตานแทรกเอาครับ

เอาละ แบบที่ไม่ดี ก็อย่าไปทำเลยครับ พี่ชายขอยกตัวอย่างแบบที่ดี คือ แบบที่เชื่อมโยงกับเทพได้ก็แล้วกัน แบบนี้ เราจะไม่หลงตัวเราเอง ติดอยู่กับภายในตัวเราเอง (ซาตานที่แทรกอยู่ในตัวเรา) มากเกินไป ก็จะหลุดพ้นจากความหลงตัวเองได้ และเชื่อมโยงกับเทพที่แท้จริงได้ หรือบางคนก็เชื่อมโยงกับมนุษย์ต่างดาวได้ก็มีและยิ่งถ้าเราเชื่อว่าคนทุกคน ก็มีสิ่งดี ส่วนดี และีมีเทพประจำตัวเหมือนเราเช่นกัน เราอาจจะเชื่อมต่อกับเทพประจำตัวของคนอื่นๆ ได้อีกด้วยครับ และจะยิ่งทำให้เรายิ่งขยายวงกว้างของพลังศักดิสิทธิ์มากยิ่งไปได้เรื่อยๆ ครับ (ไม่ใช่แค่เทพประจำตัวเราแล้ว แต่มีเทพประจำตัวคนอื่นๆ ด้วย) ดังนั้น หากเราเข้าใจถึง "ความศรัทธาและพลังศรัทธา" ที่ถูกต้องแล้ว เราก็จะได้ไม่หลงตัวเอง ไม่หลงคนอื่น ไม่สูญเสียพลังศรัทธาที่เรามีต่อตัวเอง และไม่สูญเสียพลังศรัทธาที่เรามีต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายด้วย สิ่งนี้จะเ็ป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ครับ เพราะมันเป็นพลังด้านสว่าง ไม่ใช่พลังด้านมืด หลายคนที่มีอำนาจและเด่นดังในทุกวันนี้ ที่เราเห็นทางสื่อต่างๆ นั้นไม่ค่อยมีใครมีพลังสว่างหรอกครับ พวกเขาได้ความเด่นดังมาด้วยพลังด้านมืด เช่น บางคนมีซาตานอยู่ในตัว เป็นร่างของซาตาน บางคนก็อาศัยพลังจิตของมวลชนที่ลุ่มหลงตัวเอง ส่งพลังให้ตัวเอง ก็มี ดังนั้น อย่าประมาทไปเชียวครับ พลังแห่งศรัทธานี้ ไม่ใช่เล่นๆ เลยละ


เอาละ พี่ชายเม้า้ท์มายาวพอควรละ หลายคนอาจง่วงหรือมีกิจกรรมน่าสนุกไปทำกันต่อ อย่าลืมทำเผื่อพี่ชายด้วยละ โฮ่ๆๆ ไม่รบกวนเวลาสนุกของเด็กๆ ละ พบกันใหม่บทความหน้าละกัน ราตรีสวัสดิ์ครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เม้าท์ด้วยคน