มันน่าแปลกและน่าอัศจรรย์มากทีเดียว แต่มันจำเป็นที่คุณอาจจะต้องระลึกถึง "ตัวตนในมิติอื่นๆ ของคุณให้ได้ก่อน" ดังนั้น คุณจึงต้องผ่านมิติที่ ๕ ที่จะทำให้คุณรับรู้ถึงตัวตนมากมายในหลากหลายมิติของคุณ เช่น ตัวตนในมิติอดีต, ตัวตนในมิติอนาคต ฯลฯ เมื่อคุณรับรู้ได้แล้ว ก็อาจค้นพบตัวตนเหล่านี้ในร่างของคนอื่นและเมื่อคุณเปิดใจกว้างที่จะยอมรับและเข้าใจได้ คุณก็จะเลื่อนเข้าไปสู่ขอบเขตของมิติที่ ๖ ทันที ทีนี้ ผมมีอะไรให้คุณทดลองเล่นๆ สนุกๆ มากกว่านั้น นั่นคือ คุณก็อาจทดลองดูได้ว่า "ตัวตนตัวนั้นๆ ใช่ หนึ่งในตัวตนหลากมิติของคุณหรือไม่" เช่น คุณอาจเชื่อมโยงพลังงานไปสู่ตัวตนตัวนั้น, ทำงานผ่านตัวตนตัวนั้น (ในร่างคนอื่น) หรือแม้แต่ดึงเอาตัวตนตัวนั้นเข้ามาในร่างสังขารปัจจุบันของคุณ ก็สามารถทำได้ และเพื่อยืนยันถึงความเป็น "ตัวตนหลากมิติของคุณ" คุณจะได้ค้นพบประจักษ์พยานบางอย่างที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า "มันคือความจริงในระดับมิติที่สูงขึ้น" นั่นเอง
ในทางกลับกัน "ตัวตนต่างมิติของคนอื่น" อาจซ้อนอยู่ในร่างสังขารของคุณ อันเนื่องมาจาก "ผลของพลังงานเชิงซ้อน" ของโลก นั่นเอง และด้วยเหตุนี้ ทำให้คุณถูกปิดบังอำพรางไปด้วย "ตัวตนของคนอื่น" ได้ และทำให้คุณเข้าไม่ถึง "ตัวตนที่แท้ของคุณเอง" เช่น คุณไม่รู้ว่าในความเป็นจริงแล้ว คุณต้องการอะไรกันแน่? คุณแสวงหาสิ่งใดกันแน่? อะไรที่เป็นความสุขที่แท้จริงของคุณ? เพราะตัวตนที่แท้จริงของคุณอาจถูก "ฝังกลบ" อยู่ภายใต้ตัวตนของคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หรือพระเมสิอาร์มากๆ คุณอาจจะถูกตัวตนของท่านฝังกลบให้ซ่อนลึกอยู่ภายในตัวคุณเอง มันไม่อาจที่จะแสดงความเป็น "ตัวตนที่แท้้จริงของคุณ" ออกมาได้เลยเพราะการถูกพลังงานเชิงซ้อน ซ้อนทับไว้เช่นนี้ เอาละ... อย่าเพิ่งโวยวายโทษว่าเป็นความผิดของใคร สิ่งนี้จะมาไม่ได้ ถ้า "ใจของคุณไม่ต้องการ" แต่ถ้าใจของคุณเรียกร้องต้องการ อยากได้ อยากมี อยากเป็น แน่นอนว่าใจของคุณเองนั่นแหละ ที่ "จูน" เอาพลังงานเชิงซ้อนเหล่านั้นเข้ามา
และเมื่อใดก็ตามที่ "ตัวตนต่างมิติของคุณ" ที่อยู่ในร่างคนอื่น ได้ัรับการชำระล้างและสร้างใหม่โดยคุณอีกครั้ง คุณก็จะพัฒนาตัวเองได้สูงขึ้น เลื่อนระดับย่อยๆ สูงขึ้นไปได้อีกก่อนที่จะถึงที่สุดของมิติที่ ๖ นั้น ดังนั้น "คนอื่นบางคนอาจเป็นเหมือนกระจกสะท้อนอดีตหรืออนาคต" ให้คุณก็เป็นได้? จงฮึกเหิมและกล้าหาญที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เหนือความคาดหมายนี้ ผมเชื่อว่าคุณจะสนุกกับมัน สวัสดีครับ ...
การเปิดใจเรียนรู้เรื่อง "พลังงานเชิงซ้อน"
ตอบลบและ "ตัวตนเชิงซ้อน" เพื่ออะไร?
ก็เพื่อความไม่ประมาทในธรรมของแต่ละ
ท่านนะครับ เพราะบางท่านคิดว่าตัวตนนั้น
มี ๑ เดียว จิตมีหนึ่งเดียวตลอด ซึ่งถ้ามัน
เป็นเช่นนั้นได้ ก็อาจจะดี ผมยินดีด้วยใน
สิ่งที่ท่านต้องการ "แต่ถ้ามันไม่จริงละ?"
ท่านก็จะไม่รู้เท่าทันเรื่องเหล่านี้เลย เช่น
ทำไม พระอรหันต์บางรูป มีพฤติกรรมที่
แปลกๆ ไม่ดูน่าเลื่อมใสศรัทธา หรือบาง
ที คุณได้ยินพระอรหันต์แสดงธรรม คุณ
ก็อาจรู้มากกว่าท่าน เถียงท่านแทบแย่!
ทว่า นั้่นมันแค่พลังเชิงซ้อนที่ทำให้ท่าน
เป็นเช่นนั้น คือ อธิบายไม่ถูก มันเป็นแค่
เปลือกนอกครับ ไม่ใช่แก่นแท้ภายในนั้น
นี่เพราะ "ผลของพลังเชิงซ้อน" หรือ "ตัว
ตนเชิงซ้อน" อีกเช่นกัน
อย่างนี้แล้ว เรายังจะประมาท ยึดมั่นแน่
นอนว่า "ตัวตน-จิต-กาย" มี ๑ เดียวแน่รึ?
ช่ายยยยยยยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบอ๊ะะ พ่อหมี อุ้มเค้าหน่อย
อีกคนในตัวเรา : โอ๊ยย พ่อหมี พ่อเหมอ อะไร โตได้แล้วโว๊ยยยยยยยยย 555555555555
ถ้าไม่โต ต้องไปหานมแม่ดูดละนะ
ตอบลบทำไมใช้มุขเด็กแล้วมันแป็กยังไงก็ไม่รู้ช่วงนี้ แต่ช่วงก่อน ได้ผลดีมว๊ากก มากกก
ตอบลบ