วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"ตายแล้วเกิดใหม่ซะ" คือ หัวใจสำคัญในการเลื่อนระดับ?

โอว มายก็อด นี่ผมกลายเป็นศาสดาพยากรณ์หรือเจ้าลัทธิแห่งความตายไปแล้วหรือไร? ไม่นะ หม้ายยย ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น อ้าว แล้วมันเป็นอีหยั๋งละ? บอกได้ไหม? ได้ จ่ายค่าบอกมาคนละสามหมื่น เย้ย ... ฮ่าๆๆ ใครจะจ่ายก็ได้นะ แต่ไม่จ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร เอ้า ไร้สาระเล็กน้อยถึงพอประมาณ แก้ความเครียด มาเข้าเรื่องเข้าราวกันดีกว่าครับ


ผมเคยเม้าท์เรื่องของลัทธิที่พาสาวกไปฆ่าตัวตายหมู่มาแล้วใช่ไหม? อย่างหนึ่งอยากให้ท่านทำใจให้เป็นกลาง อย่าเพิ่งมองพวกเขาว่าผิดหรือเลวไปหมด และอย่าเพิ่งไปมองว่าเขาถูกต้องละ เท่าที่ผมสัมผัสได้คือ เจ้าลัทธิก็สัมผัสมิติอื่นได้ และได้รับข้อมูลต่างมิติเหมือนกัน ที่พลาดไปก็คือ "การตีปริศนาธรรม" ครับ บางครั้งถ้าเราได้รับข้อมูลต่างมิติมาแล้วทำเลยอย่างที่เราเข้าใจ เราก็จะทำตามความเข้าใจ แต่ไม่ได้ทำตามปัญญานะครับ ความเข้าใจอย่างหนึ่ง มันเกิดขึ้นได้ครับ แต่อย่าเพิ่งใจร้อน รอให้มันจบแล้วดับไปเองตามอนิจจังก่อน รอให้สติมันตื่นตัว ประกายสว่างเกิดปัญญาลุกโชนแล้ว นั่นแหละ มันก็จะตีปริศนาธรรมคลี่คลายออกได้ไม่ยากครับ ส่วนเจ้าลัทธิที่พาคนไปฆ่าตัวตายหมู่นั้น ก็ได้รับปริศนาธรรมเหมือนผมเหมือนกันแหละ คือ ไปตายซะ เย้ย ม้ายช่าย ไม่ใช่อย่างนี้ คือ "การตายใน" ตายแล้วเกิดใหม่จากภายในครับ โดยภายนอกเราก็เหมือนเดิม นี่ต่างหาก ปริศนาธรรมที่ผมก็ได้รับจากการสื่อสารต่างมิติเหมือนเจ้าลัทธินั้นเหมือนกัน แต่ผมอาจโชคดีที่อยู่ในเมืองพุทธ มีพื้นฐานทางพุทธบ้าง เลยเข้าใจเรื่องการเกิดหลายรูปแบบ เช่น การเกิดแบบโอปปาติกะ ซึ่งต่อยอดไปสู่การกำเนิดใหม่ได้ และเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดครับว่า ถ้าคุณจะเกิดใหม่ได้ คุณก็ต้องผ่านการตายเสียก่อน ทีนี้ ถ้าเราตายทั้งตัว ท่าจะไม่เวิร์ก นะครับ ไม่ดีแน่ แต่ถ้าตายใน คือ จิตวิญญาณตายแล้วเกิดใหม่จากภายใน อันนี้ ก็พออยู่ในขอบเขตที่จะทดลองได้ครับ แล้วผลมันก็ได้จริงๆ คือ "การกำเนิดใหม่" ที่มาจากการตายภายใน แล้วเกิดแบบโอปปาติกะำกำเนิดครับ ซึ่งสิ่งนี้ "เป็นหัวใจสำคัญในการเลื่อนระดับ" เลย นั่นหมายความว่า "คุณไม่อาจจะเลื่อนระดับขึ้นได้เลย" ถ้าคุณไม่ผ่านการกำเนิดใหม่ และในการกำเนิดใหม่ "คุณต้องตายใน เสียก่อนครับ"


ยังมีหลายท่านที่ไม่ผ่านด่้านนี้ แต่พวกเขาก็ดูเหมือนไปสู่มิติที่สูงมากได้ เพราะอะไร? อย่างที่ผมเคยเม้าท์ให้ฟังแล้วว่าเพราะพวกเขาไม่ได้เลื่อนระดับไปทั้งตัว แต่ใช้ญาณชั้นสูงหยั่งขึ้นไปรู้ บ้างก็ดาวน์โหลดเอาข้อมูลที่อยู่ในมิติที่สูงลงมาติดตั้งในสังขารที่อยู่ในมิติที่สาม บ้างก็ติดตั้งซอฟแวร์ของระบบปฏิบัติการณ์ในมิติชั้นสูง ไว้ในสังขารที่อยู่ในมิติที่สาม ก็มีครับ นั่นคือ พวกเขายังทำไม่ได้จริง ยังเลื่อนระดับไม่ได้จริง แต่พวกเขาก็พูดหรือสื่อสารเรื่องราวในระดับมิติที่สูงได้ด้วยวิธีนี้เองครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดอะไร เพราะพวกเขาต้องทำงานสื่อสารในมิติที่สูงนั่นเอง และมันจะปลอดภัยมากกว่าถ้าเขาไม่ใช้่ "ตัวตนระดับทิพย์" ของเขา ขึ้นไปยังมิติที่สูงบ่อยๆ เพราะความเหลื่อมล้ำกันของระดับตัวตนของเขาและมิติที่เขาขึ้นไปมันทำให้มี "ช่องว่าง-ช่องโหว่"  ที่จะทำให้เขาได้รับอันตรายได้ครับ แต่ถ้าเขาเลื่อนระดับไปสู่มิติที่สูงได้แล้ว เขาไม่้ต้องใช้วิธีใดเลย สิ่งที่เขาพูดและคิดด้วยตัวเขาเองนั่นแหละ ที่เป็น "ข้อมูลต่างมิติ" ทว่า มันก็มีข้อเสียครับคือเมื่อตัวตนของคุณเลื่อนระดับไปสู่มิติที่สูงแล้ว ก็จะกลายเป็น "สูงเกินเอื้อม" ครับ คนอื่นจะเข้าถึงคุณได้ยากขึ้น เอื้อมถึงคุณได้ยากขึ้นและคุณจะมีหมู่คณะร่วมงานบนโลกและในมิติที่สามน้อยลงได้ ในขณะที่หมู่คณะทำงานที่อยู่ในมิติที่สูงขึ้นนั้น กลับมากขึ้น ทว่า เขาก็ไม่มีสังขารเป็นคนด้วยสิ! 


สุดท้ายนี้ ก็อยู่ที่ท่านจะเลือกตามความเหมาะสมกับตัวของท่านแล้วครับ ว่าจะอยู่ตรงไหน? ระดับไหน? สูงเกินไปท่าจะไม่ดี เขาว่ายิ่งสูงก็ยิ่งหนาวนะ จะบอกให้ โฮ่ๆๆ แต่ถ้าต่ำเกินไป ก็จะถูกบดบังด้วยความมืดมิดได้ง่ายๆ ไม่มีโอกาสให้ชูช่อรอรับแสงสว่างกับใครเขาแล้ว พอดีตรงไหนก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณากันเองก็แล้วกัน จบละ สวัสดีครับ... 


2 ความคิดเห็น:

  1. เหมือนกับในสมัยโบราณ ที่วัฒนธรรมในบางประเทศ บางพื้นที่ในโลกใบนี้ เสาะหาหญิงสาวพรหมจรรย์ แล้วเอามาเผาไฟบูชายัญ ในสมัยโบราณ

    ความจริงพวกเค้าก็ได้รับสื่อมาเหมือนกัน แต่เข้าใจว่า "ต้องเอาหญิงพรหมจรรย์มาบูชา" แต่ความจริง เอามาเลี้ยงดูปูเสื่อ หรือเด็ก หรือพระ ที่เค้ารักษาพรหมจรรย์ เพราะว่าคนที่ัรักษาพรหมจรรย์ มีพลังบุญอยู่ในตัวต่างหากล่ะ

    ตอบลบ
  2. ก็แค่จิตวิญญาณข้างในสลายแล้วเกิดใหม่ ก็นั่นแหละ "ตายแล้วเกิดใหม่ ในร่างกายของตนเอง"

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน