วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เกมชีวิตที่ลิขิตโดยเทพ (ในร่างมนุษย์) คุณก็มีส่วนกำหนดอนาคตของโลกได้

สวัสดียามเช้าครับ วันนี้เรามาเม้าท์กันต่อเรื่องของมิติที่ 7 ละกัน อย่างที่ได้อธิบายไว้บ้างแล้วว่ามิตินี้เป็นมิติของเทพเดินดิน, เทพในร่างมนุษย์ การกระทำของพวกเขาจะไม่ใช่การลองผิด ลองถูก แต่จะเป็น “ตัวแทนของสวรรค์” และเป็นการกระทำที่ได้รับการยอมรับจากสวรรค์แล้วว่าให้เดินเกมนั้นได้ ภายใต้ขีดจำกัดที่ว่า “อำนาจไม่ได้อยู่ในมือใครคนหนึ่ง” แต่จะกระจายอยู่ในคนหลายคน เพื่อคานอำนาจซึ่งกันและกันอย่างสมดุล สมมุติ นาย ก. เป็นเทพในร่างมนุษย์ที่ควบคุมธาตุไฟในโลกได้ ก็จะมี นาย ข. เป็นเทพในร่างมนุษย์ที่ควบคุมธาตุน้ำในโลกได้ มาคู่กันเพื่อคานดุลยภาพกัน นั่นเอง ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงต่างๆ บนโลก จะเป็นไปโดยท่านที่อยู่ในระดับมิติที่ 7 นี้ อย่างสมดุล ผมเลยเรียกง่ายๆ ว่า “เกมชีวิตที่ลิขิตโดยเทพในร่างมนุษย์” นี่ไงละครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เราก็มาเม้าท์กันเรื่องนี้เลย ก็แล้วกัน


ในระดับมิติที่ 7 นี้ จะมีเทพในร่างมนุษย์ที่จะอยู่ในระดับ “ตัวกระทำ” เหมือนตัวละคร ที่ต้องเล่นบทบาทต่างๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกครับ แล้วเขาจะต้องมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก เปลี่ยนไปอย่างอื่นไม่ได้ เช่น ถ้าเขาถือธาตุไฟ จะให้เขาเป็นคนใจเย็นไม่ได้นะครับ ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่อาจใช้พลังของเขาได้เลย และสูญเสียพลังธาตุไฟไปหมดได้ ดังนั้น ก็เป็นธรรมดาครับ ที่เราจะเห็น “เทพในร่างมนุษย์” ที่ดูเหมือนเอาแต่ใจตัวเองหน่อย หรือไม่ยอมเปลี่ยนแปลงธรรมชาติในตัวเอง นี่ไม่ใช่แบบมนุษย์ในมิติที่ 3 หรอกนะครับ มันสูงกว่านั้นและมันเป็นความจำเป็นของระดับมิติที่ 7 ครับ คือ “อย่าสูญเสียธรรมชาติของตัวเอง” จงเป็นอย่างที่คุณเป็น จงเป็นตัวเองตามธรรมชาติที่คุณเป็นนั้น เพราะจะมีคนอื่นๆ เข้ามาช่วยคานอำนาจให้คุณเองครับ แต่ถ้าคุณสูญเสียธรรมชาติของคุณไป ก็จบเห่ คุณก็จะทำหน้าที่ไม่ได้แล้วครับ


ในกระบวนการนี้ ยังมีท่านที่อยู่ในระดับมิติที่สูงขึ้นกว่า ขึ้นไป คอยดูแลอยู่ด้วย เหมือนผู้กำกับอีกที เพื่อให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างสมดุล เพราะการเปลี่ยนแปลงในโลก จำเป็นต้องดำเนินไปอย่างสมดุลครับ ในขณะที่ “ตัวกระทำ” ไม่อาจทำแบบนั้นได้ตัวกระทำแต่ละตัวต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ตามธรรมชาติที่ตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ดังที่บอกแล้ว คนที่ควบคุมธาตุไฟ ก็ต้องเป็นไฟ คนที่ควบคุมธาตุน้ำก็ต้องเป็นน้ำ ผมเลยอยากเรียกยุคนี้ในบางครั้งว่า “สงครามมหาเทพ” ก็ได้มันเท่ห์ดีเพราะมันจะมีเทพในร่างมนุษย์หลายคนที่ใช้พลังปะทะกันครับ พวกเขาอาจมีความคิดเห็น, การพูด, การกระทำที่ขัดแย้งกัน ยังกะจะก่อสงครามเลยแล้วมันจะทำให้พลังในตัวของเขาถูกปลดปล่อยออกมา ยังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ครับ อันนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับนิทานปรัมปราที่เราเคยอ่านครั้งยังเด็กนะครับ แต่ว่า “มันก็คือความจริงในมิติที่ 7” ครับ ... 

2 ความคิดเห็น:

  1. พระบิดาจักรวาลมักสอนให้เรา ยอมรับทุกสิ่งในจักรวาลให้ได้ อย่าไปรังเกียจสิ่งใดๆ หรือครอบงำ ชี้นำความคิดให้คนไม่ชอบอะไร เพราะ "ทุกอย่างนั้น ท่านก็สร้างขึ้น" ดังนั้น จึงไม่มีความคิดรังเกียจ, ตีตรา หรือใส่ร้ายให้ใครเป็นตัวร้าย เพราะทุกคนก็มีหน้าที่ต่างกันทั้งสิ้น ในจักรวาลนี้ เช่น มารก็ต้องเป็นมาร จึงทำหน้าที่ของมารได้ เทพก็ต้องเป็นเทพจึงทำหน้าที่ของเทพได้ สำหรับคนที่เลื่อนระดับไปถึงมิติที่ 5-6 แล้ว จะได้รับโจทย์ให้ลองเป็นทุกอย่าง แม้กระทั่งสัตว ์เดรัจฉาน เพื่อให้รู้ว่า "ความเป็นหนึ่งเีดียวกันของทั้งจักรวาล" คืออะไร ดังนั้น คนที่ไปถึงระดับนั้นแล้ว บางครั้งอาจเ็ป็นเทพ แต่กลับเป็นมารได้ด้วย เป็นได้ทุกอย่าง เป็นชายก็ได้ หญิงก็ได้ เป็นได้ทุกอย่าง แต่คนไหนที่ยังยึดแต่หัวโขนเดิมๆ และไม่เคยเปิดใจหรือเข้าใจถึงจุดนี้ได้เลย ก็ยังคงอยู่ในมิติที่สาม เช่นเดิม อันนี้เรียกว่า "ล้าหลัง" และนะคร้าบบบ

    ตอบลบ
  2. จิตข้างในบอกว่า "ไปทำงานที่ปั๊มได้เหมือนเดิม แต่ไปทำงานอย่างอื่นไม่ได้อ่ะ งง"

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน