วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ยุค “เทพเดินดิน” กำลังใกล้มาแล้วและคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น?

หลายท่านคงเคยอ่านนิยายปรัมปราเกี่ยวกับเทพเจ้าโบราณ เช่น เทพกรีก กันบ้างนะครับ ท่านคงจะเห็นอย่างหนึ่งว่าเทพเหล่านั้นกับมนุษย์อยู่ร่วมกันบนโลกทั้งยังพูดคุย และกระทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้มากมาย แม้กระทั่งรบกันครับ นั่นคือ “ความจริงในยุคหนึ่งของโลก” ที่ถ่ายทอดผ่านมาในรูป “นิยายปรัมปรา” นะครับ ซึ่งความจริงนี้ ไม่ได้เลือนหายไปไหน และสามารถที่จะเกิดขึ้นได้อีกครั้งครับ และมันได้เกิดขึ้นแล้วในยุคของเรานี่เอง กล่าวคือ จะมีมนุษย์ที่ยกระดับตัวเองไปได้ถึงมิติที่ 7 ไม่ใช่คนเดียวนะครับ หลายคนครับ ตรงนี้อยากบอกไว้ก่อน “อย่าหลงตัวเองละ” เวลาเข้าสู่มิติที่ 7 ได้แล้ว เพราะมันอาจไม่ใช่ท่านคนเดียวที่เข้ามาได้ ธรรมชาติจะจัดสรรให้คนหลายคนได้เช่นกันครับ เพื่ออะไร? เพื่อคานดุลยภาพของอำนาจไงละครับ โลกนี้มันจะให้คนใดคนหนึ่งใหญ่อยู่คนเดียว “มันเป็นไปบ่ได้” ครับ นี่คือ สัจธรรมข้อหนึ่ง ไม่เช่นนั้นโลกมันเบี้ยวแน่ครับ เพราะถูกกระทำด้วยน้ำมือของคนๆ เดียวที่มีอำนาจมากที่สุดคนนั้น ด้วยเหตุนี้ ธรรมชาติย่อมจัดสรรให้มีคนหลายคนได้เข้าสู่มิตินี้พร้อมๆ กันครับ พวกเขาก็จะคอยคานดุลยภาพของอำนาจให้แก่กันและกัน ยกตัวอย่างเช่น คราวใดที่มีคนที่เข้าสู่ความเป็นเทพไกอา, ก็มีคนที่เข้าสู่ความเป็นเทพยูเรนัส (ราตรี), คนที่เข้าสู่ความเป็นเทพซูส (ทิวา) และคนที่เข้าสู่ความเป็นเทพสุริยะ มันจะตามกันมาเป็นชุดๆ เลยครับ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีแค่คนเดียว ทว่า คนเหล่านี้เขาจะบำเพ็ญบารมี เกี่ยวข้องกันมานะครับ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องมากหรือน้อย ทางใดก็แล้วแต่ ต้องมีเกี่ยวข้องกันแน่ครับ มันเป็น “พลังของการจูนกันในระดับเครือข่าย” ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. กับนาย ข. อยู่สำนักเดียวกัน ถ้านาย ก. สำเร็จเป็นราตรี นาย ข. ก็มีโอกาสสำเร็จเป็นทิวาครับ มันจูนกันเลย ด้วยพลังที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องนั่นแหละ ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะเลื่อนระดับไปในมิติที่ 7 ได้ง่ายๆ คุณก็ต้องเข้าหาคนที่กำลังเลื่อนเข้าสู่มิติที่ 7 เช่นกัน เขาอาจได้ก่อนคุณหรือคุณได้ก่อนเขาก็ตามที ไม่สำคัญ แต่มันจะช่วยฉุดดึงกันขึ้นไปพร้อมๆ กันได้ครับ


ในระดับมิติที่ 7 นี้ ผมบอกได้เลยครับว่า “ไม่มีแค่คนเดียว” แน่นอน มันมีมากกว่าหนึ่งคนที่คอยคานอำนาจกันดังกล่าว เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า “พระพุทธเจ้า” นะครับ (พระพุทธเจ้าจะเกิดบนโลกเพียงหนึ่งเดียวในแต่ละยุคเท่านั้น) มันคือ มิติแห่งเทพ และในมิติแห่งเทพนี้ มันจะมีเพียงหนึ่งเดียว “เป็นไปไม่ได้” คนอีกมากมายจะค่อยๆ เข้าสู่มิตินี้ และมีชีวิตไม่เหมือนคนทั่วไป เช่น ไม่ได้ทำงานทำการ เหมือนคนปกติ ก็อยู่ได้ และมีความสามารถหรือพลังจิตขั้นสูงทีเดียวครับ ซึ่งพวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้นครับ เช่น คนที่เป็นเทพแห่งพายุ เขาอาจไม่รู้ตัวว่าเขาเป็น และการกระทำหรืออารมณ์ของเขานั้นแหละ ทำให้เขามีพลังทำให้เกิดพายุต่างๆ ได้ครับ ไม่ได้ล้อเล่นนะครับถ้าท่านเข้าสู่มิติที่ 7 นี้ได้จริงๆ มันก็เกิดขึ้นได้จริงๆ ครับ ทีนี้ เพราะการเกิดขึ้นนั้น มันเกิดขึ้นเป็น “ชุด” นะครับ มันก็เลยเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ตัวอย่าง ขณะที่ นาย ก., นาย ข, นาย ค กำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ก็ได้พบกันทางใดก็แล้วแต่ (ทางเน็ตก็ได้) พวกเขาจะพูดคุยหรือมีพลังจิตประสานกันไปมาในแบบของตัวเอง เช่น เถียงกันไปมา คนหนึ่งกลายเป็นคนที่ชอบปกปิดความลับของตัวเอง (ที่ตนทำผิดไว้) คนนี้จะเข้าทาง “เทพราหู” ครับ, คนหนึ่งคิดจะเปิดเผยให้ได้รู้กันทั่ว คนนี้จะเข้าทาง “เทพสุริยะ” ครับ, อีกคน ไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ต้องปกปิด และไม่ผิดเปิดโปงใครเพราะยอมรับด้วยใจกว้าง คนนี้เข้าทาง “เทพทิวา” ครับ (ฟ้าใส หรือเทพซูส) มันจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันนะครับ ไม่ใช่คนเดียวแน่นอน และพวกเขาก็จะทำหน้าที่คานดุลยภาพอำนาจกันต่อไป นั่นคือ คนที่เข้าสู่ระดับมิติที่ 7 ได้แล้วครับ ซึ่งบางคนเข้าถึงได้ง่ายด้วยอาจเป็นเพราะเขามีระดับมิติที่สูงอยู่ก่อนแล้ว เช่น เด็กอินดิโก้ ทั้งหลาย ก็ได้เข้าถึงมิติที่สูงกว่ามิติที่ 3 กันตั้งแต่เกิดแล้วครับ ถ้าคนไหนมาจากมิติที่ 6 ไม่ต้องทำอะไรมากเลย ต่ออีกนิดหนึ่งก็ถึงมิติที่ 7 แล้วครับ เห็นไหม มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ แต่ตอนจะลงตัวเป็นเทพแบบไหนนี่ ยากหน่อย บางคนคิดว่าตัวเองตรงธรรม ไม่เอาเทพเลย เข้าจะเอาแต่ธรรม แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ครับ เหมือนการจะเป็นอรหันต์จะต้องเป็นรูปธรรมชีวิตก่อน จะเป็นก้อนหินแล้วลัดไปสู่อรหันต์เลย คงไม่ได้ละครับ นั่นมัน “ยึดติดปรัชญาเกินไป” จนไม่เข้าใจความเป็นจริงของโลกจริงๆ ครับ เอาละ ผมว่าพล่ามมามาก พอหอมปาก หอมคอ หอมหัวใหญ่ ด้วย อ้าวไม่ต้อง ฮ่าๆๆ ไว้พบกันบทความหน้า เช้านี้ สวัสดีครับ ...      

7 ความคิดเห็น:

  1. ผมสัมผัสได้ว่าคนที่เข้ามาอ่านบทความของผม มีคนที่ได้ "เทพสุริยะ" แล้ว เขามีแสงสว่างในตัว แต่เป็นคนพูดไม่เก่ง ผมได้อาศัยเขานี่แหละ ผมดูเขา สังเกตุเขา ถึงได้รับข้อมูลอะไรมากมาย ผมจึงแน่ใจว่าเขาได้ขั้นเทพสุริยะแน่นอนแล้ว จริงๆ แล้ว อะไรหลายอย่าง "ไม่ใช่ความคิดของผมเองเลย" ผมเอามาจากท่านผู้นี้โดยเฉพาะ ท่านผู้นี้มาอ่านบทความของผมคงแปลกใจ "เอ๊ะ ตรงกะที่ชั้นคิดเลยว่ะ" ฮ่าๆๆๆ อะไรแบบนั้น เพราะมันอยู่ในตัวเขาเองนั่นแหละ แต่เขาเป็นคนอธิบายไม่เก่งเท่านั้นเอง แล้วก็มีคนหลงคิดว่าผมมีพลังสุริยะ เลยตามมาเลียนแบบทุกอย่างจากผม ทว่า เขาเลียนแบบผิดคน โฮ่ๆๆๆ เพราะผมไม่ใช่สุริยเทพแล้ว แม้ว่าจะเคยได้รับพลังจากท่านบ้างก็ตาม คนที่จะบำเพ็ญขึ้นชั้น "เทพพระจันทร์" เขาจะต้องมารับพลังของสุริยะเทพ ขโมยความคิดไปเป็นของตัวเองครับ เพราะเขาไม่มีแสงในตัวเอง ไม่มีปัญญาได้ด้วยตัวเอง และเขาก็คิดว่าผมเป็น เลยมาเลียนแบบใหญ่ ทว่า เขาพลาดไปแล้วครับ เพราะสุริยเทพที่ผมสัมผัสได้นี้ "สุดยอด" คนตาถั่ว มองไม่ออกแน่นอน ว่ะ ฮ่าๆๆๆ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ31 ตุลาคม 2555 เวลา 09:37

    ผีอยู่ในมิติที่เท่าไหร่ มนุษย์ต่างดาวอยู่ในมิติที่เท่าไหร่ เซียนอยู่มิติที่เท่าไหร่ นิพพานอยู่มิติที่เท่าไหร่ พระเจ้าอยู่มิติที่เท่าไหร่

    ตอบลบ
  3. เมื่อยกระดับเข้าสู่มิติที่ 4 ก็สัมผัสผีได้
    เมื่อยกระดับเข้าสู่มติที่ 5-6 สัมผัสเซียนได้
    มนุษย์ต่างดาว ก็อยู่ในมิติที่ 5-6 แต่ว่าต้อง
    ใช้ระดับที่สูงกว่าเทพ จึงจะสัมผัสได้ มันเป็น
    เหมือนระดับชั้นที่ย่อยลงไปอีก บางคนไม่ได้
    สัมผัสมนุษย์ต่างดาว แต่ผ่านด่านมิตินี้่ไปก็ได้


    นิพพาน ถ้าอ้างอิงตาม สมณโพธิรักษ์ (ผู้เขียน
    หนังสือเืรื่อง ความรักสิบมิติ) ก็จะจัดให้อยู่ในมิติ
    ที่ 9 ครับ ส่วนพระเ้จ้า นับเป็นมิติที่ 10


    ส่วนที่ผมนำเสนอ ไม่ได้ลอกมาจากสมณโพธิรักษ์
    แต่มาจากประสบการณ์จริงหลังจากได้ทำมาแล้ว
    ครับ ตอนนี้ เลยอธิบายได้ละเอียดประมาณนี้เอง
    (มิติที่สูงกว่านี้ จำต้องรอให้เข้าใจมากกว่านี้ครับ)


    แต่ในมุมมองของผม ถ้าคนเราไม่ยึดติดในมิติที่ 3
    แต่ยกระดับขึ้นมานิดเดียว ก็ตรงนิพพานได้แล้วครับ

    ตอบลบ
  4. ทำไหมคนต้องการนิพานแต่ไม่ชอบทำอะไรเลย(ชอบสบายๆมากกว่าแต่อยากไปถึงนิพาน)ตอนนี้เบื่อมากๆเลยสหายอยากกลับแล้วเมื่อสิ้นแสงก็โรยรา

    ตอบลบ
  5. มิติที่3อยู่ระหว่างตา มิติที่4อยู่ระหว่างคิ้ว มิติที่5อยู่ระหว่างหน้าผาก มิติที่6ระหว่างการควบคุมทั่งสมอง มิติที่7 ระหว่างจิตและใจประสานกันกับพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียว
    ความรักความศัทธาและความบรุิ ิธ์ใจในเจตนาเชื่อว่าจะข้ามภพข้ามเวลาได้ไม่ว่าคุณจะอยุ่ที่ใดมิติใดๆก็ตาม

    ตอบลบ
  6. สีงที่เห็นรู้ว่ามันแก้ไม่ได้จงมองข้ามมันไปเพราะนั้นมันคือสัจจธรรมที่มนุษย์สร้างมันขึ้นมาโดยใช้อารมย์ ความโลภ ความหลง ความเห็นแก่ตัวสร้างมันขึ้นมา ความเห็นแก่ตัว นั้นคือธรรมชาติของมนุษย์ที่มีดีมีเลวคู่กัน และไม่มีวันสิ้นสุดทุกยุคทุกสมัยมันก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป แค่รู้ว่าเราควรทำอย่างไรและมีหน้าที่อะไรทำไปตามธรรมชาติและตัวตนมุ่งไปข้างหน้า เอะเราคอ่ยอะไร ค่อยผู้ที่มี่สัจจธรรมมาทำให้โลกสันติสุข เมือไรละ? เมื่อโลกมีแต่ความอธรรมมีแต่การกดขี่ การเอารัดเอาเปลียบการคุกคามการลุกล้ำแผ่นดินอันชอบธรรม การอดอยากการทมานการฆ่าฟันการปล้นจี้ การมีอำนาจอันชอบธรรมการเผด็จการเมื่อนั้นละโลกจะเปลียน สัจจธรรมจะเข้าโอบอุ้มเพื่อให้พวกคุณ่านพ้นความอันเลวร้ายนี้ไปได้

    ตอบลบ
  7. เย้ๆ จะได้มีเพื่อนๆเยอะ (อ่ะ แล้วเค้าเป็นตัวอะไรง่า 55555)

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน