วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อ่ะ ใครจะเลื่อนระดับจากมิติที่ห้าไปสู่มิติที่หกแล้ว มาทางนี้!

โอวแม่เจ้าโว้ย เจ้าข้าเอ้ย ใครที่ใกล้จะคลอดแล้ว เอ้ยไม่ช่าย ใกล้จะเลื่อนระดับจากมิติที่ห้า ไปมิติที่หกแล้ว มาทางนี้ มามะมามา เขาว่าให้มาเม้าท์กันหน่อย เพราะว่ามันแบบว่า ลึกลับมากๆ เลย อ่ะนะ หลังจากที่เราเคยบอกเพื่อนๆ แล้วว่าในมิติที่ปกติคนส่วนใหญ่ในโลกอยู่นี้ คือ "มิติที่สาม" ซึ่งมีความกว้าง, ยาว, สูง เป็นองค์ประกอบของมิติที่สำคัญ และผลออกมาคือ "รูปเชิงวัตถุ" ที่จับต้อง, สัมผัสได้ง่ายๆ เพียงสามมิติคือ กว้าง, ยาว, สูง ดังกล่าว คนที่ยังคงติดอยู้่ในมิติที่สามนี้ จึงมักวนเวียนอยู่กับ "วัตถุนิยม" มาก เพราะมันสัมผัสได้ง่ายด้วยมิติที่สาม นั่นเอง เอาละ พอเลื่อนระดับไปมิติที่สี่แล้ว ก็จะพ้นเรื่องเชิงวัตถุไปได้เข้าสู่มิติแห่งกาลเวลาโลดแล่นไปตามอดีตและอนาคต สัมผัสตัวตนของตนเองในมิติอื่นๆ นั้นเป็นครั้งแรก และยังไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร จนกระทั่งได้ค้นพบว่าสิ่งนั้น "ไม่ใช่ความว่างเปล่า" ไม่อาจสูญหายไปจากจักรวาลได้ แต่มีอยู่จริงในมิติที่ต่างออกไป ในแบบที่ต่างไปจากที่เคยเข้าใจ น่านละ ก็จะเข้าสู่มิติที่ห้าคือ มิติที่มีตัวตนหลากหลายมิติเชื่อมโยงถึงกันได้ คราวนี้ละ เธอเอ้ย ชีวิตจะสับสนมาก ว้าวุ่น เหมือนวัยรุ่นสับสนตัวเอง น่ะ ตัวเอ้งตัวเอง มันเหมือนเราเป็นใครบ้างไม่รู้ หลายๆ คนมั่วไปหมด ถ้าไม่คิดอะไรก็ไม่ปั่นป่วน แต่ถ้ายิ่งคิดมาก ก็ยิ่งปั่นป่วน แถมเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองอีกแน่ะ มันเหมือนเราถูกใครควบคุมได้ หรือมีอะไรมาบงการชีวิต โอว แม่เจ้า ทำไมฉันต้องมาเป็นแบบนี้ ว่าแล้วก็หาทางไปให้พ้นจากภาวะนี้ ก็เลยต้องเลื่อนระดับให้สูงขึ้นไป จนถึงที่สุดแห่งเขตแดนของ "มิติที่ห้า" เกือบจะทะลุมิติได้แล้ว ก็จะค้นพบ "ความเป็นเอกภาพของตัวตนหลากมิติทั้งหลาย" ของเราได้ เมื่อนั้นวัยรุ่นก็เลิกสับสนได้ซะที  


อาวละ ทีนี้ต่อไป ก็จะเข้าสู่การเลื่อนระดับสู่มิติที่หกกันละ มันจะมีด่านขวางกั้นไว้นิดหนึ่งคือ "ตัวตนหลากมิติของเรา" กับ "สิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนหลากมิติของเรา" สองอย่างนี้จะถูกเราแยกออกจากกันและกลายเป็นกำแพงกั้นตัวเราเอง ให้ไม่อาจเข้าสู่มิติที่หกได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การที่จะทะลุมิติที่ห้าไปสู่มิติที่หกได้นั้น จำต้องทะลุผ่านกำแพงแห่งจิตใจของเราที่ยึดมั่นอยู่ว่า "นี่คือตัวตนหลากมิติของเรา" แต่นั่นไม่ใช่ตัวตนหลากมิติของเรา แล้วเข้าสู่ "ภาวะความเป็นหนึ่งเดียวขององค์รวม" ให้ได้ เช่น เราเป็นหนึ่งเดียวกะก้อนหินไหม? ต้นไม้ละ? แม่น้ำละ? ลมละ? ฝนละ? เพื่อนๆ รอบข้างเราละ? นี่ไม่ใช่การแนะนำให้ไปพยายามทำให้เป็นนะ เพราะการทำเช่นนั้น มันเป็นแค่การเลียนแบบเท่านั้น แต่ว่าของแบบนี้อ่ะ มันต้องเป็นเองตามธรรมชาติของมัน คือ เมื่อมันเลื่อนระดับไปถึงมิติที่หกได้แล้ว มันก็จะเป็นหนึ่งเดียวกะทุกสิ่งได้เอง เมื่อใจเราร้อน อากาศก็ร้อนเหมือนกัน เมื่อใจเราสับสนแปรปรวน อากาศก็แปรปรวนมีลมปั่นป่วนได้เหมือนกันอะไรแบบนั้นอ่ะ อ้าว นี่เริ่มไม่ใช่คนแบบเดิมๆ  ที่เคยเข้าใจอีกแระ เพราะในระดับมิติที่หกนี้ ทุกสรรพสิ่งไม่ต่างกันเลย เพราะมันก็ล้วนมาจากรากฐานเดิม เดียวกันแท้ๆ เอาละ พอดีกว่า เขียนมากไปเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น ลองให้ไปค้นพบด้วยตนเองดีกว่านะ เพราะว่า "มันน่าตื่นเต้นกว่ามวกกกก" ว่ะฮ่าๆๆ    

2 ความคิดเห็น:

เม้าท์ด้วยคน