วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ปลดปล่อยชีวิตให้อิสระ โดยไม่ต้องออกแรง ด้วยพลังของเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์?

สวัสดีครับ วันนี้ มาเป็นทางการนิดหนึ่งเพราะมีเรื่องค่อนข้างเป็นสาระเล็กน้อย มาเล่าให้ฟังครับ คือ "เรื่องเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์" หรือเทพที่ทำหน้าที่ประทานกรรมให้มวลมนุษย์ สงสัยไหมครับว่่าจะมีไปทำไม แล้วทำไมคนบางกลุ่มเขาถึงบูชา นับถือกัน? เอาละ เริ่มต้นจากสรรพสิ่งมันก็เป็นเช่นนั้นของมันเองแหละครับแต่เรามายึดมาแบ่งแยกกันเองว่า นั่นดี นี่ชั่ว แล้วเราก็หลงดีบ้าง หลงชั่วที่เราแบ่งแยกนั้นบ้าง ไขว่คว้าหาแล้วยึดมันไว้เช่น อะไรที่เราคิดว่าดี เราก็จะยึดมันไว้ ไม่ให้มันจากเราไป ทั้งๆ ที่สรรพสิ่งนั้นไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนหรอกครับ ไม่ใช่ว่ามันเลวร้ายจึงต้องถูกทำลายนะครับ แต่มันเป็นลีลาชีวิตที่ไม่น่าเบื่อ ทำให้มันมีสีสัน มีการเปลี่ยนแปลง ให้เราได้เห็นโลกที่เปลี่ยนไปในหลายๆ มุม ก็เท่านั้นเองครับ ก็เลยต้องมีเทพสองฝ่ายช่วยกันทำงาน คือ เทพที่ประทานส่วนกรรมดี และเทพที่ประทานส่วนกรรมชั่ว แท้จริงก็ไม่มีสาระอะไรให้เราไปยึดมั่นหรอกครับ ทั้งสองฝ่ายนั้นจะทำงานที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยง ให้ได้รับกรรมดีบ้าง กรรมชั่วบ้าง เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติครับ เพียงแต่ว่า "คนที่หลงและยึดมั่นถือมั่นกรรมดีมากๆ" ก็อาจจะต่อต้าน และพยายามทำให้สิ่งที่ตนมี ตนได้ ดำรงคงอยู่ตลอดไป พวกเขาจึงพยายามดิ้นรนด้วยฤทธิ์ เพื่อต่อต้านการทำหน้าที่ของเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์ เป็นต้น ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่มีปัญญา เข้าใจถึงสัจธรรมดังที่ผมได้กล่าวมานั้นเอง


เอาละ สำหรับท่านที่มีปัญญาสว่างไสวแล้ว ย่อมเห็นประโยชน์ของการไม่ต้องกระทำอะไร ไม่ต้องไปต่อต้านอะไร ไม่ต้องไปฝืนการทำหน้าที่ของเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์อะไร คือ ปล่อยไปตามกรรม ไปตามธรรมชาติ โดยเราไม่ต้องออกแรงหรือใช้พลังอะไรของเราเองเลย สุดท้ายเราจะได้รับประโยชน์ได้ครับ นั่นคือเราจะได้รับการปลดปล่อยออกไปจาก "วงกรรมเดิมๆ" แม้ว่ามันจะเป็นวงกรรมดี ก็ตาม แต่ถ้ามันถึงวาระต้องดับสูญแล้ว มันก็ไม่ดีครับ ที่เราจะฝืนเสพต่อไป เพราะมันจะส่งผลให้เสพติดกรรมดีได้นะครับ ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. อาจเคยได้รับเงินเดือนอยู่อย่างดี ถ้าเขาหลงทางต่อไป อาจเก็บเงินได้มากและพอจะผ่อนบ้านได้ พอผ่อนบ้านแล้วเขาก็เป็นหนี้ระยะยาวเป็นสิบปีครับ เขาจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ไ่ด้ ทว่า ถ้าเขายอมรับสัจธรรม ความจริง แล้วเกิดมีเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์ประทานกรรมชั่วทำให้เขาถูกใส่ร้าย และออกจากงานไปเสียก่อนที่เขาจะได้ผ่อนบ้าน เขาไม่มีที่พึ่งเลยไปบวชพระแล้วในที่สุด เขาก็เกิดปัญญาเข้าใจได้ว่าการมีบ้านของตัวเอง ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าสู่ระบบ "วังวนของการก่อหนี้ระยะยาว" อย่างนี้ ชีวิตเขาก็เปลี่ยนเลยใช่ไหมครับ? แทนที่เขาจะทำงานอย่างเดิมอยู่ต่อไปเป็นสิบปี เพื่อผ่อนบ้านที่เขาซื้อไว้ อาจกลายเป็นว่าเขาได้อยู่บ้านเก่าซึ่งก็อยู่ได้ แต่เขามีอิสระที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อโลกนี้ได้อีกมากมาย หรือทำสิ่งที่เขารักได้อีกมากนัก เพราะเขาไม่มีภาระหนี้ผ่อนบ้านขนาดนั้น แม้ว่าอาจมีหนี้สินบ้าง อาจไม่ได้มากขนาดนั้น นั่นเอง นี่แหละ "ที่ผมอยากบอกว่า คุณไม่ควรมีทัศนคติเชิงลบกับเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์" ถ้าเราเข้าใจเรื่องอนิจจัง และไม่ยึดความถูกผิด, ดีชั่วมากจนเกินไป เราจะเข้าใจและเห็นประโยชน์ของการมีเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์ รวมทั้งพลิกวิกฤติจากการได้รับวิบากกรรม เป็นโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตของคุณได้มี "อิสระจากบ่วงกรรมเดิมๆ" แม้ว่าจะเป็นบ่วงกรรมดีก็ตาม คุณก็จะได้ออกจากบ่วงกรรมนั้น เพื่อได้เห็นโลกในมุมมองใหม่ ได้อย่างอิสระเสรีมากขึ้น อาวละ สุดท้าย หวังว่าคุณจะมีปัญญา และใจที่พร้อมรับทุกๆ อย่างที่เข้่ามาในชีวิตตามธรรมชาติ ได้มากขึ้น และไม่มีทัศนคติเชิงลบมากเกินไปกับอะไรก็ตาม ใช้ชีวิตอย่างสว่างไสว มีความสุขได้ ไม่ว่าคุณจะได้รับสิ่งใด หรือในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม สำหรับบทความนี้ ผมขอจบลงเพียงเท่านี้ก่อน สวัสดีครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอยกตัวอย่างการฝืนกรรม ใช้ฤทธิ์เดช ทำให้เทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์ทำอะไำรตัวเองไม่ได้นะครับ เช่น ถ้่าคนๆ หนึ่งจะหมดวาระที่จะไ้ด้รับเงินเดือนแล้ว แต่เขายังพยายามใช้ฤทธิ์เดชต่อต้านเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์ต่อไป เขาอาจจะอยู่ได้ก็จริง แต่จะ "อยู่บนความเสื่อม" ครับ คือ ยิ่งอยู่ก็จะยิ่งเสื่อมจากธรรมลงไปเรื่อยๆ ก่อกรรมทำเข็ญแบบเนียนๆ เพื่อให้ตัวเองได้ดำรงคงอยู่เช่นนั้นไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่หมดบุญแล้วครับ สุดท้าย จะเป็นอย่างไร? สิ่งไม่ดี ก็เข้าสู่ตัวเขาครับ เช่น แวมไพร์ หรือผีดูดเลือด จะมาอยู่ด้วยได้ครับ พวกนี้มาเพราะผลกรรมที่เก็บกินเงินจากภาษีประชาชน นั่นเอง ซึ่งคนที่ยังมีบุญได้เสวยอยู่ เขาก็รับได้ครับ แต่คนที่ไม่เหลือบุญจะเสพแล้ว หากเขายังฝืนกรรมเสพต่อ ยื้อดื้อดึงอยู่ให้ได้เงินเดือนนั้นต่อไป ก็จะถูกแวมไพร์ครอบงำได้ครับ


    อาวละ บางคนอาจใส่ร้ายเทพเจ้าฝ่ายบาปเคราะห์ว่าเป็นตัวชั่วร้ายที่จะมาทำลายระบบของเขา หรือทำลายให้เขาไม่ไ่ด้เสวยเงินเดืิอนของเขาต่อ แล้วพวกเขาก็ทำเหมือนว่าเขาเป็นคนดีหรือทำถูกต้องต่อไป ทั้งๆ ที่หมดบุญแล้ว สุดท้าย จะเป็นอย่างไร ก็คิดดูเอาเองนะครับ


    อนึ่ง เราจะไปคิดเอาเองไม่ได้นะครับว่าใครหมดบุญแล้ว เช่น ไปใส่ร้ายว่า นาย ก. ผิดนะ หมดบุญแล้ว ออกไปซะ อย่างนั้น ไม่ไ่ด้ แต่มันจะเป็นไปตามธรรมชาติของมันเองแหละครับ ของแบบนี้ ไม่เที่ยง ไม่ใช่ิสิ่งที่ใครจะมาตัดสินใครได้ว่าใครทำดี หรือเลว ถูกหรือผิดครับ

    ตอบลบ
  2. ไปเลยแก เข้าทางธรรมบ้างอะไรบ้าง ฉันจะได้มีงาน มีเงิน แล้วมันก็เป็นผลดีกับแกด้วยนะ ไม่ได้จะแย่อะไรมากมายนักหรอก คริ๊ คริ๊

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน