วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เผยความลับสุดยอด "เคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น" พลังอันดับหนึ่งของยุทธภพอยู่นี่แล้ว!

มาพบกันอีกแล้วครับดึกๆ ก่อนนอน มาทำไมเอ่ย มาร้องเพลงตับกันดี มั้ย? อ้าว ตับ ๆๆๆๆ ป้าบ ๆๆๆๆ อ้าวเอ๊ะ ไม่ช่ายนี่ ล้อเล่นนะตัวเอ้ง เค้ามาเม้าท์แค่เม้าท์เท่านั้นแหละเรื่องอะไรดีละ เรื่องพลังเปลี่ยนเส้นเอ็นดีกว่า เพราะว่าเขาไม่รู้ข้อมูลความจริงอะไรเลย ดังนั้น เขาจึงเม้าท์ได้ยังไงละตัวเอ้ง เอาละ ถ้าใครแสลงใจ ฟังต่อไม่ได้ ก็ไม่อ่านละนะ ถ้ารับไม่ได้ มั้ยดั้ย หม๋ายด๋ายยย กะ "การเม้าท์" ละก็ ถอนตัวยังทัน แต่ถ้ารับได้ ก็อ่านต่อไปครับ เพราะต่อไปนี้จะเป็น "การเม้าท์" ล้วนๆ เลย


เอาละ ผมจะพาคุณขึ้นยานผ่านกาลเวลา ย้อนไปหา ปรมาจารย์ตั๊กม้อ ในชั่วพริบตา อ่ะ มาถึงแล้ว เจอตัวแล้ว ยิ้มแหง๋อยู่นั่นไง อ๊ะจ๊ะ ฮาโหล อาจารย์ มาดึกๆ นี่จะมาสนทนากะอาจารย์แหละเรื่องเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น สุดยอดของยุทธภพ ไม่มีอะไรเทียบเทียมได้ เอาละนะ สรุปเลยละกันว่า มันคือ วิชาที่เปลี่ยนสิ่งที่ไม่ดี ให้กลายเป็นพลังที่ดีได้ ก็เท่านั้น ง่ายจะตาย แต่ไม่ค่อยมีใครทำได้หรอก ว่ะ ฮ่าๆๆๆ ที่เรียกว่าเปลี่ยนเส้นเอ็นเพราะเริ่มต้นจากออกจากสมาธินานๆ ปวดเมื่อย เอ็นแข็งไปหมด เลยใช้วิธีแบบโยคะของอินเดียมาเป็นพื้นฐาน ในที่สุดก็กลายเป็นวิชาสุดยวดดด มว้ากกกก ที่ใครๆ ก็อยากจะได้กัน มันไม่ได้เปลี่ยนเส้นเอ็นอะไรในตัวเราหรอกนะ แต่มันเปลี่ยนพลังภายในที่ไม่ดี ให้กลายเป็นดีได้ ใช้ประโยชน์แก่ปวงสัตว์ได้ ซึ่งปรมาจารย์เองก็ได้ใ้ช้ในการศึกษาวรยุทธ์ หรือ "อวิชชา" ที่โหดร้ายต่างๆ ของคนในยุคนั้น แล้วเปลี่ยนเป็น "วรยุทธ์เส้าหลิน" ที่ดีมีประโยชน์ไป ในตำราดั้งเดิมจึงมีบันทึกสองส่วน คือ ส่วนที่เป็นวรยุทธ์ที่ปรมาจารย์ได้พบว่าเป็นของไม่ดี (เช่นวิชาเก้ามัจจุราชที่จางซานฟงแอบฝึกตอนเป็นเณร) และอีกส่วนก็เป็นวิชาที่ปรมาจารย์ใช้หลักเปลี่ยนเส้นเอ็นแก้ไขให้เป็นวิชาที่เกิดประโยชน์แล้ว นั่นเอง นั่นก็คือ ผลอย่างหนึ่งที่ได้จากเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น เท่านั้นเอง เอาละ บางท่านก็เคยได้ฝึกมาในอดีตชาตินะคร้าบ เพราะเคยเกิดเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ก็มี แต่หลายท่านฝึกแล้วไม่เก่งเลย เพราะอะไร? เพราะยึดอยู่แต่พลังด้านดี มันก็เลยไม่มีพลังด้านลบหรือด้านร้าย มาเป็นปัจจัยพื้นฐานในการเปลี่ยนให้เป็นของดี มันเลยไม่พัฒนาไง ดังนั้น ใครที่ฝึกแล้วจำต้องอยู่ในที่ๆ เต็มไปด้วยพลังด้านลบหรือด้านร้าย ก็จะเปลี่ยนให้เป็นพลังด้านดีได้ ทำไปเรื่อยๆ ก็จะแก่กล้าขึ้น เก่งขึ้นเองครับ มันจึงเหมาะกับคนที่ไม่ยึดความบริสุทธิ์เกินไปกล้าลุยโคลนไปโปรดสัตว์ไม่ใช่ไม่ยอมแปดเปื้อนอะไรเลย ก็หาไม่ ซึ่งพลังด้านลบมีได้มากมายครับอย่างเช่น เฉียวฟง มีตำราเปลี่ยนเส้นเอ็นอยู่กับตัว ได้ฝึกด้วย แต่ไม่พัฒนาครับ เพราะอะไร เพราะเขายึดแต่คุณธรรม ไม่กล้าลุยโคลนครับ พอ "อิวถานจื่อ" ได้คัมภีร์ไป แล้วเขาต้องรับพิษจากคนรักที่มอบให้อยู่ตลอดกลายเป็นเก่งโคตรๆ เลยในระยะเวลาอันสั้น นี่ละ เปลี่ยนเส้นเอ็นมันต้องอยู่กะั สิ่งที่ไม่ดีอย่างนี้ มันจึงจะำพัฒนาครับ ไม่งั้นฝึกสิบปี ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับ งั้นๆ แหละแต่ถ้ายิ่งอยู่กะพลังที่ไม่ดีทั้งหลายไ่ม่ใช่แค่พลังพิษนะครับ "พลังอวิชชา" ทุกอย่าง จะยิ่งแก่กล้าขึ้น พัฒนาขึ้นครับ


เอาละ ถึงเวลาบอกเคล็ดวิชากันแล้ว ฟังดีๆ นะครับ ... รางวัลเลขท้ายสามตัว เลขที่ออก ... ต้อดๆๆๆๆ อ้่าว มะช่าย ฮ่าๆๆ เคล็ดวิชาคือ มันก็คือ ... คือ ... "กิเลสคือโพธิ" จบ แ่ค่นั้นแหละ ใครตีหวยได้ แ้ก้ปริศนาออก ก็ได้ไป บอกแค่นี้แหละ ไม่บอกต่อแล้ว เดี๋ยวเก่งกว่าเค้านะตัวเอง โฮ่ๆๆๆ กิเลส โลภ, โกรธ, หลง, อวิชา ฯลฯ อะไรๆ ก็ตามไม่มีสาระ       ก็มันไม่เที่ยงอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว แล้วมันจะเปลี่ยนไม่ได้ ได้ไงละ คนที่ยึดอยู่ว่ากิเลสมันไม่ดี เป็นลบ กิเลสเที่ยง ไปนั่งดับ นั่งตัด มันก็เหนื่อยไป แค่นั้นแหละ เรียกว่า "โง่ดักดาน..." ว่ะ ฮ่าๆๆๆ นี่ไม่ได้ด่านะ แต่ว่า "ยิ่งกว่าด่าอีก" เพราะมันหลับอยู่ ไม่ตื่นซะทีอ่ะ เลยต้องยิ่งกว่าด่า มันจะได้ตื่นๆ กันซะที อ้าวละ ไม่อยากพูดมาก ของดีมีน้อย เอาแค่นี้ก็พอแล้ว ไปทำให้มันได้ผลกันก่อนละกัน ราตรีสวัสดิ์ครับ... 

4 ความคิดเห็น:

  1. จริงๆ แล้ว วัดเส้าหลินนี่ตัวร้ายเลยครับ ปรามาจารย์ตั๊กม้อไม่ได้ก่อตั้ง แต่เป็นฮ่องเต้แคว้นหนึ่งสร้าง เพื่อจะได้ใช้เป็นที่หลอกคน รวมคนมาเยอะๆ ไว้ก่อการตั้งกองทัพ และเล่นการเมืองครับ เรื่องมันมีมาอย่างนี้ ปรามาจารย์ถ่ายทอดวิชาสายเซนให้ท่านหุยเคอ ท่านไม่ได้อยู่วัดเส้าหลิน ท่านเคยพักอยู่แต่วัดม้าขาว แต่เมื่อฮ่องเต้องค์นี้รู้เข้า ก็อยากได้คัมภีร์ของท่าน แล้วหาทางไม่รู้ีอีท่าไหน ได้คัมภีร์ไปครับ โชคดีที่ท่านหุยเคอรักษาบาตรเอาไว้ได้ เลยถ่ายทอดสายเซน ทั้งยังมอบบาตรของท่านตั๊กม้อให้สืบทอดต่อๆ กันมาครับ (ยุุคท่านเว่ยหลางนี่ ท่านเว่ยหลางได้ไปแล้ว ยังต้องรีบออกจากวัด หนีไปเลย คนจะแย่งครับ แล้วก็ได้บูเช็คเทียนคอยหนุนให้ ไม่ให้ใครไปกวน ท่านเลยได้อยู่สงบ)


    คนยุคนั้น ใช้ชื่อเสียงของท่านตั๊กม้อมารวมใจคน เอาคัมภีร์ของท่านไปก่อตั้งเส้าหลินครับ เพื่อรวมใจคนให้ได้มากๆ เส้าหลินจึงเป็นแหล่งซ่องสุมกองกำลังเพื่อใช้เคลื่อนไหวทางการเมืองระดับประชาชนมาโดยตลอด ไม่ใช่สายธรรมของท่านตั๊กม้อครับ (สายเซนของท่านไม่มีใครเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินครับ ไปสืบประวัติได้เลย) ต่อมา ถึงยุคฮ่องเต้เฉียนหลง ก็เลยกวาดล้างยกวัดไปเลยครับ ทำให้ธิเบตไม่ชอบฮ่องเต้องค์นี้ แล้วก็พลอยไม่ชอบดาไลลามะองค์หนึ่งซึ่งในขณะนั้นเป็นเพื่อนกับฮ่องเต้เฉียนหลงไปด้วยครับ


    เรื่องทั้งหมด ก็ "เม้าท์" นะครับ ฮ่าๆๆ อย่าซีเรียส! ...

    ตอบลบ
  2. อ้อ มีอีกนิดส์หนึ่ง คือ วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นกับ "วิชาฟอกไขกระดูก" นี่จะคล้ายๆ กัน แต่ต่างกันตรงที่ฟอกไขกระดูก จะทำให้พลังด้านลบเปลี่ยนเป็น "ใสบริสุทธิื" แต่ไม่ได้เอาไปทำให้เกิดผลอะไรต่อ เอาไปใช้ต่อไม่ได้ แต่วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นนี่มันดีกว่าครับ ตรงที่เอาพลังด้านลบไปใช้ได้อีก หรืออีกนัยหนึ่งมันก็มีการซักฟอก ชำระล้าง อยู่ในตัวเองแล้ว แต่ไม่ได้จบที่ศูนย์ หรือใสบริสุทธิ์ มันเลยไปนิดหนึ่งคือ เป็นบวก (ไม่ใช่ศูนย์) เป็นพลังด้านบวกที่เอาไปใช้ต่อได้ครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ30 ตุลาคม 2555 เวลา 14:34

    คารวะ...ท่านผู้กล้่า

    ตอบลบ
  4. แว๊กกกกกกกกกกกกก

    ตอบลบ

เม้าท์ด้วยคน