วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การ Crossition เปลี่ยนเธอเป็นฉัน หวานมันส์ฉันคือเธอ?

โอ้ย ไม่ไหวคร่ะ ตีกันอีกแล้ว เห็นข่าวม็อบมาแล้วต้องหลบคร่ะ หลบมาอ่านกระทู้อิืฉันดีกว่า พัฒนาจิตใจ พัฒนาปัญญาไปค่ะ เราไม่รู้อะไรมากจะถูกสนทะพายเอา (ถูกหลอกจูงจมูกเหมือนควาย) ทำเพื่อใครก็ไม่รู้ แต่ทุกคนก็อ้างว่าทำเพื่อชาติกันทั้งนั้นแหละ ว่าแล้วก็โล๊ะมันไปจากหัวสมองซะ ทำใจให้ว่างๆ เปิดรับกับสิ่งดีๆ ที่จะช่วยพัฒนาตัวเราและนำไปสู่การพัฒนาโลกและจักรวาลนี้ร่วมกันต่อไปดีกว่าค่ะ เอาละ เม้าท์เรื่องคนอื่นพอหอมปากหอมคอ กลับมาเข้าเรื่องเราดีกว่าค่ะ...


สำหรับบทความนี้ จะกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างบุคคลสองบุคคล ซึ่งผมจะขอใช้คำศัพท์เรียกว่า Crossition power นะครับ พลังงาน Crossition power ก็คือ พลังงานที่เกิดจากการที่คนสองคนได้รับพลังงานคนละชนิดแล้วรอเวลาที่จะสลับปรับเปลี่ยนกันให้ลงตัว เช่น นาย ก. อาจมีพลังหยาง (เพศชาย) มากเพราะออกกำลังกายมาก แต่เนื่องจากจิตใจของ นาย ก. อาจไม่สอดคล้องกับพลังหยาง เพราะเมื่อออกกำลังกายต่างจากการทำงานของจับกัง (ที่ทำเพื่อครอบครัว) แต่ทำไปเพื่อให้ "รูปร่างงาม" เป็นที่พอใจของผู้คนทั้งหลายที่พบเห็น หรือเมื่อต้องทำงานเดินแบบ ผลคือ พลังหยางที่เกิดขึ้นในตัวนาย ก. สามารถแลกเปลี่ยนถ่ายเทไปสู่คนอื่นที่มีจิตใจสอดคล้องมากกว่าได้ เช่น คนที่รูปร่างไม่งดงามแต่ไม่สนใจเรื่องนั้น ใจคิดทำเพื่อชาติบ้านเมือง (เป็นลักษณะจิตใจของคนที่มีพลังหยาง) คนผู้นี้สามารถได้รับพลังหยางจากนาย ก. ได้ในขณะเดียวกันพลังจากตัวคนผู้นี้บางอย่าง ที่เหมาะสมกับนาย ก. จะไหลถ่ายเทไปสู่ นาย ก. เป็นการแลกเปลี่ยนกัน นั่นเอง นี่เรียกว่าการ Crossition ในพลังงานระหว่างบุคคลสองคน 


การเกิด Crossition power นั้น เกิดได้บ่อยๆ และเป็นปกติมาก ไม่ต่างจากการที่พลังงานความร้อนถ่ายเทจากที่ๆ มีความร้อนมากกว่าไปสู่ที่ที่มีความร้อนน้อยกว่าเลย มันเป็นเรื่องของ "ความไม่แน่นอนของทุกสิ่ง" แม้แต่พลังงานก็ไม่มีึความเที่ยง ไม่อาจยึดเป็นตัวตนของตนได้ ก็จะเกิดการโยกย้ายถ่ายเทไปตามความเหมาะสม แต่ไม่่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในคนได้อย่างไร้เหตุผลนะึครับ จำต้องมีเหตุปัจจัยบางอย่างทำให้เกิดขึ้น เช่น คนสองคนเปิดใจแลกเปลี่ยนความคิดกัน ทั้งสองคนล้วนมีพลังงานที่เหมาะสมกับอีกฝ่าย หรือมีใจน้อมเอียงไปทางพลังงานของอีกฝ่าย มันจึงจะเกิดการแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. มีพลังมารติดอยู่ (อาจด้วยเวรกรรม) แต่นาย ข. มีพลังเทพที่คุ้มครองอยู่เพราะชอบทำบุญ วันหนึ่ง นาย ข. จับผิดนาย ก. ว่าไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย จิตของเขาจึงจ้องจับผิดอยู่อย่างนั้น ในขณะที่นาย ก. มีจิตที่ยืนหยัดอยู่ในความเชื่อมั่นในคุณงามความดีของทุกคน (เพราะเขาจนจึงไม่มีโอกาสสร้างผลงาน ความดีใดๆ แต่เขากลับเชื่อว่าทุกคนล้วนมีใจที่จะทำความดีทั้งนั้นถ้ามีโอกาสนะ) สุดท้าย ผลจะออกมาว่า "พลังเทพของนาย ข. จะไปสู่นาย ก. และพลังมารของนาย ก. จะไหลไปสู่นาย ข. ได้" อันนี้ เป็นไปตามธรรมชาติของจิตมนุษย์ ซึ่งมีผลต่อ "รูปแบบการเสวยบุญกรรม" ที่ต่างไปจากเดิมด้วย กล่าวคือ ผู้ที่ได้พลังมารคลุมชั้นนอกไป ก็มีการเสวยผลบุญกรรมแบบมาร แต่ผู้ที่ได้พลังเทพคลุมชั้นนอกไปก็มีการเสวยผลบุญแบบเทพ นั่นเอง


สุดท้าย พลังงานเหล่านี้ ปกติจะเปลี่ยนแปลงง่ายในระดับ "ชั้นนอก" เนื่องจากพลังงานในมนุษย์เป็น "พลังงานเชิงซ้อนหลากมิติ" มีความซับซ้อนมากและซ้อนอยู่หลายชั้น การเปลี่ยนแปลงจึงเกิดง่ายเฉพาะชั้นนอกสุด ส่วนชั้นในที่ลึกลงไป จะเปลี่ยนแปลงหรือแลกเปลี่ยนได้ยากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนเรามีเปลือกนอกที่ปรับเปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ปรับตัวเข้ากับคนหลากหลายกลุ่มได้ง่าย แต่จะไม่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงในระดับลึก นั่นคือ เบื้องลึกแล้วเขาก็ยังเหมือนเดิม แต่เปลือกนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป วิธีนี้จึงไม่ใช่การชำระล้าง ด้วยไม่มีการเปลี่ยนแปลงของพลังงานทั้งระบบ นั่นเอง แต่นักพลังจิตอาจ ใ้ช้หลักการนี้ในการทำหน้าที่ต่างๆ เพื่อเสริมความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่แตกต่่างกัน ก็ได้ สำหรับบทความนี้ ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ก็บ้างอะไรบ้างน่ะ ใครจะไปหลงไหลในรูปลักษณ์อยู่ตลอดเวลาล่ะ......

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน